- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 25 November 2019 16:12
- Hits: 1599
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : Need to KNOW
Need to KNOW
ปัจจัยต่างประเทศ
+ สงครามการค้า : ประธานาธิบดีทรัมป์กล่าวให้ความหวังตลาดว่าสหรัฐจะทำข้อตกลงการค้าเฟสแรกกับจีนได้ก่อนสิ้นปี 62 นี้อย่างไรก็ตาม ก็ยังมีความไม่แน่นอน เพราะรัฐบาลจีนไม่พอใจสหรัฐที่แทรกแซงการประท้วงในฮ่องกง
• คะแนนนิยมพรรคนายกฯอังกฤษยังคงนำ ผลสำรวจล่าสุดของYouGov บ่งชี้ว่าคะแนนสนับสนุนพรรคอนุรักษ์นิยมของนายบอริสนายกรัฐมนตรีอังกฤษอยู่ที่ 42% มากกว่าพรรคแรงงานที่ 30% โดยอังกฤษจะเลือกตั้ง 12 ธ.ค.62 ส่วนเส้นตาย Brexit 31 ม.ค.63
+ สหรัฐ : ดัชนี PMI และดัชนี CCI เดือนพ.ย.ดีกว่าคาด โดยดัชนีPMI ภาคผลิต&บริการเบื้องต้นเดือนพ.ย.ของสหรัฐ ปรับตัวขึ้นเป็น51.9 สูงสุดในรอบ 4 เดือน จาก 50.9 ในเดือนต.ค. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคพ.ย.เพิ่มสู่ 96.8 สวนกับที่ตลาดคาดว่าจะลดลง
•/- 5 ธ.ค.นี้ ซาอุดิ อารามโคจะเสนอขายหุ้น IPO มูลค่า 2.4-2.55หมื่นล้านUS$ @ 8-8.5 US$/หุ้น หลังทำ IPO หุ้นจะมีมูลค่าตลาด1.6-1.7 ล้านล้านUS$ ล่าสุดมีข่าวว่าผู้บริหารซาอุดิ อาราโค เข้าพบรัฐบาลคูเวตเพื่อเชิญชวนให้กองทุนความมั่งคั่งรัฐบาลซื้อหุ้น
• ฮ่องกง : เลือกตั้งสภาเขตคึกคัก...ผลชัดว่าประชาชนอยากได้ประชาธิบไตย ประชาชนมาลงคะแนนสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ผลนับคะแนนเบื้องต้น; พรรคสนับสนุนประชาธิปไตยได้คะแนนเสียงท่วมท้นราว 90% ของจำนวนที่นั่งทั้งหมด
ปัจจัยในประเทศ
+/- MSCI รอบพ.ย.มีผลบังคับใช้ คือ 26 พ.ย. ราคาหุ้นที่เข้า/ออกอาจจะผันผวน โดยมีการปรับหุ้นไทยดังนี้ # MSCI Thailand มีหุ้นเข้า คือ BGRIM, GPSC, OSP, SAWAD ไม่มีหุ้นออก # MSCIGlobal Small Cap มีหุ้นเข้า คือ CENTEL, DOHOME, JMT,SPRC, STPI, TPIPP, TQM หุ้นออก CBG, SAWAD, TISCO
+ Bond Yield ลดลง หลังพุ่งขึ้นในช่วงก่อนหน้า ซึ่งเป็น Sentimentบวกกับกลุ่ม REIT โดยกองฯที่แนะนำซื้อ ประกอบด้วย AIMIRT,CRYSTAL, DIF, DREIT, HREIT, TPRIME, WHART
+ แรงซื้อ LTF ในช่วง 1 เดือนเศษที่เหลือของปีนี้ ซึ่งเราคาดว่าจะช่วยพยุง SET Index ไม่ให้ดิ่งลงแรงในช่วงที่เหลือของปีนี้
- สถานการณ์การเมืองไทยร้อนขึ้น หลังศาลฯตัดสินให้นายธนาธรหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่พ้นจากความเป็นส.ส. และพรรคอนาคตใหม่ยังมีคดีอื่นที่รอการตัดสินอีกจำนวนมาก จึงมีข่าวการปลุกกระแสม็อบอีกรอบ ทางด้านส.ส.รัฐบาลก็มีประเด็นรุกที่ดินรัฐแล้วยังมีความขัดแย้งกันภายในพรรคร่วมรัฐบาลด้วย- DBSVTH ปรับลดเป้าหมาย SET Index สิ้นปี 62 เป็น 1567จุด และปี 63 เป็น 1720 จุด หลังจากกำไรสุทธิ 3Q62 ออกมาต่ำกว่าคาด (-17%YoY) ให้น้ำหนักการลงทุนในตลาดหุ้นไทย Neutral
กลยุทธ์การลงทุน
สรุปภาพรวม : ระยะสั้นมากตลาดได้รับแรงหนุนจากความหวังว่าสหรัฐกับจีนจะบรรลุข้อตกลงการค้าเฟสแรกในไม่ช้านี้ และตัวเลขPMI รวม & ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนพ.ย.ของสหรัฐออกมาดีเกินคาด นอกจากนั้นยังมีแรงซื้อ LTF โค้งสุดท้ายที่จะเกิดขึ้นในช่วงที่เหลือของปีนี้ แต่...ในช่วงสั้นหุ้นกลุ่มพลังงานอาจถูกกระทบจากการSwitch ไปจองซื้อหุ้น IPO ซาอุดิ อาราโค ในวันที่ 5 ธ.ค.นี้ ซึ่งบริษัทจะเข้าคำนวณใน MSCI & FTSE Indexes เดือนธ.ค.62-ม.ค.63 ประกอบกับสงครามการค้ายังไม่แน่นอน กลยุทธ์ : เน้นลงทุนรอบสั้นไปก่อนส่วนการลงทุนยาวเลือกซื้อหุ้นธุรกิจมั่นคง, Defensive, หุ้นที่จ่ายปันผลได้ดีและสม่ำเสมอ ในลักษณะของการถอยรับ (ไม่ไล่ราคา)
การวิเคราะห์เทคนิค : สัญญาณระยะสั้นเป็นลบเล็กๆ การซื้อใหม่เน้นตามด้วยค่าบวกของดัชนีและราคาหุ้น แนวต้านระยะสั้น 1605-1610, 1620 ค่าลบให้รอรับที่ 1590-1580, 1570
หุ้น Top Picks รายสัปดาห์
หุ้นพื้นฐานเดน่ สำหรับสัปดาห์นี้ ประกอบด้วย
BDMS – คาดว่ารายได้และมาร์จิ้นปี 20F จะดีขึ้น เพราะโรงพยาบาลที่ลงทุนใหม่มีคนไข้เพิ่ม คนไข้ ME เริ่มกลับมา คนไข้ประเทศเพื่อนบ้านเพิ่มขึ้น อัตรากำไรดีขึ้นจากการรักษาโรคซับซ้อนมากขึ้นควบคุมค่าใช้จ่ายได้ดี ทาง DBS ให้ราคาพื้นฐานที่ 28 บาท
CPALL - ยอด SSSG ของ 7-11 และ MAKRO เป็นบวกได้ 2% และ5.5% ใน 3Q19 ซึ่งดีกว่ากลุ่ม มาร์จิ้นทรงตัวที่ 26.6% จากการปรับProduct Mixed และมี Economy of scale การลงทุนต่างประเทศหนุนการเติบโตในระยะยาว…ราคาพื้นฐาน 92.50 บาท
KBANK – คาดว่าสินเชื่อ 4Q19 จะโตเร่งตัวขึ้น รายได้ค่าธรรมเนียมฟื้นตัว เป็น 1 ในหุ้นที่อยู่ในกองทุน LTF ซึ่งคาดว่าจะมีแรงซื้อเข้ามาแม้ NPL ขยับขึ้นแต่บริหารจัดการได้ เราให้ราคาพื้นฐาน 180 บาท
***หุ้น Top Picks สัปดาห์ก่อนคือ CPALL, GPSC, TCAP ให้Return เฉลี่ย +1.2% ดีกว่า SET Index ที่ -0.5%***
นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค– [email protected]