- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 18 November 2019 22:47
- Hits: 8285
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
“การค้าเฟส 1 สู่ขั้นสุดท้าย-ติดตาม GDP ไทยไตรมาส 3”
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : BTS (จากซื้อเป็นถือ)
ภาวะตลาดและปัจจัย : SET วันศุกร์ -7.24 จุด ปิดที่ 1602.23 จุด มูลค่าการซื้อขายบางลงเป็น 44.6 พันล้านบาท ดัชนีมีการอ่อนลงแย่กว่าเพื่อนบ้าน แรงกดดันมาจากการเจรจาการค้าที่มีอุปสรรค เรียกร้องไปมา สถานการณ์ฮ่องกงรุนแรง และผลประกอบการ 3Q62 ไทยไม่สดใส ระหว่างวันหลุด 1600 จุด หุ้นที่ปรับลงมากคือ TRUE, CKและ SCC ขณะที่ซื้อสุทธิมากคือ รายย่อย ขายสุทธิมากเป็น สถาบัน ต่างชาติ ต้นเดือนถึงปัจจุบันต่างชาติขายสุทธิ 230 ล้านบาท ด้านแนวโน้มตลาดและกลยุทธ์คือ
# ปัจจัยสำคัญ: สหรัฐ-จีนเจรจากเฟส 1 ใกล้บรรลุ แต่ผลประกอบการ 3Q ไทยไม่สดใส ปัจจัยบวกคือ เจรจาการค้าใกล้บรรลุเฟส 1 ยอดค้าปลีกสหรัฐ ต.ค.ออกมาดี ดาวโจนส์ทำนิวไฮ ราคาน้ำมันปรับขึ้น มีแรงขายสินทรัพย์ปลอดภัยเข้าสินทรัพย์เสี่ยง เช่น ทองคำและพันธบัตร ดัชนีกังวลลดเหลือ 12.05 จุด ด้านปัจจัยลบคือ ดัชนีการผลิตและการผลิตภาคอุตสาหกรรมลดลง กำไรสุทธิ 3Q62 ไทยไม่สดใส รวบรวมได้ล่าสุด -17% และ 9M62 ปรับลง 15% เทียบ y-o-y ตลาดหุ้นเพื่อนบ้านเช้านี้ผสมทั้งบวก-ลบ ดาวโจนส์ น้ำมันล่วงหน้าลดลง ติดตามการประกาศ GDP ไทย 3Q62 ภายในสัปดาห์นี้
# ระยะสั้นคาด SET- Sideways ลุ้นรีบาวด์ หลังเจรจาการค้าเฟส 1 คืบหน้า ติดตามการทดสอบแนวรับ 1600 จุด แม้ดัชนีมีโอกาสฟื้นตัว แต่ยังมีแรงขายหุ้นที่ผลประกอบการ ไตรมาส 3 ออกมาน่าผิดหวัง หรือมีข่าวลบเฉพาะตัว เราคาดว่า SET ซื้อขายในกรอบ 1590-1620 จุด แนวต้านเป็น 1610-1620 จุด แนวรับอยู่ที่ 1590-1580จุด Stop Loss ต่ำกว่า 1600 จุด การเข้าเก็งกำไรไม่ควรหวังผลตอบแทนสูง หาจังหวะขายทำกำไร กลยุทธ์ คือ เลือกลงทุนทยอยสะสม เป็นรายกลุ่มและรายตัว(Selective) ตาม Theme เป้าหมายดัชนีปีนี้ 1680 จุด ปีหน้า 1725 จุด แนะนำ หุ้น Domestic Play หุ้นไม่ผันแปรตามเศรษฐกิจ หรือปันผลสูงแทน ด้านหุ้นเข้า-ออกMSCI มีผล 26 พ.ย.62 หุ้นขนาดใหญ่ เข้า- BGRIM,GPSC,OSP,SAWAD หุ้นออก- ไม่มี หุ้น Small Cap: เข้า- CENTEL,DOHOME,JMT,SPRC,STPI,TPIPP,TQM หุ้นออก- CBG,SAWAD,TISCO
# Stock Pick Today : CHG ราคาพื้นฐานถูกปรับขึ้นเป็น 3.00 บาท (DCF) หลังกำไรหลัก 3Q62 ออกมาแข็งแกร่งกว่าคาดเป็น 269 ล้านบาท (+78% y-o-y,+119% q-oq)ผลพวงจากรายได้เติบโตดี และอัตรากำไรสูงขึ้นจากขาดทุนของโรงพยาบาลใหม่น้อยลง แนวโน้มปี 63 สดใสจากอัตรากำไรที่ฟื้นตัวดี และไม่มีภาระการลงทุนในโครงการใหญ่ๆ ปรับประมาณการปีนี้และปีหน้าดีขึ้นในอัตรา +9%/+8% ตามลำดับ ยังผลให้อัตราการเติบโตเทียบ y-o-y อยู่ในเกณฑ์ดีเป็น +17%/+14% ตามลำดับ
การวิเคราะห์ทางเทคนิค: ระยะสั้น สัญญาณ Candlestick & Indicators เป็นลบ {“ปิดลบ”ใต้“SMA10วัน”ต่อเนื่อง (โดยถูกกดดันจาก“โครงสร้างขาลง – ระยะกลาง”)} ชี้ความน่าจะเป็นของตลาดฯสัปดาห์นี้“แกว่งลง”เป็นหลัก แต่“ค่าบวก”(ถ้ามี / มี“Oversold ในกราฟรายนาที”หนุน) จะทำให้มีรีบาวด์ฯสั้นๆก่อน(แล้วจึงลงต่ำ,ตามมา)ได้ แนวต้าน 1610 (หรือ 1620) จุด {แนวตัดขาดทุน “ต่ำกว่า 1600” (แนวรับย่อย “1590 – 1580 (หรือ 1550)” จุด)} คาดหุ้น New High เข้ามาใหม่คือ MBK,PTG,AOT,MEGA ที่ยังอยู่ใน List คือ BDMS,BTS,HMPRO หุ้นหลุด List คือ SPRC,CPN หุ้นอยู่ในพื้นที่ Take Profit คือ ไม่มี
Thailand Research Team : reseach-th.dbs.com
Inside Story
Key Drivers TODAY : ปัจจัยต่างประเทศ / ปัจจัยในประเทศ
Company Guide : CHG (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 3.00)
MC (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 8.40)
SAWAD (ถือ -ราคาพื้นฐาน 60.00)
Flash Note : BTS (ถือ -ราคาพื้นฐาน 13.72)
THAI (Fully Valued -ราคาพื้นฐาน 3.60)
Turnover List Watch : IP ติด Cash Balance 6 สัปดาห์ ตามคาด
Key Drivers TODAY
ปัจจัยต่างประเทศ
+ สหรัฐ: เจรจาการค้าเฟส 1 ใกล้บรรลุขั้นสุดท้าย
# นายแลร์รี่ คุดโลว์ หัวหน้าที่ปรึกษาฝ่ายเศรษฐกิจประจำทำเนียบขาว เปิดเผยว่า การเจรจาทำข้อตกลงการค้าเฟสแรกกับจีนกำลังเข้าสู่ขั้นตอนสุดท้ายแล้ว โดยทั้งสองฝ่ายยังคงติดต่อกันอย่างใกล้ชิด ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่สหรัฐและจีนได้จัดการประชุมทางวิดีโอระดับคณะทำงานในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา โดยมุ่งเน้นในประเด็นต่างๆ ตั้งแต่รายละเอียดและกำหนดเวลาที่จีนจะซื้อสินค้าเกษตรของสหรัฐ เช่น เนื้อหมูและถั่วเหลือง ไปจนถึงประเด็นการขโมยทรัพย์สินทางปัญญา
+ สหรัฐ: ยอดค้าปลีกต.ค.62 สูงกว่านักวิเคราะห์คาด
# การเปิดเผยข้อมูลยอดค้าปลีกที่เพิ่มขึ้นเกินคาด โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกเพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนต.ค. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 0.2% หลังจากลดลง 0.3% ในเดือนก.ย. ซึ่งเป็นการปรับตัวลงครั้งแรกในรอบ 7 เดือน
# เมื่อเทียบรายปี ยอดค้าปลีกเพิ่มขึ้น 3.1% ในเดือนต.ค. ส่วนยอดค้าปลีกพื้นฐาน ซึ่งไม่รวมยอดขายรถยนต์ น้ำมัน วัสดุก่อสร้าง และอาหาร เพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนต.ค. หลังจากลดลง 0.1% ในเดือนก.ย.
-สหรัฐ: ดัชนีภาคการผลิต พ.ย.และการผลิตภาคอุตสาหกรรม ต.ค.ปรับตัวลง
# ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขานิวยอร์ก รายงานว่า ดัชนีภาคการผลิต (Empire State Index) ปรับตัวลง 1.1 จุด สู่ระดับ 2.9 ในเดือนพ.ย. ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่าดัชนีจะปรับตัวสู่ระดับ 5.0 ในเดือนพ.ย.
# นอกจากนี้ เฟดยังรายงานว่า ตัวเลขการผลิตภาคอุตสาหกรรมโดยรวมของสหรัฐดิ่งลง 0.8% ในเดือนต.ค. ซึ่งเป็นการปรับตัวลงมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค.ปีที่แล้ว ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าลดลง 0.4% หลังจากลดลง 0.3% ในเดือนก.ย.
+ ดัชนีหุ้นสหรัฐ: ดาวโจนส์ทำยอดสูงสุดใหม่ หลังแนวโน้มเจรจาการค้าออกมาดี และยอดค้าปลีกสูงขึ้น
# ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 28,004.89 จุด เพิ่มขึ้น 222.93 จุด หรือ +0.80%, ดัชนี S&P500 ปิดที่33,120.46 จุด เพิ่มขึ้น 23.83 จุด หรือ +0.77% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 8,540.83 จุด เพิ่มขึ้น 61.81 จุด หรือ +0.73%
# ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นทำนิวไฮเมื่อวันศุกร์ (15 พ.ย.) โดยได้แรงหนุนจากความเชื่อมั่นครั้งใหม่เกี่ยวกับการทำข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐ-จีน และตลาดขานรับยอดค้าปลีกของสหรัฐที่เพิ่มขึ้นเกินคาด
+ น้ำมัน: ปรับขึ้น รับข่าวเจรจาการค้า โอเปกมีโอกาสลดการผลิต และแท่นขุดเจาะลดลง
# สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 95 เซนต์ หรือ 1.7% ปิดที่ 57.72 ดอลลาร์/บาร์เรล
# สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนม.ค. เพิ่มขึ้น 1.02 ดอลลาร์ หรือ 1.61% ปิดที่ 63.30 ดอลลาร์/บาร์เรล
# สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อวันศุกร์ (15 พ.ย.) โดยได้แรงหนุนจากความหวังที่ว่าสหรัฐและจีนใกล้ที่จะบรรลุข้อตกลงการค้า, แนวโน้มที่โอเปกจะปรับลดการผลิตน้ำมันลงอีก และจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันในสหรัฐลดลงในสัปดาห์นี้
+ ทองคำ: ปรับลง ขายทำกำไรสินทรัพย์ปลอดภัย
# สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 4.90 ดอลลาร์ หรือ 0.33% ปิดที่1,468.50 ดอลลาร์/ออนซ์ และตลอดทั้งสัปดาห์นี้ สัญญาทองคำปรับตัวขึ้นราว 0.4%
# สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อวันศุกร์ (15 พ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายทองในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยหลังจากตลาดหุ้นสหรัฐพุ่งขึ้นสู่ระดับสูงสุดครั้งใหม่ ท่ามกลางความเชื่อมั่นที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับความคืบหน้าในการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐ-จีน
ปัจจัยในประเทศและข่าวหลักทรัพย์
- กำไรสุทธิทั้งตลาด 3Q62 ไม่สดใส -17% y-o-y และ 9M62 -15% y-o-y
# กำไรสุทธิทั้งตลาด 3Q62 ไม่สดใส -17% y-o-y เป็น 2.18 แสนล้านบาท และ 9M62 -15% เป็น 6.92 แสนล้านบาท
# ในงวด 3Q62 อุตสาหกรรมที่พลิกจากกำไรมาเป็นขาดทุนคือ กลุ่มขนส่งเป็น -1.6 พันล้านบาท และกลุ่มเหล็กเป็น -1.2พันล้านบาท
# ในงวด 3Q62 อุตสาหกรรมที่กำไรลดลงมากที่สุด y-o-y 5 ลำดับแรก คือ 1) กลุ่มปิโตรเคมี -78% 2) กลุ่มแฟชั่น -76% 3)กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง -55% 4) กลุ่มอิเลกทรอนิกส์ -53% และ 5) กลุ่มผลิตภัณฑ์ผลิตภัณฑ์ส่วนบุคคลและเวชภัณฑ์ยา -50%
-IP ติด Cash Balance ตามคาด เป็นระยะเวลา 6 สัปดาห์ เริ่มวันนี้
# หลักทรัพย์ IP ติด Cash Balance ตามคาด ระหว่าง 18 พ.ย.62-27 ธ.ค.62
# ข้อเสียคือ สภาพคล่องการเก็งกำไรลดลง แต่เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับปัจจัยพื้นฐาน
+ รองนายกฯ สมคิด เร่งรัดเบิกจ่ายงบลงทุนรัฐวิสาหกิจในช่วง 2 เดือนสุดท้ายของปี 2562
#นายสมคิด ได้เร่งรัดเบิกจ่ายงบลงทุนรัฐวิสาหกิจในช่วง 2 เดือนสุดท้ายของปี 2562 โดยคาดว่าจะมีเม็ดเงินลงทุนเบิกจ่ายเข้าสู่ระบบอีกประมาณ 1 แสนล้านบาท เชื่อว่าจะเป็นผลดีกับระบบเศรษฐกิจอย่างแน่นอน
นักวิเคราะห์&กลยุทธ์ : สมบัติ เอกวรรณพัฒนา : [email protected]