- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 17 April 2020 12:05
- Hits: 1884
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน 17-4-2020
บทวิเคราะห์หุ้น CHG,DRT, SCCC
Chularat Hospital (CHG TB) เอาตัวรอดจาก COVID-19 ได้
ลดคาดการณ์กำไรหลัก คงคำแนะนำ ซื้อ
เราประเมินกำไรหลักไตรมาส 1/63 เติบโต 13% YoY แม้จะมีผลกระทบจาก COVID-19 โดยปรับลดคาดการณ์กำไรหลักปี 2563-64 ลง 5-7% เพื่อสะท้อนจำนวนผู้ป่วยที่ชะลอตัวท่ามกลางสถานการณ์ COVID-19 ราคาเป้าหมายลดลงมาอยู่ที่ 3.0 บาท (WACC 8.3%, LTG 3%) คงคำแนะนำ ซื้อ เนื่องจากกำไรหลักคาดเติบโต 16% CAGR ในอีกสามปีข้างหน้า
คาดกำไรหลักไตรมาส 1/63 เติบโต 13% YoY
เราคาดว่ารายได้ไตรมาส 1/63 จะเติบโต 7% YoY โดยรายได้ผู้ป่วยเงินสดเพิ่มขึ้น 7% YoY เนื่องจากการเติบโตเป็นตัวเลขสองหลัก YoY ในเดือนมกราคมถึงกุมภาพันธ์น่าจะชดเชยรายได้ที่ลดลงเป็นตัวเลขหนึ่งหลักในเดือนมีนาคม ส่วนรายได้ผู้ป่วยประกันสังคมน่าจะเพิ่มขึ้น 7% YoY จากฐานผู้ประกันตนที่เพิ่มขึ้น 3% และรายได้ต่อหัวที่สูงขึ้นหลัง สนง.ประกันสังคมปรับขึ้นอัตราจ่ายค่ารักษา ขณะเดียวกัน ผลขาดทุนสุทธิของโรงพยาบาลใหม่สองแห่งน่าจะลดลงเหลือ 22 ล้านบาท (เทียบกับขาดทุน 36 ล้านบาทในไตรมาส 1/62 และ 27 ล้านบาทในไตรมาส 4/62) โดยรวมแล้ว เราประเมินกำไรไตรมาส 1/63 เติบโต 13% YoY เป็น 203 ล้านบาท
กำไรต่อหุ้นปีนี้ยังเติบโต แม้ได้รับผลกระทบจาก COVID-19
เราปรับลดสมมติฐานการเติบโตของรายได้ผู้ป่วยเงินสดในปี 2563 เป็น 9% จาก 12% เพื่อสะท้อนการชะลอตัวของผู้ป่วยต่างชาติและผู้ป่วยไทยในส่วนที่มีอาการรุนแรงต่ำ ขณะเดียวกันคาดว่ารายได้ผู้ป่วยประกันสังคมจะได้รับผลกระทบจำกัดจาก COVD-19 โดยสมาชิกประกันสังคมเพิ่มขึ้น 3% ณ เดือนเมษายนและรายได้ต่อหัวน่าจะเพิ่มขึ้นเนื่องจากการปรับขึ้นอัตราจ่ายค่ารักษา ดังนั้นเราคาดว่ารายได้จากประกันสังคมจะเติบโต 7% นอกจากนี้ เราคาดว่าการพลิกกลับมามีกำไรของโรงพยาบาลใหม่สองแห่งจะเลื่อนจากไตรมาส 1/63 เป็นครึ่งปีหลัง ผลขาดทุนสุทธิของโรงพยาบาลใหม่สองแห่งน่าจะลดลงจาก 121 บาทในปี 2562 เป็น 38 ล้านบาทในปี 2563 โดยรวมแล้ว เราปรับลดคาดการณ์กำไรหลักลง 5-7% ในช่วงปี 2563-2565ภายใต้สมมติฐานใหม่ เรายังคาดว่า CHG จะมีกำไรหลักเติบโตที่ 12% ในปี 2563
ราคาหุ้นน่าสนใจ
CHG ซื้อขายที่ P/E ปี 63 ที่ 32 เท่า และ P/E ปี 64 ที่ 26 เท่า ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 5 ปีที่ 43 เท่า CHG ยังคงเป็นหุ้นเด่นของเราในกลุ่มโรงพยาบาล เนื่องจากการเติบโตของกำไรหลักที่แข็งแกร่งที่ 16% CAGR ในช่วงปี 2562-65 โดยมี ROE ที่เหนือกว่าที่ 21% และแนวโน้ม EBITDA margin ที่ดีขึ้นในอีกสามปีข้างหน้า
Diamond Building (DRT) Covid-19 กดดัน กำไร 1Q63 และ 2563
Results Preview ประเด็นการลงทุน
คาดกำไร 1Q63 จะลดลงจากปีก่อนเหลือ 140 ล้านบาท (+44%QoQ, -15%YoY) ถูกกระทบจาก Covid-19 และ ยังต่อเนื่องในเดือน เม.ย. รวมถึงตลาดที่ชะลอตัว ทำให้ปีนี้ผู้บริหารประเมินยอดขายจะลดลง 10% เราประเมินกำไรจะลดลง 19% เหลือ 463 ล้านบาท DRT ประกาศซื้อหุ้นคืน 9.9% ของทุนจดทะเบียน ที่ราคา 5.50 บาท จะช่วยพยุงราคาหุ้น หุ้นมีอัตราเงินปันผลดี 7.8% แนะนำ ซื้อในช่วงอ่อนตัว หลังราคาหุ้นได้ดีดกลับจากจุดต่ำสุด 16% ประเมินราคาเป้าหมาย 6.20 บาท บนฐานค่าเฉลี่ย Forward PE10ปีเท่ากับ 12.8 เท่า ลดลงจาก 7.30 บาท จากประมาณการที่ปรับลดลง
คาดกำไร 1Q63 จะลดลงจากปีก่อนเหลือ 140 ล้านบาท (-15%YoY)
ผลประกอบการ 1Q63 เราคาดกำไรปกติจะลดลงจากปีก่อนเหลือ 140 ล้านบาท (+44%QoQ, -15%YoY) ถ้ารวมกำไรจากการขายที่ดินในปีก่อน 46 ล้านบาท จะลดลงจากปีก่อน 33% กำไรที่ลดลงจากปีก่อน เนื่องจากได้รับผลกระทบจาก Covid-19 ทำให้มีการปิดสาขา Modern Trade และลูกค้าโครงการที่ชะลอตัว ส่วนลูกค้าเอเย่นต์ และส่งออกเพิ่มขึ้นเล็กน้อย รวมแล้วคาดยอดขายจะลดลงจากปีก่อนเหลือ 1,223 ล้านบาท (+16%QoQ, -8%YoY) ส่วนอัตรากำไรขั้นต้นคาดจะดีขึ้น 27.2% จาก 26.8-26.9% ในไตรมาสก่อน และ ปีก่อน จากต้นทุนเยื้อกระดาษที่ถูกลง และ ลดต้นทุน
Covid-19 กดดันกำไรปี 2563 ปรับประมาณการลดลง
การแพร่ระบาด Covid-19 กระทบลูกค้า Modern Trade (สัดส่วน 15-16%) และ ลูกค้าโครงการ (สัดส่วน 12-13%) ทรุดลงต่อเนื่องในเดือน เม.ย. ในขณะที่ลูกค้าเอเย่นต์ (สัดส่วน 50-55%) และ ส่งออก (สัดส่วน 19-20%) ยังขายได้ต่อเนื่อง ถ้าการแพร่ระบาดของ Covid-19 ไม่ต่อเนื่องถึงไตรมาสสาม ผู้บริหารประเมินยอดขายในปีนี้จะลดลงประมาณ 10% ปรับลดจากคาดการณ์เดิมจะโต 2-3% ดังนั้น เราปรับประมาณการยอดขาย และกำไร ลง 13% และ 15% เหลือ ยอดขายเท่ากับ 4,292 ล้านบาท ลดลง 10% และ มีกำไรสุทธิเท่ากับ 463 ล้านบาท ลดลง 19% ทั้งนี้ DRT มีที่ดินที่เก่งคอย 64 ไร่ กำลังพิจารณาขาย โดยมีต้นทุนรวม 5 ล้านบาท ในขณะที่ราคาตลาดประเมิน 18-19 ล้านบาท ถ้าขายได้จะมีกำไรหลักหักค่าใช้จ่ายต่างๆและภาษีประมาณ 10 ล้านบาท จะเข้ามาช่วยเพิ่มกำไรใน 2Q63
ซื้อหุ้นคืน 9.92% ที่ราคา 5.5 บาทจะช่วยพยุงราคา
DRT ประกาศซื้อหุ้นคืน 94 ล้านหุ้น หรือ คิดเป็น 9.92% ของทุนจดทะเบียน ที่ราคา 5.50 บาท ระหว่างวันที่ 7-26 พ.ค. จะช่วยพยุงราคาหุ้น
ความเสี่ยง : Covid-19, ต้นทุนวัตถุดิบและพลังงาน , ประเด็นเรื่องใยหิน
Siam City Cement (SCCC) ปิดสายการผลิต K1 คิดเป็น 13%
Company Update ประเด็นการลงทุน
SCCC ประกาศ ปิดสายการผลิตโรงงาน K1 คิดเป็น 13% ของกำลังการผลิตSCCCในประเทศ คาดกำไร 1Q63 จะปรับลดลงจากปีก่อนเหลือ 775 ล้านบาท (-30%YoY) ปรับประมาณการลดลงผลประกอบการปีนี้จะถูกกระทบหนักจากCovid-19 ราคาหุ้น SCCC ตั้งแต่ต้นปีทรุดลงหนักถึง35%YTD ปัจจุบันซื้อขายบน Valuation ที่น่าสนใจคือ P/E 12.3 เท่า, EV/EBITDA 8.1 เท่า, P/BV 1.1 เท่า และ อัตราเงินปันผลตอบแทน 6.3% เราคงแนะนำ ซื้อลงทุน ประเมินราคาเป้าหมายปี 2563 เท่ากับ 180 บาท บนฐาน Average P/E = 18x ลดลงจาก 240 บาท จากประมาณการที่ปรับลดลง
ปิดสายการผลิตโรงงาน K1 คิดเป็น 13% ของกำลังการผลิตSCCCในประเทศ
SCCC ได้ออกประกาศจะปิดสายการผลิต (Mothball) โรงงาน K1 ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค. 2563 เป็นต้นไป ทั้งนี้ SCCC มีโรงงานผลิตทั้งหมด 6 สายการผลิต คือ K1 (กำลังการผลิต 4,500 ตัน/วัน) K2 (กำลังการผลิต 3,500 ตัน/วัน ซึ่งได้หยุดมานานแล้ว) K3 (กำลังการผลิต 5,000 ตัน/วัน) K4 (กำลังการผลิต 5,000 ตัน/วัน) K5 (กำลังการผลิต 10,000 ตัน/วัน) K6 (กำลังการผลิต 10,000 ตัน/วัน) โดย K1 และ K2 เป็นโรงงานเก่าตั้งแต่ก่อตั้ง SCCC มาประมาณ 50 ปีแล้ว จึงมีประสิทธิภาพต่ำ ต้นทุนสูง การหยุดสายการผลิต K1 จะทำให้กำลังการผลิตในประเทศลดลง 13% จากปัจจุบัน
คาดกำไร 1Q63 จะปรับลดลงจากปีก่อนเหลือ 775 ล้านบาท (-30%YoY)
ความต้องการปูนซีเมนต์ในประเทศ 1Q63 คาดจะปรับลดลง 4-5%YoY และ ราคาขายคาดจะลดลง 1-2%YoY ถูกกระทบจาก Covid-19 และ งบประมาณที่ล่าช้า ส่วนตลาดต่างประเทศ เวียดนามยังมีปัญหาใบอนุญาติก่อสร้าง รวมถึงมีเคอร์ฟิว ศรีลังกามีการใช้เคอร์ฟิวตั้งแต่ 17 มี.ค. ทั้งวัน คาดยอดขาย1Q63จะปรับลดลงเหลือ 11,285 ล้านบาท (-5%QoQ, -5%YoY) และ ในไตรมาสนี้ยังมีค่าใช้จ่ายพิเศษคือ ซ่อมบำรุงเตา K5 ต่อเนื่องเดือนม.ค. อีก6-7วัน มีค่าใช้จ่ายประมาณ50ล้านบาท และ เตา K3 มีการปิดซ่อมบำรุงในเดือน มี.ค. มีค่าใช้จ่ายประมาณ 100 ล้านบาท ดังนั้น เราประเมินกำไร 1Q63 จะปรับลดลงจากปีก่อนลงเหลือ 775 ล้านบาท (+62%QoQ, -30%YoY)
ปรับประมาณการลดลงจากผลกระทบ Covid-19
Covid-19 ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและการลงทุนในวงกว้าง และรุนแรง ประเทศไทย เวียดนาม และ ศรีลังกา มีการใช้เคอร์ฟิวต่อเนื่องถึงเดือน เม.ย. รวมถึงโรงงานในไทยได้ปิดสายการผลิต K1 ซึ่งเป็นโรงงานเก่า ประสิทธิภาพต่ำ ทำให้กำลังการผลิตลดลง 13% ดังนั้น เราจึงปรับลดประมาณการยอดขาย และ กำไรปี 2563 ลง 10% และ 15% ตามลำดับ เหลือ ยอดขาย 42,834 ล้านบาท ลดลง 10%YoY และ กำไร 2,979 ล้านบาท ลดลง 6%YoY ทั้งนี้ปี 2562 มีค่าใช้จ่ายพิเศษสูงถึง 500-700 ล้านบาท
ความเสี่ยง : ต้นทุนพลังงาน / ธุรกิจปูนซีเมนต์ Over Supply / ความต้องการต่ำ
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ
Click Donate Support Web