- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 27 November 2019 16:11
- Hits: 1041
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
“รอลงนามเฟส 1-มาตรการรัฐกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม”
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : --
ภาวะตลาดและปัจจัย : SET วานนี้ -5.42 จุด ปิดที่ 1609.38 จุด มูลค่าการซื้อขายหนาแน่นเป็น 88 พันล้านบาท ดัชนีปรับขึ้นลงคล้ายเพื่อนบ้าน ดัชนีอยู่ในแดนลบตลอดวัน แม้เจรจาการค้าดี จีนแสดงท่าทีใกล้เจรจาสำเร็จ น้ำมันปรับขึ้น และ MSCI มีผล แต่เหมือนกับมี Sell on Fact หุ้นที่นำเข้าคำนวณกลับปรับตัวลงแรง ขณะที่ซื้อสุทธิมากคือ สถาบัน ขายสุทธิมากเป็นต่างชาติ ต้นเดือนถึงปัจจุบันต่างชาติขายสุทธิ 1.8 พันล้านบาท ด้านแนวโน้มตลาดและกลยุทธ์คือ
# ปัจจัยสำคัญ: ใกล้ลงนามเฟส 1 รัฐมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ ด้านบวกคือ เข้าใกล้ลงนามเฟส 1 อยู่ในขั้นต้อนสำคัญ ครม.มีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเน้นภาคเกษตร ฐานรากและอสังหาฯ เฟดมองเศรษฐกิจสหรัฐแกร่ง ดาวโจนส์และน้ำมันปรับขึ้นดี ตลาดหุ้นเพื่อนบ้านปรับขึ้นส่วนใหญ่ ดัชนีกังวล (Vix) ลดลงเหลือ 11.5จุด ด้านปัจจัย MSCI แผ่วลง หลังวานนี้กลับขายทำกำไร อาจเป็นเพราะจีนได้เพิ่มน้ำหนักเบียดประเทศอื่น และ Sell on Fact ด้านลบคือ เศรษฐกิจไทยชะลอ ล่าสุดยอดจัดตั้งธุรกิจใหม่ลดลง และการเมืองร้อนแรงขึ้น
# ระยะสั้นคาด SET- มีโอกาสผันผวน หลังรับข่าวดีเจรจาการค้าไประดับหนึ่ง จับตาหุ้นที่อยู่อาศัย หลังมีมาตรการ Cash Back 5 หมื่นบาท ช่วยดาวน์ ข้อดีลดสต็อคที่ล้นตลาด Top Pick คือ AP, ORI กลุ่มโรงพยาบาลมีข่าวดี ประกันสังคมใกล้เพิ่มค่าชดเชยให้โรงพยาบาล หุ้นเด่นคือ CHG,RPH, RJH ส่วน CPN เด่นด้านขายหุ้น 30% ในเซ็นทรัล วิลเลจให้มิตซูบิชิ เอสเตท เอเซีย นอกจากได้กำไร และเงินราว 1 พันล้านบาท ก็จะได้พันธมิตรญี่ปุ่น หนุนเป็น Luxury Outlet ระดับเอเซีย แนะนำ ซื้อราคาพื้นฐาน 77 บาท อีกทั้ง AOT จะขายซองประกวดราคาบริหาร Duty Free ดอนเมือง มีส่วนแบ่งรายได้เพิ่ม แนะนำ ซื้อ ราคาพื้นฐาน 90 บาท เราคาดว่า SET ซื้อขายในกรอบ 1580-1630 จุด แนวต้านเป็น 1620-1630 จุด แนวรับอยู่ที่ 1580-1550 จุด Stop Loss ต่ำกว่า 1600 จุด การเข้าเก็งกำไรไม่ควรหวังผลตอบแทนสูง หาจังหวะขายทำกำไร กลยุทธ์ระยะกลาง-ยาว คือ เลือกลงทุนทยอยสะสม เป็นรายกลุ่มและรายตัว (Selective) ตาม Theme หุ้นกลุ่ม REITs และ IFFS ถือว่าน่าสนใจ จากแนวโน้มดอกเบี้ยต่ำ สำหรับแรงซื้อ LTF ปลายปี และเป็นปีสุดท้ายช่วยหนุน SET
# Stock Pick Today : AP วานนี้ครม.ออกมาตรการกระตุ้นอสังหาฯ "บ้านดีมีดาวน์" ลดภาระผ่อนดาวน์ (Cash Back) 5 หมื่นบาท จำกัดมีรายได้น้อยกว่า 1 แสนบาทและให้สิทธิ์เพียง 1 แสนราย คาดว่าบริษัทจะได้ประโยชน์ด้วย คงคำแนะนำ ซื้อ และให้เป็น Top Pick ในกลุ่มที่อยู่อาศัย ประเมินราคาพื้นฐานไว้ที่ 8.20 บาท คาดว่ากำไรหลักปี 63 กลับมาฟื้นตัว โตได้ถึง 13% y-o-y หลังปี 62 กำไรปรับลง 16% y-o-y เพราะมีการโอนได้มาก ตามยอดขายรอโอน (Backlog) ที่สูง อีกทั้งจ่ายปันผลได้สูงคาดการณ์อัตราผลตอบแทนปีนี้และปีหน้า 5.1%/5.7%
การวิเคราะห์ทางเทคนิค: ระยะสั้น สัญญาณ Candlestick & Indicators เปลี่ยนกลับมาเป็นลบ แต่ก็ยังไม่ตัดเรื่องมีรีบาวด์ฯก่อนได้ {“ปิดลบ”แต่ยังยืนเหนือ“SMA10วัน”(โดยยังถูกกดดันจาก“โครงสร้างขาลง – ระยะกลาง”)} ชี้ความน่าจะเป็นของตลาดฯวันนี้“แกว่ง”แบบให้น้ำหนักกับการลง แต่“ค่าบวก”(มี “SMA10”หนุน) จะช่วยให้มีรีบาวด์ฯสั้นๆก่อน(แล้วจึงลงต่ำ,ตามมา)ได้ แนวต้าน 1620 (หรือ 1630) จุด {แนวตัดขาดทุน “ต่ำกว่า 1600” / แนวรับย่อย “1580 – 1570 (หรือ 1550)” จุด} คาดหุ้น New Highเข้ามาใหม่คือ TCAP,EPG,SPALI,PTG,CHG,GFPT,UTP ที่ยังอยู่ใน List คือ MEGA,STPI,IRPC,PTTGC,CHAYO,PSL หุ้นหลุด List MTC หุ้นอยู่ในพื้นที่ Take Profit คือDELTA Thailand Research Team : reseach-th.dbs.com
Inside Story
Key Drivers TODAY : ปัจจัยต่างประเทศ / ปัจจัยในประเทศ
Industry Focus : ธนาคารพาณิชย์
Company Guide : BBL (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 217.00)
SEAFCO (ถือ -ราคาพื้นฐาน 6.80)
In The News : กลุ่มท่องเที่ยว : นายกฯเห็นชอบข้อเสนอภาคเอกชนกระตุ้นภาคท่องเที่ยวอีกระลอก
Key Drivers TODAY
ปัจจัยต่างประเทศ
+ สหรัฐ: ทรัมป์กล่าวสหรัฐและจีนกำลังอยู่ในขั้นตอนสุดท้ายของการทำข้อตกลงการค้า
# หลังจากปธน.ทรัมป์กล่าวกับผู้สื่อข่าวที่ทำเนียบขาวเมื่อวานนี้ว่า สหรัฐและจีนกำลังอยู่ในขั้นตอนสุดท้ายของการทำข้อตกลงการค้า ซึ่งถือเป็นข้อตกลงที่มีความสำคัญอย่างมาก และการเจรจาก็กำลังไปได้ดี แต่ในขณะเดียวกัน สหรัฐก็อยู่เคียงข้างกลุ่มผู้เรียกร้องประชาธิปไตยในฮ่องกง
# ทางด้านนางเคลลีแอนน์ คอนเวย์ ที่ปรึกษาประจำทำเนียบขาวกล่าวว่า สหรัฐและจีนกำลังใกล้บรรลุข้อตกลงการค้าเฟสแรก หลังจากเจ้าหน้าที่การค้าของทั้งสองฝ่ายได้หารือกันทางโทรศัพท์ และตกลงที่จะเดินหน้าเจรจาร่วมกันต่อไป
+ สหรัฐ: ประธานเฟดแสดงสุนทรพจน์ทางบวกต่อเศรษฐกิจสหรัฐ
# นายพาวเวลได้กล่าวสุนทรพจน์ล่าสุดที่รัฐโรดไอร์แลนด์เมื่อวันจันทร์ว่า นโยบายการเงินของเฟดอยู่ในสถานะที่ดีพอที่จะสนับสนุนตลาดแรงงานให้มีความแข็งแกร่ง พร้อมกับแสดงมุมมองบวกต่อภาวะเศรษฐกิจสหรัฐ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการใช้จ่ายผู้บริโภคที่แข็งแกร่ง ซึ่งได้รับแรงกระตุ้นจากตลาดแรงงานที่แข็งแกร่ง การเพิ่มขึ้นของรายได้ และความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่สูงขึ้น
-สหรัฐ: ตัวเลขยอดขายบ้านใหม่และดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคลดลง
# กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ยอดขายบ้านใหม่ลดลง 0.7% ในเดือนต.ค. เมื่อเทียบรายเดือน สู่ระดับ 733,000 ยูนิต ส่วนตัวเลขขาดดุลการค้าของสหรัฐลดลง 5.7% สู่ระดับ 6.65 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนต.ค.
# ขณะที่ผลสำรวจของ Conference Board ซึ่งเป็นสถาบันวิจัยเศรษฐกิจ ระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐลดลงสู่ระดับ 125.5 ในเดือนพ.ย. ซึ่งเป็นการปรับตัวลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 4
• สหรัฐ: ตัวเลขเศรษฐกิจให้ติดตามในสัปดาห์นี้
# ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ได้แก่ ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP)ไตรมาส 3/2562 (ประมาณการครั้งที่ 2), ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนต.ค., ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล(PCE) เดือนต.ค., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pendinghome sales) เดือนต.ค.
+ ดัชนีหุ้นสหรัฐ: ดาวโจนส์ปรับขึ้น มีความคืบหน้าในการเจรจาการค้า
# ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 28,121.68 จุด เพิ่มขึ้น 55.21 จุด หรือ +0.20% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่3,140.52 จุด เพิ่มขึ้น 6.88 จุด หรือ +0.22% ส่วนดัชนี Nasdaq ปิดที่ 8,647.93 จุด เพิ่มขึ้น 15.44 จุด หรือ +0.18%
# ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (26 พ.ย.) โดยดัชนีหลักทั้ง 3 ดัชนียังคงเดินหน้าทำนิวไฮ หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ส่งสัญญาณว่า สหรัฐกำลังอยู่ในขั้นตอนสุดท้ายของการทำข้อตกลงการค้ากับจีน นอกจากนี้ตลาดยังได้แรงหนุนจากการที่นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้แสดงมุมมองเชิงบวกเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจของสหรัฐ
+ น้ำมัน: ปรับขึ้น สะท้อนเจรจาการค้าคืบหน้า และโอเปกขยายเวลาลดการผลิต
# สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนม.ค. เพิ่มขึ้น 40 เซนต์ หรือ 0.6% ปิดที่ 58.41 ดอลลาร์/บาร์เรล
# สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนม.ค. เพิ่มขึ้น 62 เซนต์ หรือ 0.9% ปิดที่ 64.27 ดอลลาร์/บาร์เรล
# สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (26 พ.ย.) ขานรับการคาดการณ์ที่ว่า สต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ของสหรัฐจะปรับตัวลดลง รวมทั้งมุมมองบวกเกี่ยวกับความคืบหน้าในการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีน นอกจากนี้ นักลงทุนยังคาดหวังว่า กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และประเทศพันธมิตรจะขยายเวลาการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันออกไปถึงกลางปีหน้า
- ทองคำ: ปรับขึ้น เพราะดอลลาร์อ่อนค่าตามตัวเลขเศรษฐกิจ
# สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 3.40 ดอลลาร์ หรือ 0.23% ปิดที่1,460.30 ดอลลาร์/ออนซ์
# สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (26 พ.ย.) โดยได้แรงหนุนจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ หลังจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่ซบเซา อย่างไรก็ดี การที่ตลาดหุ้นสหรัฐทำนิวไฮอย่างต่อเนื่อง ทำให้นักลงทุนจำนวนหนึ่งยังคงเทขายทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย และเข้าซื้อสินทรัพย์เสี่ยงที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่า
ปัจจัยในประเทศและข่าวหลักทรัพย์
+ครม.อนุมัติชุดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่วันนี้ เน้นอัดฉีดเม็ดเงินให้กลุ่มเกษตรกร-ฐานราก-อสังหาฯ
# โครงการเพิ่มความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานราก ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 แบ่งเป็น 3 กลุ่มย่อยคือ 1) ยกระดับโครงสร้างพื้นฐานหมู่บ้าน 2) สินเชื่อธุรกิจชุมชน และ 3) โครงการพักชำระหนี้สมาชิกกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองตามความสมัครใจ
# มาตรการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ผ่านโครงการช่วยเหลือค่าเก็บเกี่ยวและปรับปรุงคุณภาพข้าว ปีการผลิต2562/63
# มาตรการลดภาระการซื้อที่อยู่อาศัย ภายใต้โครงการ "บ้านดีมีดาวน์" เพื่อเป็นการลดภาระ และสนับสนุนให้ประชาชนทั่วไปมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง โดยภาครัฐสนับสนุนเงินเพื่อลดภาระการผ่อนดาวน์ (Cash Back) จำนวน 50,000 บาทต่อราย
# ผลกระทบ: คาดว่าจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจโดยรวม และกลุ่มหลักทรัพย์เกี่ยวกับการอุปโภค-บริโภค เช่น พาณิชย์ สื่อสารอสังหาฯ และกลุ่มสื่อ เป็นต้น
+ ติดตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมเป็นของขวัญปีใหม่
# รมว.คลัง กล่าวว่า รัฐบาลอาจจะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมเป็นของขวัญปีใหม่ แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ในขณะนี้
-การค้าของจีนใน CLMV ที่มีผลกระทบทางลบต่อไทย
# ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาการค้าระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เผยผลศึกษาภาพรวมการค้าของอาเซียนการค้าของจีนใน CLMV ที่มีผลกระทบต่อไทย โดยคาดว่า ในอีก 5 ปีข้างหน้า หรือตั้งแต่ปี 63-67 สินค้าไทยจะถูกสินค้าจีนแย่งตลาด CLMV และมูลค่าส่งออกไทยในตลาดดังกล่าวหายไป 187,795 ล้านบาท หรือ 23.83% ของมูลค่าการส่งออกไทยไป CLMV
-ยอดธุรกิจจัดตั้งใหม่เดือน ตุลาคม 62 ปรับตัวลดลง
# รองอธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยว่า ในเดือนต.ค.62 มียอดธุรกิจจัดตั้งใหม่อยู่ที่ 5,751 ราย ลดลง 1,203 รายหรือคิดเป็น 17% เมื่อเทียบกับเดือน ก.ย.62 ที่มีจำนวน 6,954 ราย และลดลงจำนวน 446 ราย หรือคิดเป็น 7% เมื่อเทียบกับเดือน ต.ค.61 ที่มีจำนวน 6,197 ราย โดยคาดว่าในปี 2562 จะมีสถิติการจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา
+ CRYSTAL: กำหนดวันหยุดการซื้อขาย เพื่อเปลี่ยนเป็น BEKER
# จะขึ้น SP 29 พ.ย.62 และยกเลิกกองทุน 2 ธ.ค.62 เพื่อเปลี่ยนเป็น BEKER แต่จะหยุดซื้อขายไปจนกว่าจะแล้วเสร็จ มีข่าวเบื้องต้นว่าราคาเพิ่มทุนอยู่ที่ 9.60 บาท แต่ต้องรอยืนยันจากทางกองทุนฯอีกครั้ง
นักวิเคราะห์&กลยุทธ์ : สมบัติ เอกวรรณพัฒนา : [email protected]