- Details
-
Category: บทวิเคราะห์
-
Published: Tuesday, 14 April 2020 12:04
-
Hits: 3307
บล.เอเซีย พลัส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน 14-4-2020
กลยุทธ์การลงทุน
วันอังคารที่ 14 เมษายน พ.ศ. 2563
แม้ผู้ติดเชื้อ COVID-19 แตะระดับ 2 ล้านราย แต่เริ่มมีหลายประเทศผ่อนปรนเกณฑ์ Lock Down ลง เช่นเดียวกับไทย ที่มีผู้รักษาหายมากกว่าผู้ติดเชื้อ 4 วันติด ถือเป็น Sentiment ที่ดีต่อตลาด อย่างไรก็ตามยามที่ตลาดขาด Fund Flow หนุน คาดว่าเงินลงทุนจะหมุนมาหาหุ้นพื้นฐานแข็งแกร่ง ที่ราคา Laggard Top Picks เลือก LH (FV@B>11.10) RS (FV@B>13) และเพิ่ม DCC (FV@B>2.28)
… สุขสันต์วันสงกรานต์ครับ
SET Index 1,236.78
เปลี่ยนแปลง (จุด) 8.75
มูลค่าการซื้อขาย (ล้านบาท) 49,475
ย้อนรอยตลาดหุ้นไทย …จับสัญญาณวันนี้
วานนี้ ตลาดหุ้นไทยแกว่งตัวผันผวนในช่วงเช้า ก่อนจะปรับตัวขึ้นได้ในช่วงบ่าย ภายหลังจำนวนผู้ติดเชื้อในไทยที่มีแนวโน้มลดลง และความคาดหวังต่อมาตรการเยียวยาผลกระทบ COVID-19 ชุดใหม่ โดย SET Index ปิดที่ระดับ 1,236.78 จุด เพิ่มขึ้น 8.75 จุด หรือ +0.71% มูลค่าการซื้อขาย 4.95 หมื่นล้านบาท ซึ่งกลุ่มที่หนุนตลาดหลักๆ คือ กลุ่มการเงินได้แก่ MTC(+6.18%) SAWAD(+4.35%) THANI(+7.82%) KTC(+10.08%) กลุ่มอาหารเช่น CPF(+4.42%) MINT(+5.79%) และกลุ่มค้าปลีก อาทิ HMPRO(+7.94%) COM7(+9.34%) รวมถึงหุ้นขนาดใหญ่อย่างเช่น BEM(+6.51%) BTS(+5.83%) และ ADVANCE(+1.04%) เป็นต้น
แม้ตัวเลขผู้ติดเชื้อ COVID-19 แตะระดับ 2.02 ล้านราย แต่เริ่มมีหลายประเทศผ่อนปรนเกณฑ์ Lock Down ลง อาทิ สเปน สหรัฐ(บางรัฐ) เช่นเดียวกับไทย ที่มีจำนวนผู้ป่วยลดลงอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดมีผู้ติดเชื้อเพียง 28 ราย รวมทั้งสิ้น 2,579 ราย นอกจากนี้ยังมีผู้รักษาหายมากกว่าผู้ติดเชื้อ 4 วันติด อีกทั้งนักลงทุนคาดหวังต่อมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเตรียมเข้า ครม. ช่วงต่อจากนี้ จากที่ภาคเอกชนแต่ละฝ่ายได้นำเสนอ รวมถึง Exit Strategy ที่ใกล้เช้ามา ถือเป็น Sentiment ที่ดีต่อตลาด อย่างไรก็ตามยามที่ตลาดขาด Fund Flow หนุน รวมถึงตลาดหุ้นไทยขึ้นทำ V Shape ได้อย่างรวดเร็วในช่วงที่ผ่านมา ปรับตัวเพิ่มขึ้น 27.6% จากจุดต่ำสุดช่วงกลางเดือน มี.ค. 2563 ดังนั้นคาดว่าเงินลงทุนจะหมุนมาหาหุ้นพื้นฐานแข็งแกร่ง ที่ฟื้นตัวน้อยหากวัดจากจุดต่ำสุดในปีนี้ โดยฝ่ายวิจัยคัดกรองมาให้ทั้งสิ้นกว่า 15 บริษัท Top Picks ยังคงเลือก LH (FV@B>11.10) RS (FV@B>13) รวมถึงปรับพอร์ทโดยการลด BGIRM 5% แล้วเพิ่มน้ำหนักในหุ้น DCC (FV@B>2.28) แทน
ติดตาม World GDP จาก IMF...ปลดล็อด Lock Down แต่ละประเทศ
การระบาดของไวรัส ล่าสุด จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ ทั่วโลก COVID-19 เพิ่มขึ้น 169,082 ราย รวมเป็น 2,020,870 ราย โดยจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ส่วนใหญ่มากจากประเทศดังนี้
คืนนี้ประเด็นที่ให้น้ำหนัก IMF จะมีการเผยแพร่ประมาณการเศรษฐกิจโลก (World GDP Growth) ปี 2563 โดยคาดการณ์จะมีการปรับลด GDP Growth โลกปี 2563 ลงเป็นหดตัว เชื่อว่าตลาดน่าจะรับรู้ประเด็นนี้ไปในระดับนึง (โดยรอบล่าสุด IMF เศรษฐกิจโลกปี 2563 ขยายตัว 3.2%)
และวันพรุ่งนี้ 15 เม.ย.2563 ให้น้ำหนักการรายงานดัชนีชี้นำเศรษฐกิจของจีน คือ ส่งออกและนำเข้าเดือน มี.ค. โดยตลาดคาดว่าการส่งออกของจีนจะหดตัว 14%yoy ต่อเนื่องจากเดือน ก.พ. 2563 ที่หดตัว 17.2% ส่วนการนำเข้าตลาดคาดหดตัว 9.5% จากเดือน ก.พ. 2563 ที่หดตัว 4%
ผู้ติดเชื้อรายใหม่ในไทยต่ำกว่า 50 รายติดต่อกัน หนุนรัฐเตรียมผ่อนคลาย Lockdown
สถานการณ์ไวรัส COVID-19 ในไทยเห็นสัญญาณดีขึ้นต่อเนื่อง พิจารณาจาก
1.) ผู้ติดเชื้อรายใหม่ต่อวันเพิ่มขึ้นในอัตราที่ลดลง ล่าสุด วานนี้เพิ่มขึ้น 28 ราย ทำให้ผู้ติดเชื้อสะสมรวม 2,579 ราย เทียบกับช่วงต้นเดือน เม.ย. 2563 ที่เพิ่มขึ้นเฉลี่ยราว 100 ราย (ดังรูป)
2.) จำนวนผู้ติดเชื้อต่อวันเทียบกับจำนวนผู้รักษาหายต่อวัน พบว่าจำนวนผู้รักษาหายต่อวันเพิ่มขึ้นสูงกว่าจำนวนผู้ติดเชื้อต่อวันมาต่อเนื่อง 4 วันแล้ว สังเกตุจากผู้รักษาหายต่อวันมี 70 ราย สูงกว่าผู้ติดเชื้อต่อวันที่ 28 ราย
จำนวนผู้ติดเชื้อใหม่รายใหม่ของไทยที่เริ่มลดลงดังกล่าว เป็นผลจากการที่รัฐบาลมีการประกาศ การห้ามประชาชนออกจากบ้านตั้งแต่ตี 4- 4 ทุ่ม และขอความร่วมมือ Social Distance จนถึง 30 เม.ย.2563 ถือเป็นบวกต่อตลาดหุ้น แต่อีกทางหนึ่งกระทบต่อเศรษฐกิจไทยปี 2563 เนื่องจาก แรงงานบางส่วนถูกเลิกจ้างชั่วคราว ทำให้เมื่อวานนี้ประเด็นที่ตลาดให้น้ำหนัก คือ ผลสรุปการประชุมหน่วยงานเอกชน (สภาอุตสหกรรม, สภาหอการค้า, สมาคมธนาคารไทย ฯลฯ) กับ สภาพัฒน์ฯ หลักๆ โฟกัสไปแผน Exit Straetegy หรือ หาข้อสรุปผ่อนเกณฑ์การ Lockdown ประเทศ รวมถึงภาคเอกชน เสนอมาตรการเยียวยาประชาชน, ภาคธุรกิจ ฯลฯ ที่ได้รับผลกระทบ COVID-19 มีรายละเอียดคือ
มาตรการผ่อนผันให้ธุรกิจกลับมาเปิดดำเนินการได้: กำลังพิจารณาว่ามีธุรกิจใดบ้างที่จะเปิดได้เพิ่มเติม คาดจะโฟกัสไปที่ธุรกิจที่มีความจำเป็นต่อชีวิตประจำวัน คือ ห้างสรรพสินค้า, ร้านเสริมสวย เป็นต้น ถือเป็น Sentimentg เชิงบวกต่อหุ้นในกลุ่มค้าปลีก (HMPRO, COM7 ฯลฯ) ห้างสรรพสินค้า (CPN, CRC)
อย่างไรก็ตามจะมีข้อสรุปการพิจารณามาตรการอีกครั้งวันที่ 20 เม.ย. 2563 ก่อนที่จะเสนอต่อที่ประชุม ครม. ต่อไปวันที่ 21 เม.ย. 2563 จึงเป็นประเด็นที่ต้องให้น้ำหนักต่อไป โดยรวมในบรรดามาตรการต่างๆข้างต้น ASPS ให้น้ำหนักมาตรการผ่อนผันให้ธุรกิจกลับมาเปิดดำเนินการได้ เป็นอันดับต้นๆ เนื่องจากหากมีการผ่อนผันจริง เชื่อว่าจะเป็นสัญญาณบวกต่อตลาดหุ้นไทย และสามารถพยุงเศรษฐกิจไทยเอาไว้ได้ ซึ่ง ASPS ประเมินเศรษฐกิจไทยปี 2563 ยังคาดหดตัว 1.4%yoy เทียบกับConsensus คาดหดตัว 5-6% แต่อาจจะใช้เวลาอีกระยะหนึ่งกว่าเศรษฐกิจจะกลับมาฟื้นตัว ซึ่งช้ากว่าตลาดหุ้น
ผู้ค้าปลีกค้าส่งวัสดุก่อสร้างที่มีศักยภาพขยายกำไรได้อีกไกล
วันนี้ฝ่ายวิจัย มีการออก Initial Coverage หุ้น DOHOME โดยเชื่อว่ายังมีความน่าสนใจมากกว่ากลุ่มค้าปลีก จาก 3 ปัจจัย
1 จุดเด่นการขายสินค้าที่ครบ (จำนวน SKUs มากเป็นลำดับต้นของอุตสาหกรรม) และราคา เชื่อว่าช่วยให้ยังมีโอกาสแย่งชิงส่วนแบ่งตลาด จากทั้งร้านค้าดั้งเดิมที่ยังครองส่วนแบ่งตลาดกว่า 70% และ 26% ที่เหลือที่ครองโดยห้างโมเดิร์น เทรดอื่นๆ
2 โอกาสขยายตัวระยะยาวสูงกว่าผู้ประกอบการรายเดิมทั้งด้านยอดขายดังกล่าว รวมถึงประสิทธิภาพทำกำไรที่เพิ่งเริ่มเข้าสู่ช่วงเก็บเกี่ยว จากการพัฒนาระบบภายใน
3 valuation.....ถูกกว่า เมื่อเทียบ HMPRO และ GLOBAL ปัจจุบันซื้อขาย PER’63 ราว 29 เท่า ส่วน DOHOME อยู่ที่ 24 เท่า และหากพิจารณาในมุม Market Capital ของ DOHOME ที่ 1.2 หมื่นล้านบาท เทียบกับ ผู้นำ HMPRO ที่อยู่ในจุดอิ่มตัวที่ 1.86 แสนล้านบาท ภายใต้หลักอนุรักษ์นิยม เชื่อว่ายังมี Upside ระยะยาวให้ขยับขึ้นอีกไม่ต่ำกว่า 2-3 เท่า
เบื้องต้น Earning Preview 1Q63 มีหลายบริษัทลดลงเกิน 20%yoy
ปัจจุบันใกล้เข้าสู่ช่วงการประกาศงบไตรมาส 1 ปี 2563 เริ่มต้นจากกลุ่ม ธ.พ. ในสัปดาห์นี้ เบื้องฝ่ายวิจัยฯ จึงได้คาดการณ์กำไรสุทธิไตรมาส 1 ปี 2563 มี 8 บริษัท ที่กำไรสุทธิลดลงจากไตรมาส 1 ปีที่แล้วเกิน 20%yoy คือ กลุ่มธ.พ. (BBL KBANK SCB) กลุ่มวัสดุก่อสร้าง (SCC SCCC) กลุ่มพลังงาน (PTTEP) และกลุ่มขนส่ง (AOT BEM) เป็นต้น
ดังนั้นแม้หุ้นส่วนใหญ่จะขึ้นทำ V Shape ไประดับหนึ่งแล้ว แต่ยังมีความเสี่ยงที่ต้องเผชิญจากนี้ คือ ผลประกอบการณ์งวด 1Q63 หากออกมาแย่กว่าคาด อาจกดดันให้ราคาหุ้นย่อตัว หรือลดระดับการปรับตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากภาพรวมกำไรปี 2563 ฝ่ายวิจัยคาดว่าลดลงราว 16.5%
แนะนำ 15 หุ้นแกร่ง คาดถูก Rotate ทำ V Shape ตามตลาด
ตลาดหุ้นทั้งไทยและต่างเทศ ขึ้นทำ V Shape ได้อย่างรวดเร็ว (สอดคล้องกับบทเคราะห์ Invest +ประจำเดือน เม.ย. 2563) สะท้อนได้จากดัชนีหุ้นไทย และต่างประเทศพบว่า ดัชนี S&P500 และ SET Index ฟื้นขึ้นมาจากจุดต่ำสุดของปี ช่วงกลางๆ เดือน มี.ค. 63 แล้วกว่า 26.0% และ 27.6% ตามลำดับ
เนื่องจากมาตรการป้องกันที่เข้มข้นขึ้น ทำให้ตัวเลขผู้ติดเชื้อชะลอได้เร็ว ส่งผลให้ตัวเลขผู้ติดเชื้อ COVID-19 ในไทยอยู่ในระดับต่ำต่อเนื่อง มิหนำซ้ำยังมีผู้รักษามากกว่าผู้ติดเชื้อ 4 วันติด อีกมุมหนึ่งนักลงทุนคาดหวังต่อมาตการกระตุ้นเศรษฐกิจแบบจัดเต็ม รวมถึง Exit Strategy ที่ใกล้เช้ามา
อย่างไรก็ตามยามที่ตลาดขาด Fund Flow หนุน (ต่างชาติขายสุทธิหุ้นไทย 1.35 แสนล้านบาท ytd) รวมถึงหุ้นไทยหลายบริษัทขึ้นทำ V Shape ได้อย่างรวดเร็วในช่วงที่ผ่านมา จึงคาดว่าเงินลงทุนจะหมุนมาหาหุ้นพื้นฐานแข็งแกร่ง ที่ยังฟื้นตัวน้อยหากวัดจากจุดต่ำสุดในปีนี้ โดยฝ่ายวิจัยคัดกรองดังนี้
- มี Upside > 20%
- Recommend ”BUY”
- %YTD ปรับลดลงมาแรงเกิน 10%
- หุ้นที่ที่ยังฟื้นตัวน้อยหากวัดจากจุดต่ำสุดในปีนี้
เทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม,
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน, ปัจจัยทางเทคนิค
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 004132
ภราดร เตียรณปราโมทย์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 075365
ฐกฤต ชาติเชิดศักดิ์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 087636
วรรณพฤกษ์ โกมลวิทยาธร
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 110506
ภวัต ภัทราพงศ์
ผู้ช่วยนักวิเคราะห์เชิงปริมาณ
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ
Click Donate Support Web
PrevNext
บจ.mai รายงานผลการดำเนินงาน 6 เดือน ปี 2567 ยอดขาย...
บจ. มีผลประกอบการในไตรมาส 2 ดีขึ้นต่อเนื่องโดยเฉพา...
CPALL สร้างเสริมการเรียนรู้เยาวชน โชว์นวัตกรรมปล...
มาติว มีลุ้น!! BEM x WE BY THE BRAIN มอบทุนการศึ...
สจล. เปิดศูนย์วิจัยนวัตกรรมด้านเซมิคอนดักเตอร์ “KA...
สจล.จัดพิธีลงนามในสัญญา KMILT Smart Campus การประย...
ชวนร่วมงานมหกรรมงานวิจัยแห่งชาติ 2567 ครั้งที่ 1...
ตลาดหลักทรัพย์ฯ รับ 3 DR ใหม่อ้างอิงหุ้นสิงคโปร์...
สมาคมเพื่อนชุมชนสานฝันเยาวชนระยอง หนุนทุนการศึกษ...
ตลาดหลักทรัพย์ฯ จับมือภาครัฐ เอกชน จัดงาน ‘Thail...