- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 22 November 2019 21:24
- Hits: 1259
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
กลยุทธ์วันนี้ >> Selective Buy//Accumulate around 1,580-1,600
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index ปรับฐานลงต่อเนื่องและอยู่ในกรอบที่เราคาด โดยระหว่างวันมีแรงขายกดดันลงไปทดสอบระดับ 1,583 จุดก่อนที่จะรีบาวด์ขึ้นมาและปิดลบ 4.97 จุด ณ สิ้นวัน โดยกลุ่มที่ตลาดสูงสุดคือกลุ่มสื่อสารฯ แรงขายหลักยังมาจากฝั่งสถาบันในประเทศและเร่งตัวขึ้นเป็น 3.3 พันลบ. ขณะที่นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิบางๆ 360 ลบ. (แต่ Short Index Futuresสูงถึง 1.7 หมื่นสัญญา)
แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาดว่า SET Index จะยังคงแกว่งตัวสร้างฐานบริเวณ 1,580-1,600 จุดบวกลบต่อเนื่องโดยยังคงรอดูความชัดเจนและพัฒนาการในประเด็นการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน โดยล่าสุดมีข่าวว่าผู้แทนการค้าจีนได้เชิญผู้แทนสหรัฐฯเข้าร่วมเจรจาที่กรุงปักกิ่ง แต่ยังไม่มียืนยันกำหนดวันเจรจาที่แน่นอน ขณะที่ในด้านปัจจัยในประเทศแม้ตัวเลขส่งออกเดือน ต.ค. จะออกมาแย่กว่าคาด แต่คาดว่าภาครัฐจะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจด้านการบริโภคและท่องเที่ยวออกมาเพิ่มเติมเพื่อชดเชย โดยเรายังมองเศรษฐกิจไทยผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วและจะค่อยๆฟื้นตัวขึ้น การปรับลงของตลาดยังเป็นจังหวะในการทยอยสะสมหุ้นพื้นฐานระยะกลาง-ยาว
กลยุทธ์ : เก็งกำไรหุ้นที่มีประเด็นบวกเฉพาะตัว //ทยอยสะสมหุ้นพื้นฐานบริเวณ 1,580-1,600 จุด
หุ้นเด่นเดือน พ.ย. : AOT, CHG, RBF, TACC, TISCO
หุ้นเด่นวันนี้: EKH
- แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมายปีหน้า 9.20 บาท
- หุ้นถูก sell on fact ทั้งที่รายงานกำไร 3Q19 แข็งแกร่ง (กำไร 9M19 โดดเด่น +47% Y-Y) แนวโน้มกำไร 4Q19 แม้จะชะลอลง Q-Q เพราะฤดูกาลและทรงตัว Y-Y ชที่ 27-28 ลบ. เพราะ เริ่มเปิดดำเนินงานศูนย์กุมารเวชใหม่ต้นเดือน พ.ย. ที่ผ่านมาทำให้ต้นทุนสูงขึ้น แต่เราก็ปรับกำไรปีนี้ขึ้น 7% เป็น 160 ลบ. +36% Y-Y แกร่งกว่าที่เคยประเมิน
- เราปรับกำไรปี 2020 ขึ้นเล็กน้อยเป็น 166 ลบ. +4.4% Y-Y บนสมมติฐานที่ conservative กำไรของเรามี upside หากศูนย์กุมารเวชแห่งใหม่ประสบความสำเร็จมากกว่าคาด นอกจากนี้ EKH แผนสร้างศูนย์ดูแลผู้สูงอายุขนาดไม่ต่ำกว่า 30 เตียง เปิดให้บริการปี 2021 ช่วยรองรับการเติบโตในระยะถัดไป
Fund Flow วานนี้กระแสเงินทุนไหลออกจากภูมิภาคหนาแน่น US$843ล้าน เม็ดเงินส่วนใหญ่ไหลออกจากเกาหลีใต้ US$483ล้านขณะที่ไหลเข้าไทยเพียงประเทศเดียวที่ราว US$12ล้าน แนวโน้มของกระแสเงินทุนมีทิศทางไหลออกจากภูมิภาคจากความกังวลต่อการเจรจาทางการค้าระหว่างจีนและสหรัฐที่ยืดเยื้อ
ประเด็นสำคัญวันนี้
(-) ส่งออก 10 เดือนแรกหดตัวมากกว่าตลาดคาด ส่งออก ต.ค. -4.5% Y-Y (ตลาดคาด -3.7% Y-Y) ทำให้ 10M19 -2.4% Y-Y สินค้าที่หดตัวในเดือนนี้นอกจากทองคำ ส่วนใหญ่เป็นสินค้าที่เกี่ยวเนื่องกับน้ำมัน เช่นน้ำมันสำเร็จรูป เหล็ก เม็ดพลาสติก ยางพารา เพราะน้ำมันปีก่อนอยู่ที่ US$65-75/บาร์เรล ส่งออกทั้งปีที่สภาพัฒน์คาด -2% ลุ้นได้ (2 เดือนที่เหลือมียอดเฉลี่ย US$2 หมื่นล้าน/เดือน) แต่ปี 2020 ที่คาด +2.3% ท้าทายท่ามกลางบาทแข็ง สงครามการค้าและ Brexit
(-) สินเชื่อ 10 เดือนแรกแทบไม่ขยับ +0.4% YTD โดยเดือน ต.ค. ยัง
-0.8% M-M และ 4Q19 ก็น่าจะคาดหวังได้น้อย สินเชื่อทั้งปีที่เราคาด +3.5% น่าจะพลาดเป้าโดยเฉพาะจากแบงก์ใหญ่ ความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นทั้งศก. คุณภาพหนี้ และผลกระทบจากมาตรฐานบัญชีใหม่ ทำให้นักลงทุนเรียกร้องผลตอบแทนที่สูงขึ้น SETBANK ที่ -14% YTD (vs SET +1.8% YTD) น่าจะฟื้นตัวจำกัด แนะนำเฉพาะหุ้นปันผลในกลุ่ม TISCO, TCAP (แบงก์ใหญ่ลงทุนยาว แนะนำ SCB)
(+) APP เป็นผู้จัดจำหน่ายโซลูชั่นด้านการออกแบบและเทคโนโลยีการพิมพ์ 3 มิติ ได้ประโยชน์จากอุตสาหกรรมการผลิตและการก่อสร้างที่ขยายตัวในระยะยาวโดยเฉพาะในปัจจุบันที่มีการลงทุนพัฒนากระบวนการทำงานให้เป็นรูปแบบดิจิตอลและมีประสิทธิภาพสูงขึ้น มีจุดแข็งในด้านสินค้าที่เป็นแบรนด์อันดับต้นๆของโลก เป็นที่รู้จักและนิยมในกลุ่มผู้ใช้งาน เราคาดกำไรสุทธิปี 2019 ชะลอชั่วคราว -24.7% Y-Y ตามภาวะศก. แต่คาดเติบโตแข็งแกร่ง +24.7% Y-Y ในปี 2020 ราคา IPO 2.46 บาทคิดเป็น PE ปีหน้าเพียง 9.8x เราประเมินราคาเหมาะสมปี 2020 ที่ 4.04 บาทอิง PE 16x (FSS เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน ผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่ายหุ้น IPO ของ APP)
(0) Opportunity Day วันนี้ SISB, IRPC, KTC, K, BA
(-) ตลาดดาวโจนส์ ลดลง 54.80 จุด ปิดที่ 27,766.29 จุด เนื่องจากนักลงทุนชะลอการซื้อขายเพื่อรอความชัดเจนเกี่ยวกับความคืบหน้าในการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีน รวมถึงถูกกดดันจากข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอของสหรัฐ ทั้งจำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกที่ทำระดับสูงสุดในรอบ 5 เดือน และยอดขายบ้านมือสองเดือนต.ค.ที่เพิ่มขึ้นน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาด
(-) ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบ จากความกังวลว่าอาจไม่มีการทำข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐและจีนเฟสแรกในปีนี้ หลังจากรัฐสภาสหรัฐอนุมัติกฎหมายสนับสนุนการเรียกร้องประชาธิปไตยในฮ่องกง
(0) ตลาดเอเชียปรับตัวผสม ท่ามกลางนักลงทุนติดตามความคืบหน้าของการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีน
(0) ค่าเงินบาทแกว่งในกรอบแคบ ล่าสุดอยู่ที่บริเวณ 30.21 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
(+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX เพิ่มขึ้น 1.57 ดอลลาร์ ปิดที่ 58.58 ดอลลาร์/บาร์เรล จากคาดการณ์ว่ากลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) จะขยายเวลาการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันออกไปถึงกลางปีหน้าในการประชุมวันที่ 5-6 ธ.ค.นี้ รวมถึงได้แรงหนุนจากสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลาง
(-) ราคาทองคำ COMEX ลดลง 10.60 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,463.60 ดอลลาร์/ออนซ์ จากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์
SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 891.79 / +-
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
22 พ.ย. - ยูโรโซน: Markit Eurozone Manufacturing PMI (พ.ย.)
26 พ.ย. - ฮ่องกง: 3Q19 GDP
27 พ.ย. - สหรัฐ: 3Q19 GDP
- MSCI rebalance effective date
29 พ.ย. - ไทย: ธปท.รายงานภาวะเศรษฐกิจ (ต.ค.)
- เกาหลีใต้: ธนาคารกลางประชุม
Contact person : Jitra Amornthum Register : 014530
Contact person : Veeravat Virochpoka Register : 047077
www.fnsyrus.com
FB: Finansia Syrus Research