- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 20 November 2019 17:21
- Hits: 3211
บล.เออีซี : Daily Focus
AECS Daily Focus
--------------
Market Outlook
• วันนี้คาดดัชนี SET Index แกว่งลงทดสอบกรอบแนวรับ 1,595-1,600 จุด หากหลุด Downside เปิดแนวรับถัดไป 1,580 จุด โดยมองปัจจัย ตปท.ทั้งการบรรลุข้อตกลงเฟส1 Trade war ส่อยืดเยื้อ หลังยังไม่มีการเซ็นข้อตกลงดังกล่าว บวกกับการผ่านร่าง กม.ของสภาบนสหรัฐฯ หนุนการประท้วงฮ่องกง ยิ่งสร้าง Sentiment เชิงลบกดดันเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ราคาน้ำมันวานนี้ปรับลงสะท้อนท่าทีรัสเซียจะไม่ปรับลดกำลังผลิตน้ำมันลงเพิ่มเติม
• Market Factor
• (-) ประธานาธิบดีสหรัฐฯ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ขู่เดินหน้าเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนตามกำหนดการเดิมวันที่ 15 ธ.ค. 62 หากสหรัฐฯ-จีนยังไม่สามารถบรรลุข้อตกลงการค้าได้
• (-) สภาบนสหรัฐฯ มีมติเอกฉันท์เช่นเดียวกับสภาล่างสหรัฐฯ ที่ผ่านร่างกฏหมายสิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตยในฮ่องกงไปแล้วตั้งแต่วันที่ 15 ต.ค. 62 ซึ่งจะเป็นปัจจัยกดดันการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน จากการที่สหรัฐฯ เข้ามาแทรกแซงฮ่องกง ซึ่งฮ่องกงเป็นส่วนหนึ่งของจีนที่มีกฏหมายและเศรษฐกิจแยกออกมา อย่างไรก็ดีต้องรอให้ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ลงนามรับรองเพื่อบังคับใช้ต่อไป
• (-) สัญญาน้ำมันดิบ WTI และ Brent วานนี้ปรับลง 3.2%DoD และ 2.5%DoD หลังตลาดกังวลความคืบหน้าการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน บวกกับรัสเซียอาจไม่ปรับลดกำลังการผลิตลงอีกในการประชุม OPEC วันที่ 5-6 ธ.ค. 62 ณ กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย
• (-) BOI เผยแนวโน้มคำขอรับการส่งเสริมการลงทุนปี 62 ช่วง 9M62 จะอยู่ที่ 1,165 โครงการ มูลค่าราว 3.14 แสนล้านบาท ต่ำกว่าคาดไว้ แต่ยังคงกำหนดเป้าหมายคำขอไว้ที่ 7.5 แสนล้านบาท โดยเน้นกลยุทธ์เชิงรุกเข้าเจรจาเจาะรายบริษัท และจัดคณะชักจูงการลงทุนระดับบีโอไอช่วงท้ายของปี (แนวหน้า)
• (-) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการค้าและอุตสาหกรรมฟิลิปปินส์ เผยเตรียมพิจารณาขึ้นภาษีรถยนต์ส่งออกจากไทย โดยอ้างว่าเพื่อตอบโต้การเพิกเฉยฝั่งไทยที่ไม่ปฏิบัติตามข้อตกลงเกี่ยวกับการระงับข้อพิพาทภาษีบุหรี่ ที่ ลงนามร่วมกันต่อหน้า WTO (โพสต์ทูเดย์)
• ปรับลดประมาณการ EPS โดยข้อมูลจาก Bloomberg Consensus พบว่าเมื่อต้นปี EPS ปี 62 ที่ 115.13 บ. ขณะที่ปัจจุบันเหลือเพียง 93.43 บ. หรือลดลง 18.85%YTD
• Update Flow เมื่อวานนี้ต่างชาติซื้อสุทธิในตลาดหุ้นไทย 43.41 ลบ.ส่งผลภาพรวม MTD.ต่างชาติขายสุทธิอยู่ที่ 701.07 บ.ขณะที่ นลท.สถาบันซื้อสุทธิ MTD.ลดลงเหลือ 2,338.7 ลบ.
Investment Strategy
• สัปดาห์นี้ เรามอง SET Index ผันผวนในกรอบ 1,580-1,620 จุด โดยมีแรงกดดันหลักจากการปรับลดประมาณการกำไรในปี 62-63 ของบริษัทจดทะเบียนที่มีผลประกอบการช่วง 3Q62 ออกมาไม่ดี ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศยังคงรอความชัดเจนจากประเด็นข้อตกลง Trade war เฟสแรกต่อไป ในช่วงเราแนะนำนักลงทุนระมัดระวังในการลงทุน และเลือก Selective Buy หุ้นที่ผลประกอบการดี รวมถึงเรายังคงแนะนำหุ้น 4กลุ่มเดิมที่สามารถทยอยซื้อลงทุนได้ในระยะ 3-6 เดือน ดังนี้
• หุ้นกลุ่มที่จะได้ประโยชน์จากแผนกระตุ้น ศก.ของรัฐฯทั้งมาตรการท่องเที่ยว, ชิมช้อปใช้และงานประมูลภาครัฐฯ: แนะนำหุ้นที่ได้ประโยชน์และมี Upside ได้แก่ SEAFCO (แม้ช่วง 2H62 คาดรับรู้งานลดลง แต่ยังมี Backlog 2.3 พัน ลบ. คาด Secured Revenue 100% ในช่วงที่เหลือของปีนี้ บวกกับยังมี Upside Risk จากงานประมูลใหม่อีก 1.9 หมื่น ลบ.), ERW (ช่วง 3Q62 กำไรโตเล็กน้อย 3%YoY หลังรายได้จากโรงแรมเพิ่มขึ้น 5%YoY เรามองช่วงปลายปียังมีโอกาสฟื้นตัวจากการกลับมาเปิดโรงแรมใหม่ 9 แห่ง อีกทั้งมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวจาก ครม.และมีสัญญาณฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวชาวจีน หลังจำนวนนักท่องเที่ยวจีนยังคงฟื้นตัวต่อเนื่อง), CPALL (ช่วง 3Q62 กำไรโต 8.3%YoY จากยอดขายที่เพิ่มจาก 7-11 กว่า 11,640 สาขา (ก.ย.62) และ MAKRO โดยบริษัทยังคงเป้าขยายสาขาต่อเนื่องให้ถึง 13,000 สาขาในปี 64 , MINT (ช่วง 3Q62 กำไรโต 347%YoY ด้วยกำไรพิเศษจากการขายโรงแรมที่โปรตุเกส บวกกับ ช่วง 4Q62 เรามองฟื้นตัวต่อด้วยธุรกิจโรงแรมและอาหารหลังตัวเลขนักท่องเที่ยวจีนยังคงฟื้นตัวต่อเนื่องจากฐานปีก่อนที่ลดลง)
• กลุ่ม Defensive Stock: เราเลือกหุ้นที่มีอัตราจ่ายปันผลน่าดึงดูดบวกกับกำไรช่วง 2H62 มีแนวโน้มโตดี แนะนำ ASK (ช่วง 2H62 คาดกำไรสุทธิมีแนวโน้มโตต่อ หนุนด้วยสินเชื่อรถพาณิชย์ที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตามงานก่อสร้างภาครัฐฯ ที่จะทยอยเร่งตัวขึ้นบวกกับคาดได้ประโยชน์จากการทยอยเปลี่ยนรถตู้เป็นรถมินิบัสของผู้ประกอบการรถโดยสารสาธารณะตามมาตรการของ ขสมก.
• กลุ่มที่คาดผลดำเนินงานมีแนวโน้มดีต่อเนื่อง: เหมาะกับการทยอยซื้อสะสม โดยเน้นหุ้นที่กำไรช่วง 2Q62 คาดโต YoY และช่วง 2H62 โตต่อ แนะนำ SAWAD (คาดกำไรปี62 โต 30.8%YoY หนุนด้วยเป้าพอร์ตสินเชื่อโต20-30% และอีก 300 สาขา, Asset Yield ฟื้นตัวตามสัดส่วนการรับรู้รายได้ผ่านสัญญาเงินกู้ผ่าน BFIT ที่มากขึ้นโดยล่าสุด SAWADรายงานการถือครองหุ้นBFIT หลัง Tender Offer ที่ 82.04% บวกกับต้นทุนทางการเงินที่ปรับลงหลังได้รับเงินเพิ่มทุนจากพันธมิตร), SELIC (ช่วง 3Q62 ทำ All time high ทั้งรายได้และกำไร คาดปี 62 เห็นการ Turnaround ของกำไรหลังเริ่มรวมงบการเงินกับ PMCT ซึ่งคาดเห็น Synergy ชัดเจนขึ้นจากการพัฒนาสินค้าใหม่และการขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่มใหม่)
• หุ้นกลุ่ม ร.พ.ขนาดกลางที่คาดกำไรช่วง 2H62 โต เข้าสู่ High Season: PR9 (มองทั้งปี 62 โตต่อ หลังกำไร 9M62 โต 10.9%YoY) บ.ยังมีศักยภาพในการเติบโตหลังแนวโน้มการทำกำไรเร่งตัวขึ้นสะท้อนผ่านEBITDA Margin ช่วง 9M62 ปรับตัวเพิ่มขึ้นที่ 17.7% (จาก 17.2% ช่วง 9M61) บ.มีแผนการเติบโตที่สดใส เนื่องจาก บ.ถือเป็น Cash Company มีเงินสดต่อหุ้นมากกว่า 2 บ.เตรียมเปิดตึกใหม่ต้นปี 63 เพื่อรองรับลูกค้าได้เพิ่มกว่าเท่าตัวหลังเกิด Over demand ในกลุ่มลูกค้า ICU-CCU (คิดเป็นกว่า 30% ของรายได้) และศูนย์บริการที่ถือเป็นไฮไลท์ใหม่อย่าง Pain Management and Wellness Center ขยายฐานลูกค้าต่างชาติครอบคลุมทั้งจีนและกลุ่มอาเซียน รวมถึงกลุ่มลูกค้าประกันองค์กรและผู้ประกันตนด้วย คาดหนุนบ.มีโอกาส คุ้มทุนได้เร็วกว่าที่ตลาดคาด นอกจากนี้ Consensus ให้ Valuation ที่ถูกสุดเมื่อเทียบกับอุตสาหกรรม ทั้งในแง่ Forward PE เพียง 23.17X ,P/BV 1.78X และEV/EBITDA 10.23X (อุตสาหกรรมอยู่ที่ PE 31.40X,P/BV 4.49X และ EV/EBITDA 20.32X)
• Trading Idea
• หุ้นฟื้นตัว 4Q62 ต่อเนื่องปี 63: BGC ลุ้นกำไรฟื้นตัวช่วง 4Q62 หลังแนวโน้ม Gross margin จะเร่งตัวขึ้นจาก Efficiency rateเตาหลอมแก้วที่ราชบุรีเริ่มดีขึ้น บวกกับเริ่มรับรู้รายได้จากโรงไฟฟ้าเวียดนามกำลังผลิตรวมกว่า 100 MWตั้งแต่ช่วงต้นปี 63 เป็นต้นไป นอกจากนี้Consensus คาดปันผลปี 63 ให้Yield กว่า 5.4% ทางเทคนิค ประเมินแนวรับ12.90 บ. คาดหวังแนวต้าน 14.70 บ.(Stop loss ต่ำกว่า 12.60บ.)
• หุ้นที่มีกำไรช่วง 3Q62 โตดี และคาดโตต่อเนื่องช่วง 4Q62 บวกกับทั้งปี 62-63 โต YoY: AU, MINT, PLANB, CHG, AEONTS
19-Nov-19 Change (pts.) 18-Nov-19
SET Index 1,607.25 -0.75 1,608.00
SET50 Index 1,084.27 -1.54 1,085.81
SET100 Index 2,377.18 -2.52 2,379.70
High 1,609.30 Gainers 711
Low 1,600.05 Unchanged 533
Value (Bt m) 48,490.56 Losers 762
Volume (*000) 17,742,130
Market Valuation
SET Data 2019F 2020F Long Term
Fwd PER (x) 17.2 15.4 15.4
EPS Growth (%) 13.9 9.3 -6.8
EV/EBITDA (x) 0.0 0.0 0.0
FWD PBV (x) 1.8 1.7 1.6
Dividend Yield (%) 3.0 3.3 3.5
ROE 9.9 10.3 10.4
Net Buy/Sell by Investor Types
Unit : M Bt 19-Nov-19 WTD MTD YTD
Institution (307.18) (426.19) 2,338.71 27,003.24
Proprietary 168.68 668.12 3,317.11 13,772.97
Foreign 43.41 (471.23) (701.07) (13,775.22)
Individual 95.08 229.30 (4,954.75) (27,000.99)
AECS ( Fundamental and Strategic Team )
จิรภัทร โบสุวรรณ (ID. 040051) [email protected]
ภัทรพล จันทร์อินทร์ (ID. 089932) [email protected]
ธีรยุทธ ฤทธิเผ่าพันธุ์ ผู้ช่วยนักวิเคราะห์
สุวรรณา อัศวเหล่าวรพงศ์ Data Support / Secretary