WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน

“อ่อนตัวมีแนวเด้ง 1530, 1510”
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : ไม่มี
         สรุปปัจจัย&กลยุทธ์ทางปัจจัยพื้นฐาน : เมื่อวานนี้ดัชนีผันผวนแต่ก็มีบวกเล็กๆ ในวัน ปิดตลาด -0.24% ที่ 1539.39 จุด ทั้งนี้นักลงทุนมีการลดพอร์ตหลังสัญญาณทางเทคนิคบ่งชี้ว่าตลาดอาจพลิกจากขาขึ้นเป็นการปรับฐาน จึงลดการลงทุนต่อในจังหวะรีบาวด์ (โดยเฉพาะพอร์ตบล. ซึ่งเป็นกลุ่มนำขายเมื่อวานนี้ ด้านสถาบันในประเทศกลับมาซื้อสุทธิ 1.5 พันล้านบาท) สำหรับวันนี้ตลาดยังอยู่ใน Sentiment ลบ ทั้งนี้การเติบโตที่ล่าช้าของเศรษฐกิจโลก(IMF ปรับลดคาดการณ์ Global GDP Growth ปี 57-58 เป็น 3.3% และ 3.8% จากเดิม 3.4% และ 4.0% ตามลำดับ) เป็นปัจจัยที่กดดันการฟื้นตัวภาคส่งออกของไทย การลดลงของราคาน้ำมันดิบ (BRENT ลดลงมาแล้ว 17.2%YTD) เป็นปัจจัยกดดันหุ้นกลุ่มพลังงาน & ปิโตรเคมีเพราะคาดว่าจะมีผลขาดทุนจากสต็อกใน 3Q-4Q57 รวมถึงอาจทำให้ EPS Growth ของตลาดในปี 57 จะต่ำกว่าคาดการณ์ของเราที่ 9% ด้วย อย่างไรก็ตาม ยังมีบางกลุ่มอุตสาหกรรมที่เราคาดว่าจะมีผลประกอบการฟื้นตัว / เติบโตแข็งแกร่งได้ในช่วง 2H57 ได้แก่ กลุ่มพาณิชย์, อาหาร, ท่องเที่ยว โรงแรม และที่พักอาศัยเพราะได้รับอานิสงค์ทางบวกจากความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ดีขึ้น และมีปัจจัยหนุนเรื่องฤดูกาล (4Q เป็น High season ของการจับจ่ายใช้สอยและท่องเที่ยว)หุ้นที่น่าสนใจเลือกซื้อลงทุนจังหวะราคาอ่อนตัว เป็นดังนี้ หุ้นเด่นในกลุ่มพาณิชย์ คือ CPALL กลุ่มอาหารเป็น GFPT, TUF กลุ่มท่องเที่ยว โรงแรม ได้แก่AOT (วันนี้ปรับเพิ่มราคาพื้นฐานเป็น 255 บาท), CENTEL, MINT และกลุ่มที่พักอาศัย เราชอบ AP, PS, SPALI สำหรับหุ้นพื้นฐานแนะนำลงทุนวันนี้เป็น PS

      กลยุทธ์ทางเทคนิค : ซื้อใหม่เน้นซื้อตามค่าบวก ถ้าเป็นลบให้รอซื้อที่แนวเด้ง 1530, 1510 จุด การรีบาวด์จากแนวเด้งมีแนวต้านระยะสั้น 1550-1560จุด ส่วนหุ้นที่ราคามีโอกาสทำ New High เมื่อพิจารณาจากสัญญาณทางเทคนิค ในยามนี้จะน้อยลงไปมากแต่ก็ยังพอมี เช่น MIDA, ACD, PCSGH,TUF (สีน้ำเงิน คือ หุ้นที่เข้ามาใหม่ใน List) ส่วนหุ้นที่แนะนำและปรับขึ้นมาอยู่ในพื้นที่น่าหาจังหวะ Take Profit รอบสั้น คือ -ไม่มี- หุ้นหลุด List -ไม่มี-

Market Drivers
ปัจจัยต่างประเทศ
- เศรษฐกิจโลก : IMF ปรับลดคาดการณ์ Global GDP Growth ปี57 สู่ 3.3% และปี 58 เป็น 3.8% (จาก 3.4% และ 4.0% ที่คาดการณ์ไว้เมื่อเดือนก.ค.) ซึ่งการปรับลดคาดการณ์ครั้งนี้มาจากความอ่อนแอของเศรษฐกิจยูโรโซน และการชะลอตัวในตลาดเกิดใหม่หลักหลายแห่ง
- เยอรมนี : ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนส.ค.ร่วง 4% (เดือนก.ค.+1.6%) นับเป็นการร่วงลงมากที่สุดในรอบกว่า 5 ปี โดยวันก่อนเพิ่งรายงานคำสั่งซื้อภาคโรงงานเดือนส.ค.ว่าหดตัวแรง 5.7%
• สหรัฐ : รอดูรายงานการประชุมนโยบายการเงินของเฟด ประจำวันที่ 16-17 ก.ย. ซึ่งจะเปิดเผยในเช้าวันพฤหัสฯตามเวลาไทย รวมทั้งการเปิดเผยผลประกอบการของบริษัทเอกชนของสหรัฐ
- ตลาดหุ้นสหรัฐ : ดัชนี DJIA ดิ่ง 272.52 จุด (-1.6%) โดยมีแรงกดดันจากการที่ IMF ปรับคาดการณ์แนวโน้มเศรษฐกิจโลก และกังวลเศรษฐกิจยูโรโซนหลังการผลิตภาคอุตสาหกรรมเยอรมนีหดตัวมากที่สุดในรอบ 5 ปี
- สัญญาน้ำมันดิบร่วงลง โดย WTI ส่งมอบเดือนพ.ย.ร่วงลง 1.49ดอลลาร์ ปิดที่ 88.85 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วน BRENT ส่งมอบเดือนพ.ย.ลดลง 68 เซนต์ ปิดที่ 92.11 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยการเติบโตของเศรษฐกิจโลกที่ช้ากว่าคาด ทำให้กังวลอุปสงค์น้ำมันดิบว่าจะอ่อนแอตามไปด้วย ขณะที่มีข่าวการผลิตน้ำมันเพิ่มของกลุ่มโอเปกและสหรัฐ
+ สัญญาทองคำ COMEX ปรับขึ้นต่อ โดยสัญญาส่งมอบธ.ค.57 เพิ่ม5.1 ดอลลาร์ หรือ 0.42% ปิดที่ 1,212.4 ดอลลาร์/ออนซ์

ปัจจัยในประเทศ & ข่าวหลักทรัพย์เด่น
•/- ทีวีดาวเทียม : ยังแข่งขันกันฝุ่นตลบ ทั้งเรื่องผลิตรายการและการหาโฆษณา แต่ก็สร้างโอกาสให้กับกลุ่มคนที่เกี่ยวข้องกับการผลิตรายการทีวีมีพื้นที่ทำงานได้มากขึ้น ส่วนผู้ประกอบการ เช่น RS, WORK,GRAMMY, BEC, NMG, AMARIN, ไทยรัฐ ฯลฯ ก็ต้องปรับกลยุทธ์เพื่อให้ธุรกิจเดินหน้าต่อไปได้ตามสภาพการแข่งขันและต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น ทั้งนี้ Rating ที่ดีจะนำมาซึ่งการปรับขึ้นอัตราค่าโฆษณาในปี 58WORK เป็นบริษัทหนึ่งที่มีแผนชัดเจนว่าจะปรับขึ้นค่าโฆษณาอย่างมีนัยสำคัญในปี 58 ขณะเดียวกันก็เร่งขยายรายได้จากธุรกิจอื่น เช่น การจัดงาน & Exhibition ขนาดใหญ่ เป็นต้น ซึ่งมีแนวโน้มว่าจะไปได้ดีสำหรับแนวโน้มผลประกอบการ ช่วง 1H57 บริษัททำ EPS ได้ 0.04 บาท/หุ้น ส่วนทั้งปี 57 นักวิเคราะห์ใน IAA Consensus คาดว่าจะเป็น 0.25-0.30 บาท/หุ้น ส่วนปี 58 เติบโตก้าวกระโดดสู่ระดับ 0.80-0.90 บาท/หุ้นหลังจากที่ธุรกิจทีวีดิจิตอลเข้าระบบและอยู่ตัวมากขึ้น ในเชิงกลยุทธ์แนะนำทยอยซื้อลงทุน

- กลุ่มพลังงาน & ปิโตรเคมี ถูกกระทบจากราคาน้ำมันดิบที่อ่อนตัวโดยถ้าราคาน้ำมันดิบ WTI และ BRENT ยังคงอยู่ระดับ 90+/- ดอลลาร์/บาร์เรล จะทำให้กลุ่มโรงกลั่นและปิโตรเคมีมีผลขาดทุนจากสต็อกทั้งใน3Q57 (ราคาน้ำมันสิ้นก.ย. -15.7%QoQ และ -14.6%YTD) และ 4Q57(ราคาน้ำมันปัจจุบัน -3%QTD และ -17.2%YTD) โดยในส่วนของปิโตรเคมีแม้ไม่ได้รับผลลบโดยตรง แต่ถูกกระทบจากราคาผลิตภัณฑ์และส่วนต่าง(Spread) ที่อ่อนตัวตามราคาน้ำมัน รวมทั้งการฟื้นตัวที่ล่าช้าของเศรษฐกิจโลกก็เป็นปัจจัยกดดันการเติบโตของอุปสงค์พลังงานและปิโตรเคมีด้วย

BRENT Oil Price
BRENT Chg QoQ Chg YTD
(US$/bbl) (%) (%)
End Dec-13 110.8
End Mar-14 107.76 -2.7% -2.7%
End Jun-14 112.36 4.3% 1.4%
End Sep-14 94.67 -15.7% -14.6%
8-Oct-14 91.79 -3.0% -17.2%
Source : Aspen, DBS Vickers

ในระยะสั้นเรามีมุมมองค่อนไปทางลบกับกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมีอันเนื่องจากผลประกอบการ 2H57 มีโอกาสอ่อนแอกว่าคาดเพราะผลขาดทุนในสต็อก ส่วนการปรับโครงสร้างราคาพลังงาน โดยเฉพาะราคา LPGและ NGV เป็นบวกกับ PTT แต่ส่วนหนึ่งจะถูกชดเชยด้วยส่วนแบ่งกำไรจากPTTGC ที่น้อยลงเพราะมีแนวโน้มว่าจะต้องใช้วัตถุดิบ LPG (20% ของต้นทุนวัตถุดิบทั้งหมด) ที่มีราคาสูงขึ้น
+ กลุ่มพาณิชย์ & อาหาร & ท่องเที่ยว โรงแรม & ที่พักอาศัย เป็นกลุ่มที่คาดว่าจะมีกำไรฟื้นตัวและเติบโตดีขึ้นในช่วง 3Q-4Q57 โดยมาจากความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ดีขึ้น ฐานรายได้และกำไรใน 4Q56 ที่ต่ำเพราะช่วงนั้นมีปัญหาการเมือง รวมทั้ง 4Q เป็นช่วง High season ของการท่องเที่ยวและการจับจ่ายใช้สอย เราเริ่มเห็นอัตราการเข้าพักของโรงแรมที่ดีขึ้นตั้งแต่ส.ค.57 และยอดจองห้องพักเพิ่มขึ้นอีกในช่วงนี้ ด้าน Cabin factorของการบิน ทาง THAI กล่าวว่าใน 4Q57 จะเพิ่มเป็น 75-80% จาก 65-70%ในช่วง 3Q57 ซึ่งทำให้ธุรกิจจะเริ่มพลิกเป็นกำไรได้เล็กน้อยใน 4Q57 ในด้านที่พักอาศัยก็มีทั้งเปิดขายโครงการใหม่ และโอนกรรมสิทธิกันมากขึ้นในครึ่งหลังของปีนี้ ทำให้ผลประกอบการเติบโตเพิ่มขึ้น สำหรับหุ้นเด่นในกลุ่มพาณิชย์ คือ CPALL กลุ่มอาหารเป็น GFPT, TUF กลุ่มท่องเที่ยว โรงแรมได้แก่ AOT (วันนี้ปรับเพิ่มราคาพื้นฐานเป็น 255 บาท), CENTEL, MINTและกลุ่มที่พักอาศัย เราชอบ AP, PS, SPALI
• BMCL : รัฐบาลขอตรึงราคารถไฟฟ้าใต้ดิน (MRT) ถึงสิ้นธ.ค.57 จากเดิมที่ต้องปรับขึ้น 1-2 บาท/สถานีหลัง 2 ต.ค.57 เป็นต้นไป
• ดัชนีความเชื่อมั่น SME เดือนส.ค.57 อ่อนลงเล็กน้อย เป็น 46.4 จาก47.4 ในเดือนก่อนหน้า โดยการลดลงมาจากดัชนีภาคค้าปลีก & ค้าส่ง แต่ดัชนีภาคบริการยังเพิ่มขึ้นดี (ที่มา : สนง.ส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลาง&ย่อม)
• ขอให้รัฐช่วยสกัดเหล็กเส้นนำเข้าจากจีน วสท.จับมือส.อ.ท.ส่งหนังสือถึงรัฐบาลออกมาตรการสกัดเหล็กเส้นเจือโบรอนนำเข้าจากจีน เพราะเข้ามาดัมพ์ราคาในประเทศโดยขายต่ำกว่า 3-4 พันบาทต่อตัน
นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค : Tel 7829 [email protected]

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!