- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 13 November 2019 16:30
- Hits: 2766
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
“ทรัมป์แถลงไม่ชัดเจน ตลาดหุ้นเพื่อนบ้านลบถ้วนหน้า”
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : BEM (จากซื้อเป็นถือ) / TLGF (จากถือเป็น Fully Valued)
ภาวะตลาดและปัจจัย : SET วานนี้ +4.08 จุด ปิดที่ 1626.20 จุด มูลค่าการซื้อขายเบาบางเป็น 45.4 พันล้านบาท ดัชนีมีการรีบาวด์เช่นเดียวกับเพื่อนบ้าน จากวันจันทร์ที่ปรับลงมาก เพราะการเจรจาการค้ากลับมาไม่แน่นอน ส่วนงบ PTT กำไรออกมาต่ำกว่าคาด และหุ้นใหม่ SHR หุ้นโรงแรมในกลุ่มสิงห์ปรับลงถึง 20% จากราคาจอง หลังประกาศ 3Q62 ขาดทุน ตลาดรอแถลงทรัมป์และพาวเวล ขณะที่ซื้อสุทธิมากคือ ต่างชาติ ขายสุทธิมากเป็นรายย่อย ต้นเดือนถึงปัจจุบันต่างชาติขายสุทธิลดเป็น 0.5พันล้านบาท ด้านแนวโน้มตลาดและกลยุทธ์คือ
# ปัจจัยสำคัญ: ทรัมป์กล่าวลงนามเฟส 1 ใกล้แล้ว แต่ไม่ลดภาษีให้จีน ถือว่าไม่ชัดเจน ตลาดหุ้นเพื่อนบ้านเช้านี้ ปรับลงกันถ้วนหน้า ปัจจัยลบคือ ราคาน้ำมันตลาดสปอตและล่วงหน้าปรับลง BAY เป็นธนาคารล่าสุดปรับลดดอกเบี้ย ดาวโจนส์ล่วงหน้าเช้านี้ปรับลง ด้านปัจจัยบวกคือ มีชิม ช็อป ใช้ เฟส 3 ไม่ให้เงิน 1 พันบาท มีแต่Cash Back ยังมีการเข้าสินทรัพย์เสี่ยง ขายทองคำ ติดตามพาวเวลล์แถลงสภาคืนนี้
# ระยะสั้นคาด SET- Sideways สะท้อนทรัมป์แถลงไม่ชัดเจน กำไรสุทธิ 3Q62 ของ PTT ต่ำกว่าคาด ถูกฉุดจากบริษัทย่อย และธุรกิจก๊าซ แต่ 4Q62 มีโอกาสฟื้นตัวดีขึ้น ผลประกอบการของหุ้นส่วนใหญ่ออกมาต่ำกว่าคาด หุ้นใหม่ ACE เข้าซื้อขาย SET วันแรก ราคาจอง 4.40 บาท เป็นโฮลดิ้งส์ ถือหุ้นบริษัทธุรกิจผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าเราคาดว่า SET ซื้อขายในกรอบ 1610-1640 จุด แนวต้านเป็น 1630-1640 จุด แนวรับอยู่ที่ 1610-1590 จุด Stop Loss ต่ำกว่า 1620 จุด การเข้าเก็งกำไรไม่ควรหวังผลตอบแทนสูง หาจังหวะขายทำกำไร กลยุทธ์ คือ เลือกลงทุนทยอยสะสม เป็นรายกลุ่มและรายตัว (Selective) ตาม Theme เป้าหมายดัชนีปีนี้ 1680 จุด ปีหน้า 1725 จุด แนะนำ หุ้น Domestic Play หุ้นไม่ผันแปรตามเศรษฐกิจ หรือปันผลสูงแทน ด้านหุ้นเข้า-ออก MSCI มีผล 26 พ.ย.62 หุ้นขนาดใหญ่ เข้า-BGRIM,GPSC,OSP,SAWAD หุ้นออก- ไม่มี หุ้น Small Cap: เข้า- CENTEL,DOHOME,JMT,SPRC,STPI,TPIPP,TQM หุ้นออก- CBG,SAWAD,TISCO
# Stock Pick Today : DIF กองทุนประกาศจ่ายปันผลสำหรับ 2 เดือนคือ ส.ค.-ก.ย.2019 เท่ากับ 0.1656 บาท/หน่วย ขึ้นเครื่องหมาย XD 19 พ.ย.2019 ดูเหมือนน้อย แต่รอบนี้จ่ายปันผลงวด 2 เดือนเพราะก่อนหน้าจ่ายงวด 4 เดือนไปในระหว่างการเพิ่มทุนซื้อสินทรัพย์เข้ากองทุนฯ แต่ในรอบต่อไปก็จะจ่ายปกติสำหรับงวด 3 เดือน คือ ต.ค.-ธ.ค.2019 เราประมาณการว่า Dividend yield ของ DIF จะอยู่ที่ 5.6% ต่อปี จ่ายปีละ 4 ครั้ง แนะนำซื้อ ราคาพื้นฐาน 19.40 บาท (DCF) ทั้งนี้มองว่ากองทุนมีความมั่นคงมากขึ้นหลังซื้อสินทรัพย์รอบใหม่
การวิเคราะห์ทางเทคนิค: ระยะสั้น สัญญาณ Candlestick & Indicators เปลี่ยนเป็นบวกเล็กๆ {“ปิดบวก”เหนือ“SMA10วัน” (โดยติด“แนวต้านสำคัญ” และยังถูกกดดันจาก“โครงสร้างขาลง – ระยะกลาง”)} ชี้ความน่าจะเป็นของตลาดฯวันนี้“แกว่ง”แบบให้น้ำหนักกับการลง แต่“ค่าบวก”(มี“SMA10”หนุน) จะทำให้มีรีบาวด์ฯสั้นๆก่อน(แล้วจึงลงต่ำ,ตามมา)ได้ แนวต้าน 1630 (หรือ 1640) จุด {แนวตัดขาดทุน “ต่ำกว่า 1620” (แนวรับย่อย “1610 / 1590 – 1580” จุด)} คาดหุ้น New High เข้ามาใหม่คือJMT,EPG,MINT,SISB,BLA,SAT ที่ยังอยู่ใน List คือ TASCO,STEC,SPRC,PTTGC,ESSO,BCP,MBK,GPSC,DOHOME หุ้นหลุด List คือ GLOBAL,ERW,CHAYO,AOTหุ้นอยู่ในพื้นที่ Take Profit คือ STPI,KTB,CPALL
Thailand Research Team : reseach-th.dbs.com
Inside Story
Key Drivers TODAY : ปัจจัยต่างประเทศ / ปัจจัยในประเทศ
Company Guide : BEM (ถือ -ราคาพื้นฐาน 11.00)
TKN (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 12.10)
TLGF (Fully Valued -ราคาพื้นฐาน 20.10)
Flash Note : AAV (ถือ -ราคาพื้นฐาน 2.85)
AP (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 8.20)
BDMS (ถือ -ราคาพื้นฐาน 26.00)
BJC (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 63.00)
CENTEL (Fully Valued -ราคาพื้นฐาน 29.00)
CPALL (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 92.50)
ERW (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 6.80)
KCE (ถือ - Under Review)
MINT (ซื้อ - Under Review)
NOBLE (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 32.94)
PTT (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 52.00)
SIRI (Fully Valued -ราคาพื้นฐาน 18.50)
SPALI (ถือ -ราคาพื้นฐาน 18.50)
MODERN (อยู่ระหว่างพิจารณา)
Turnover List Watch : คาด IP เข้าเกณฑ์ติด Cash Balance แล้ว ใช้สัปดาห์หน้า
New Listing : AWC
Key Drivers TODAY
ปัจจัยต่างประเทศ
+/- สหรัฐ: ทรัมป์กล่าวสหรัฐและจีนใกล้จะบรรลุข้อตกลง แต่ไม่ได้กล่าวถึงการลดภาษีให้จีน
# ปธน.ทรัมป์ได้กล่าวสุนทรพจน์ในการประชุม Economic Club of New York เมื่อวานนี้ว่า สหรัฐและจีนใกล้จะบรรลุข้อตกลงการค้าเฟสแรก ขณะที่จีนเองก็ต้องการทำข้อตกลงกับสหรัฐเป็นอย่างมาก นอกจากนี้ ปธน.ทรัมป์ย้ำว่า เขาจะยอมรับข้อตกลงที่ดีสำหรับสหรัฐและแรงงานสหรัฐเท่านั้น
# อย่างไรก็ดี ในการกล่าวสุนทรพจน์ครั้งนี้ ปธน.ทรัมป์ไม่ได้กล่าวถึงการที่สหรัฐจะยกเลิกการจัดเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีน หรือการที่เขาจะพบกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีนเพื่อลงนามในข้อตกลงการค้า และไม่ได้กล่าวว่าสหรัฐจะชะลอการจัดเก็บภาษีต่อรถยนต์นำเข้าจากสหภาพยุโรป (EU)
• สหรัฐ: พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งจะแถลงต่อสภาคองเกรสวันนี้
# นักลงทุนจับตานายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งจะแถลงต่อสภาคองเกรสเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจสหรัฐในวันพุธนี้ เวลา 11.00 น.ตามเวลาสหรัฐ หรือ 23.00 น.ตามเวลาไทย
+ สหรัฐ: ดัชนีความเชื่อมั่นของธุรกิจขนาดย่อม ต.ค.ปรับตัวขึ้น
# สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ สหพันธ์ธุรกิจอิสระแห่งชาติสหรัฐ (NFIB) เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของธุรกิจขนาดย่อมปรับตัวขึ้น 0.6 จุด สู่ระดับ 102.4 ในเดือนต.ค. โดย NFIB ระบุว่า เจ้าของกิจการคลายความกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจถดถอย โดยมีการจ้างงานเพิ่มขึ้น ขณะที่มีการขึ้นค่าแรง และขยายกิจการ
•/+ ดัชนีหุ้นสหรัฐ: ดาวโจนส์ทรงตัว แต่ S&P500, Nasdaq ปรับขึ้น
# ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ระดับ 27,691.49 จุด ไม่เปลี่ยนแปลงจากระดับของวันจันทร์ ขณะที่ดัชนี S&P500ปิดที่ 3,091.84 จุด เพิ่มขึ้น 4.83 จุด หรือ +0.16% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 8,486.09 จุด เพิ่มขึ้น 21.81 จุด หรือ +0.26%
# ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดทรงตัวเมื่อคืนนี้ (12 พ.ย.) ขณะที่ดัชนี S&P500 และ Nasdaq ปิดในแดนบวกหลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์กล่าวสุนทรพจน์ที่นิวยอร์กเมื่อวานนี้ว่า สหรัฐและจีนใกล้จะบรรลุข้อตกลงการค้าเฟสแรก แต่ปธน.ทรัมป์ไม่ได้กล่าวถึงการที่สหรัฐจะยกเลิกการเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีน ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตาการแถลงมุมมองเศรษฐกิจของนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันนี้ และตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐซึ่งมีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้
- น้ำมัน: ปรับลง ชะลอรอติดตามเจรจาการค้า
# สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 6 เซนต์ หรือ 0.1% ปิดที่ 56.80 ดอลลาร์/บาร์เรล
# สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนม.ค. ลดลง 12 เซนต์ หรือ 0.2% ปิดที่ 62.06 ดอลลาร์/บาร์เรล
# สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดขยับลงเล็กน้อยเมื่อคืนนี้ (12 พ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนชะลอการซื้อขายเพื่อรอความชัดเจนเกี่ยวกับการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีน ขณะที่นักลงทุนจับตารายงานสต็อกน้ำมันดิบของรัฐบาลสหรัฐซึ่งมีกำหนดเปิดเผยในวันพรุ่งนี้ และการประชุมกำหนดนโยบายการผลิตของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน(โอเปก) และชาติพันธมิตร ซึ่งจะจัดขึ้นที่กรุงเวียนนาในเดือนหน้า
+ ทองคำ: ปรับลง หลังดอลลาร์แข็งค่าและตลาดหุ้นยังปรับขึ้น
# สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 3.40 ดอลลาร์ หรือ 0.23% ปิดที่1,453.70 ดอลลาร์/ออนซ์ ซึ่งเป็นระดับปิดต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค.
# สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบติดต่อกันเป็นวันที่ 4 เมื่อคืนนี้ (12 พ.ย.) เนื่องจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐเป็นปัจจัยกดดันตลาด นอกจากนี้ การที่ภาพรวมของตลาดหุ้นสหรัฐยังคงเคลื่อนไหวในแดนบวก ยังส่งผลให้นักลงทุนเทขายทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย
• ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐ ที่จะมีการประกาศต่อเนื่องในสัปดาห์นี้
# ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ได้แก่ ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนต.ค., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนต.ค., ยอดค้าปลีกเดือนต.ค., ราคานำเข้าและส่งออกเดือนต.ค., ดัชนีภาคการผลิต (Empire State Manufacturing Index) เดือนพ.ย. จากเฟดนิวยอร์ก, การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนต.ค. และสต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนก.ย.
ปัจจัยในประเทศและข่าวหลักทรัพย์
-/• BAY เป็นรายล่าสุดปรับลดทั้งดอกเบี้ยเงินกู้และเงินฝาก
# ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) ได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินให้สินเชื่อลูกค้ารายใหญ่ชั้นดี ประเภทเงินกู้แบบมีระยะเวลา(MLR) ลง 0.25% เหลือ 6.35% ต่อปี จากเดิม 6.60% ต่อปี และได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝากสำหรับลูกค้านิติบุคคลลง0.05% - 0.35%
+/• ครม.อนุมัติมาตรการ "ชิมช้อปใช้" เฟส 3 ไม่ให้เงิน 1,000 บาท มีแต่ได้รับเงินคืน
# ครม.อนุมัติมาตรการ "ชิมช้อปใช้" เฟส 3 ให้ประชาชนมาลงทะเบียนรับสิทธิ์เพิ่มอีก 2 ล้านคน เริ่ม 14 พ.ย.นี้ แต่จะไม่มีการใส่เงินให้ในกระเป๋า 1,000 บาทเหมือนในเฟส 1-2 เนื่องจากรัฐบาลต้องการให้ประชาชนนำเงินออกมาจับจ่าย และจะได้รับเงินคืน 15% สำหรับเงินที่ใช้จ่ายไม่เกิน 3 หมื่นบาท และได้รับเงินคืน 20% สำหรับเงินที่ใช้จ่าย 3-5 หมื่นบาท พร้อมปรับเงื่อนไขให้ใช้จ่ายเงินได้ทุกจังหวัด และรวมแพ็คเกจท่องเที่ยว โรงแรมที่พัก และตั๋วเครื่องบินในประเทศได้
• KTB ตั้งเป้าสินเชื่อปี 63 โตไม่ต่ำกว่า 3% ใกล้เคียง GDP ไทย
# ธนาคารกรุงไทย (KTB) เปิดเผยว่า เป้าหมายการขยายตัวของสินเชื่อรวมของธนาคารในปี 63 ในเบื้องต้นตั้งเป้าไว้เติบโตไม่ต่ำกว่า 3% ซึ่งเป็นระดับที่ใกล้เคียงกับการประมาณการตัวเลขการขยายตัวทางเศรษฐกิจไทย (GDP) ในปี 63ของกระทรวงการคลัง และใกล้เคียงกับการเติบโตของสินเชื่อในปีนี้ โดยที่ธนาคารมองว่าในปี 63 ยังเผชิญกับความท้าทายและความไม่แน่นอนต่อนื่องจากปีนี้ โดยเฉพาะปัจจัยความไม่แน่นอนที่มจากจากปัจจัยภายนอก ส่งผลกระทบที่กดดันการเติบโตของภาพรวมของเศรษฐกิจโลก รวมถึงเศรษฐกิจไทยด้วย
+ TMB คาด สินเชื่อรวมปีนี้มั่นใจจะเติบโตได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ 2-4%
# ธนาคารทหารไทย (TMB) เปิดเผยว่า สินเชื่อรวมปีนี้มั่นใจจะเติบโตได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ 2-4% โดย 9 เดือนสินเชื่อของธนาคารเติบโตไปแล้ว 1.1% ซึ่งมาจากการเติบโตของสินเชื่อที่อยู่อาศัยเป็นหลัก ขณะที่ไตรมาส 4/62 จะมีการเบิกใช้วงเงินสินเชื่อของกลุ่มลูกค้ารายใหญ่
นักวิเคราะห์&กลยุทธ์ : สมบัติ เอกวรรณพัฒนา : [email protected]