- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 25 November 2019 16:19
- Hits: 2569
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
กลยุทธ์วันนี้ >> Selective Buy//Accumulate around 1,580-1,600
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index รีบาวด์ขึ้นได้เล็กน้อยหลังจากช่วงก่อนหน้าไม่หลุดต่ำกว่าแนวรับสำคัญบริเวณ 1,580 จุด โดยเมื่อวันศุกร์สามารถปิดบวก 5.68 จุด ณ สิ้นวันรับประเด็นบวกจากข่าวที่ผู้แทนการค้าจีนเชิญผู้แทนฯสหรัฐฯเข้าเจรจาการค้าที่กรุงปักกิ่ง สถาบันในประเทศพลิกมาซื้อสุทธิในตลาดหุ้นหนาแน่น 2.4 พันลบ. ขณะที่นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1.5 พันลบ. (แต่พลิกมา Long Index Futures 1.1 หมื่นสัญญา)
แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาดว่า SET Index จะแกว่งตัว Sideways Up โดยคาดแกว่งตัวในกรอบ 1,590-1,610 จุด โดยบรรยากาศการลงทุนผ่อนคลายมากขึ้นหลังทรัมป์ให้ข่าวว่าทั้ง 2 ฝ่ายต่างใกล้บรรลุข้อตกลงทางการค้าเฟสแรก ส่วนฝั่งสี จิ้น ผิง ย้ำกว่าต้องการทำงานกับสหรัฐฯเพื่อให้ได้ข้อตกลง แต่ไม่กลัวที่จะตอบโต้เช่นกัน ขณะที่ปัจจัยในประเทศวันนี้ติดตามการหารือระหว่าง FETCO และรมต.คลังเกี่ยวกับกองทุนที่จะมาทดแทน LTF ส่วนพรุ่งนี้จะมี MSCI Rebalance ซึ่งจะทำให้หุ้นที่ถูกปรับเข้า-ออกเคลื่อนไหวผันผวน เรายังมองการสร้างฐานของตลาดบริเวณ 1,600 จุดบวกลบในระยะนี้เป็นจังหวะในการทยอยสะสมหุ้นพื้นฐานระยะกลาง-ยาว โดยคาดว่าเศรษฐกิจไทยจะค่อยๆฟื้นตัวขึ้นใน 4Q19 ต่อเนื่อง 2020
กลยุทธ์ : เก็งกำไรหุ้นที่มีประเด็นบวกเฉพาะตัว //ทยอยสะสมหุ้นพื้นฐานบริเวณ 1,580-1,600 จุด
หุ้นเด่นเดือน พ.ย. : AOT, CHG, RBF, TACC, TISCO
หุ้นเด่นวันนี้: SISB
- แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมายปีหน้า 10.90 บาท
- บริษัทมีแผนพัฒนาอาคารและหลักสูตรการเรียนต่อเนื่องในปี 2020 โดยจะปรับปรุงห้องเรียนสำหรับนักเรียนชั้น Nursery เพิ่มห้องเรียนชั้นมัธยม (Secondary) เป็น 1,320 คน จากปัจจุบัน 720 คน การเพิ่มขึ้นส่วนใหญ่คือที่สาขาธนบุรี คาดเปิดสอน ส.ค. 2021
- หลักสูตร IB สำหรับม.ปลาย (G11-G12) เพื่อใช้เรียนต่อในมหาวิทยาลัยต่างประเทศ ได้รับการอนุญาตแล้วคาดเปิดสอน ส.ค. 2020 ช่วยเพิ่มอัตราการเรียนต่อของเด็กมัธยมและเพิ่มค่าเรียนเฉลี่ยต่อคนต่อปี
- เราคาดกำไรปีนี้ +108% ปีหน้า +34% SISB ล้างขาดทุนสะสมหมดตั้งแต่ 2Q19 เราคาดเงินปันผล 0.09 บาท/หุ้น (yield 1%)
Fund Flow เมื่อวันศุกร์กระแสเงินทุนไหลออกจากภูมิภาค US$251ล้าน เม็ดเงินส่วนใหญ่ไหลออกจากเกาหลีใต้ US$147ล้าน ส่วนไทยมีเม็ดเงินไหลออก US$49ล้าน แนวโน้มของกระแสเงินทุนมีทิศทางไหลกลับมาไหลเข้าภูมิภาคหลังผู้นำจีนและสหรัฐที่ระบุว่าข้อตกลงทางการค้าเฟสแรกน่าจะเสร็จสิ้นในไม่ช้า
ประเด็นสำคัญวันนี้
(-) กลุ่มรับเหมา กำไรสุทธิ 9M19 น่าผิดหวัง -46% Y-Y จากรายได้ก่อสร้างและอัตรากำไรขั้นต้นลดลง หากไม่รวมรายการพิเศษของ CK กำไรปกติของกลุ่มย่ำแย่กว่านี้ เราปรับลดกำไรของ CK ปี 2019-20 ลง 35% และ 24% เป็น-45% Y-Y ในปีนี้และ +53% Y-Y ในปีหน้า ลดเป้าปีหน้าเป็น 25 บาท แต่เชื่อผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว และ CK ยังมีกำไรจาก BEM และ CKP ช่วยหนุน สถานการณ์ดีกว่า STEC ที่เราคาดกำไรปีนี้ -17% Y-Y และ +22% Y-Y ปีหน้า ความน่าสนใจของกลุ่มฯในระยะสั้นยังไม่มี
(+) HANA เราเพิ่มคำแนะนำจากขาย เป็นเก็งกำไร เป้าปีหน้า 34 บาท แม้จะมองบวกมากขึ้นแต่ยังมีความเสี่ยงหลายอย่าง มุมบวกคือยอดขาย PC และ Smartphone ทั่วโลกฟื้นตัวเพราะสต็อกต่ำมานาน ลูกค้า upgrade software และบริษัทได้คำสั่งซื้อเพิ่มบางส่วน แต่มุมลบคือบาทแข็ง สินค้ากลุ่ม Auto ยังหดตัวเพราะ Trade war และมีรายจ่ายย้ายฐานผลิตจากจีนบางส่วนมาไทย เราคาดกำไรปีนี้ -40% ปีหน้า +35% แต่ยังเป็นระดับที่ต่ำกว่าปกติ
(+) ASK ผู้บริหารตั้งเป้าสินเชื่อปี 2020 โตกว่า 10% สวนทางตลาดรถเชิงพาณิชย์ที่ชะลอ เพราะปีหน้ามีลูกค้ารถตู้โดยสารที่จะครบอายุการใช้งาน 1-2 พันราย ถ้าเปลี่ยนเป็นรถมินิบัส 50% คันละ 2 ลบ. จะได้สินเชื่อ 2 พันลบ. ผู้บริหารเชื่อว่า TFRS 9 ไม่กระทบ และไม่จำเป็นต้องเพิ่มทุนแม้ D/E ปีหน้าน่าจะเป็น 6.9 เท่า เราคงเป้าปีหน้า 28 บาทคาดปันผล 1.7 บาท/หุ้น (yield 6.7%) แนะนำซื้อ
(0) Opportunity Day วันนี้ TSE, TTW, SEAFCO, FVC, TMILL, ILM, TM
(0) MSCI Index Rebalance อิงราคาปิด 26 พ.ย. มีหุ้นไทยเข้าคำนวณดัชนีทั้งหมด 11 ตัว ออก 2 ตัว แบ่งเป็น Global Standard Index เข้า 4 ตัว (BGRIM, GPSC, OSP, SAWAD) ไม่มีหุ้นออก ส่วน Small Cap Index มีหุ้นเข้า 7 ตัว(CENTEL, DOHOME, JMT, SPRC, STPI, TPIPP, TQM) ออก 3 ตัว (CBG, TISCO, SAWAD (ย้ายไปเข้า Global Standard)
(+) ตลาดดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 109.33 จุด ปิดที่ 27,875.62 จุด หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ และประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน ส่งสัญญาณบวกว่าสหรัฐและจีนใกล้บรรลุข้อตกลงการค้าเฟสแรก รวมถึงได้แรงหนุนจากรายงานดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) รวมภาคการผลิต และภาคบริการเบื้องต้นของสหรัฐในเดือนพ.ย. ปรับขึ้นสูงสุดในรอบ 4 เดือน
(+) ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวก จากความคืบหน้าของการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีน
(+) ตลาดเอเชียปรับขึ้น จากคาดหวังเชิงบวกของการค้าระหว่างสหรัฐและจีน ขณะที่นักลงทุนติดตามสถานการณ์การเลือกตั้งของฮ่องกง
(0) ค่าเงินบาทแกว่งในกรอบแคบ ล่าสุดอยู่ที่บริเวณ 30.18 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
(-) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ลดลง 81 เซนต์ ปิดที่ 57.77 ดอลลาร์/บาร์เรล จากการขายทำกำไรหลังราคาปรับขึ้นในช่วงที่ผ่านมา รวมถึงรายงานข่าวว่ารัสเซียอาจไม่ปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันลงในการประชุมโอเปก
(0) ราคาทองคำ COMEX ปิดทรงตัวที่ 1,463.60 ดอลลาร์/ออนซ์
SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 891.79 / +-
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
26 พ.ย. - ฮ่องกง: 3Q19 GDP
- MSCI Index rebalance effective date
27 พ.ย. - สหรัฐ: 3Q19 GDP
29 พ.ย. - ไทย: ธปท.รายงานภาวะเศรษฐกิจ (ต.ค.)
- เกาหลีใต้: ธนาคารกลางประชุม
30 พ.ย. - จีน: Manufacturing & Composite PMI (พ.ย.)
Contact person : Jitra Amornthum Register : 014530
Contact person : Veeravat Virochpoka Register : 047077
www.fnsyrus.com
FB: Finansia Syrus Research