- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 12 November 2019 16:04
- Hits: 2885
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
“เจรจาการค้ายังไม่แน่นอน-PTT ประกาศงบไตรมาส 3”
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : GFPT (จากซื้อเป็นถือ)
ภาวะตลาดและปัจจัย : SET วานนี้ -15.73 จุด ปิดที่ 1622.12 จุด มูลค่าการซื้อขายเบาบางเป็น 47.6 พันล้านบาท ดัชนีปรับลง แต่ไม่แรงเท่าฮ่องกง จีน และไต้หวัน หลังมีข่าวตำรวจยิงปืนใส่ผู้ชุมนุม ดัชนีอยู่ในแดนลบตลอดทั้งวัน มีแรงขายทำกำไรใน AWC ธนาคาร พลังงาน-ปิโตรเคมี ทรัมป์มีแนวคิดไม่ลดภาษีนำเข้าให้จีนทั้งหมด และจีนได้เพิ่มน้ำหนัก A Share จาก MSCI จะดึงสภาพคล่องไป ขณะที่ซื้อสุทธิมากคือ รายย่อย ขายสุทธิมากเป็นสถาบัน ต้นเดือนถึงปัจจุบัน ต่างชาติขายสุทธิเป็น 2.5 พันล้านบาทด้านแนวโน้มตลาดและกลยุทธ์คือ
# ปัจจัยสำคัญ: การเจรจาการค้ากลับมาไม่แน่นอน ประกาศงบ ปตท.วันนี้ จีน A-Shares ได้รับน้ำหนักเพิ่มจาก MSCI อีกทั้งหุ้น IPO Aramco ซาอุฯ ก็ดึงสภาพคล่องในตลาดฯ ด้านข่าวลบอื่นๆคือ สถานการณ์ฮ่องกงที่รุนแรงขึ้น น้ำมันสป็อตปรับลง หุ้น AWC ต่ำจอง หลังหมดระยะเวลา Green Shoe หุ้นกลุ่ม REITs และ IFFs มีแรงขายหนัก หลังพันธบัตรไทยปรับขึ้น ส่วนดาวโจนส์ล่วงหน้าปรับลง ด้านปัจจัยบวกคือ ตลาดหุ้นเพื่อนบ้านเช้านี้ส่วนใหญ่กลับมารีบาวด์ ยังมีการเข้าสินทรัพย์เสี่ยง มีการขายทองคำและพันธบัตรสหรัฐ
# ระยะสั้นคาด SET- ผันผวนมากขึ้น หลังทรัมป์ไม่เห็นด้วยลดภาษีให้จีน มีโอกาสรีบาวด์ ติดตาม PTT คาดการณ์กำไรสุทธิ 3Q62 ของ PTT ถูกฉุดจากบริษัทย่อย และธุรกิจก๊าซ ออกมาเป็น 23.4 พันล้านบาท (-23% y-o-y, -3% q-o-q) รวม MSCI เพิ่มน้ำหนักหุ้น A Share และหุ้น IPO Aramco ซาอุฯ ก็ดึงสภาพคล่องในตลาดฯคาด SET ซื้อขายในกรอบ 1610-1640 จุด แนวต้านเป็น 1630-1640 จุด แนวรับอยู่ที่ 1610-1590 จุด Stop Loss ต่ำกว่า 1620 จุด การเข้าเก็งกำไรไม่ควรหวังผลตอบแทนสูง หาจังหวะขายทำกำไร กลยุทธ์ คือ เลือกลงทุนทยอยสะสม เป็นรายกลุ่มและรายตัว (Selective) ตาม Theme เป้าหมายดัชนีปีนี้ 1680 จุด ปีหน้า 1725 จุด แนะนำ หุ้น Domestic Play หุ้นไม่ผันแปรตามเศรษฐกิจ หรือปันผลสูงแทน ด้านหุ้นเข้า-ออก MSCI มีผล 26 พ.ย.62 หุ้นขนาดใหญ่ เข้า-BGRIM,GPSC,OSP,SAWAD หุ้นออก- ไม่มี หุ้น Small Cap: เข้า- CENTEL,DOHOME,JMT,SPRC,STPI,TPIPP,TQM หุ้นออก- CBG,SAWAD,TISCO
# Stock Pick Today : CPALL คาดการณ์กำไรหลัก 3Q62 เป็น 5.48 พันล้านบาท (+6.9% y-o-y, +1.8% q-o-q) ปัจจัยสนับสนุนหลักมาจากธุรกิจร้านสะดวกซื้อ (CVS)อัตราการเติบโตจากสาขาเดิม (SSSG) เป็น +2.3% ด้านธุรกิจค้าส่ง MAKRO (cash and carry) ยังคงฟื้นตัวดี SSSG เป็น 5.8% คาดว่ายังมีโมเมนต้มที่ดีสำหรับ 4Q62 ก็เพราะ SSSG ที่ยังแข็งแกร่ง คาดว่ากำไร 4Q62 เติบโตดี เทียบกับ y-o-y และ q-o-q คงคำแนะนำ ซื้อ ด้วยราคาพื้นฐาน 92.50 บาท ซึ่งประเมินด้วยวิธี DCF
การวิเคราะห์ทางเทคนิค: ระยะสั้น สัญญาณ Candlestick & Indicators ป็นลบ(เล็กๆ)ต่อ {“ปิดลบแรง” แต่ยังยืนเหนือ“SMA10วัน”ได้ (โดยติด“แนวต้านสำคัญ” และยังถูกกดดันจาก“โครงสร้างขาลง – ระยะกลาง”)} ชี้ความน่าจะเป็นของตลาดฯวันนี้“แกว่งลง”เป็นหลัก แต่“ค่าบวก”(มี“SMA10”หนุน) จะทำให้มีรีบาวด์ฯสั้นๆก่อน(แล้วจึงลงต่ำ,ตามมา)ได้ แนวต้าน 1630 (หรือ 1640) จุด {แนวตัดขาดทุน “ต่ำ กว่า 1620” (แนวรับย่อย “1610 / 1590 – 1580” จุด)} คาดหุ้น New High เข้ามาใหม่คือ
KTB,MBK,GPSC,CPALL,AOT,DOHOME ที่ยังอยู่ใน List คือ TASCO,STEC,SPRC,PTTGC,STPI,ESSO,BCP,GLOBAL,ERW,CHAYO หุ้นหลุด List คือ PRM,TCMCหุ้นอยู่ในพื้นที่ Take Profit คือ ไม่มี
Thailand Research Team : reseach-th.dbs.com
Inside Story
Key Drivers TODAY : ปัจจัยต่างประเทศ / ปัจจัยในประเทศ
Company Guide : DREIT (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 7.35)
GFPT (ถือ -ราคาพื้นฐาน 15.00)
IVL (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 44.00)
PPS (ถือ -ราคาพื้นฐาน 0.47)
Flash Note : CPN (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 77.00)
ORI (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 8.00)
PSH (ถือ -ราคาพื้นฐาน 17.00)
RJH (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 32.00)
SC (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 3.06)
กองทุนรีทส์และกองทุนสาธารณูปโภค
In The News : กลุ่มค้าปลีก : กระทรวงการคลังชงมาตรการชิม ชอป ใช้ เฟส 3 ให้ครม.พิจารณา
New Listing : SHR
Key Drivers TODAY
ปัจจัยต่างประเทศ
• สหรัฐ: จับตา"ทรัมป์"กล่าวสุนทรพจน์ 12 พ.ย.62 และเฟดแถลงวันพุธ
# ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐ เตรียมกล่าวสุนทรพจน์ที่การประชุม Economic Club of New York ในวันอังคาร ตามเวลาท้องถิ่นในสหรัฐ
# โดยนักลงทุนต่างจับตาสุนทรพจน์ของผู้นำสหรัฐว่า จะมีการกล่าวถึงสถานการณ์การค้าระหว่างจีนและสหรัฐหรือไม่ภายหลังจากที่ทรัมป์ได้ออกมาระบุว่า ไม่เห็นด้วยต่อการยกเลิกการจัดเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีน ถึงแม้ว่าจีนต้องการให้เขาดำเนินการดังกล่าวก็ตาม
# ขณะเดียวกันนักลงทุนยังจับตานายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งจะแถลงต่อสภาคองเกรสเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจสหรัฐในวันพุธนี้ เวลา 11.00 น.ตามเวลาสหรัฐ หรือ 23.00 น.ตามเวลาไทย
-ฮ่องกง: ราคาหุ้นร่วง หลังวันจันทร์มีเหตุรุนแรง เจ้าหน้าที่ยิงผู้ชุมนุมประท้วง
# หนังสือพิมพ์แอปเปิล เดลี ของฮ่องกง รายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจฮ่องกงได้ใช้กระสุนจริงยิงผู้ประท้วงวานนี้ โดยมีวัยรุ่นได้รับบาดเจ็บ 2 ราย และถูกตำรวจจับกุมแล้ว ความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้น หลังกลุ่มผู้ประท้วงได้บุกสถานีรถไฟใต้ดินในเช้าวันนี้ ขณะที่ MTR Corp. ซึ่งเป็นผู้ประกอบการรถไฟใต้ดินในฮ่องกง ได้สั่งปิดให้บริการบางเส้นทางแล้ว เนื่องจากมีสิ่งกีดขวางทางรถไฟและอุปกรณ์ได้รับความเสียหาย
-/• เจรจาการค้า: ทรัมป์ระบุไม่เห็นด้วยกับแผนการยกเลิกภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน
# นักลงทุนกังวลกับความคืบหน้าในการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีน หลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ระบุว่าเขาไม่เห็นด้วยกับแผนการยกเลิกภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน ซึ่งความเห็นดังกล่าวสอดคล้องกับแถลงการณ์ของนายปีเตอร์นาวาร์โร ที่ปรึกษาการค้าของทำเนียบขาว รวมทั้งแหล่งข่าวอื่นๆ ซึ่งระบุว่า แผนการยกเลิกภาษีนำเข้าสินค้าจีนได้ถูกคัดค้านจากภายในทำเนียบขาว
+ ดัชนีหุ้นสหรัฐ: ปรับขึ้นเล็กน้อย โดยได้แรงหนุนจากราคาหุ้นโบอิ้งที่พุ่งขึ้น
# ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 27,691.49 จุด เพิ่มขึ้น 10.25 จุด หรือ +0.04% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่3,087.01 จุด ลดลง 6.07 จุด หรือ -0.20% ส่วนดัชนี Nasdaq ปิดที่ 8,464.28 จุด ลดลง 11.04 จุด หรือ -0.13%
# ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดดีดขึ้นทำนิวไฮเมื่อคืนนี้ (11 พ.ย.) โดยได้แรงหนุนจากราคาหุ้นโบอิ้งที่พุ่งขึ้นกว่า4.5% หลังจากบริษัทแสดงความเชื่อมั่นว่าจะสามารถนำเครื่องบินโบอิ้งรุ่น 737 MAX กลับมาให้บริการในสหรัฐได้ในเดือนม.ค.ปีหน้า
-S&P 500 และ Nasdaq ปรับลง ยังกังวลเจรจาการค้าไม่แน่นอน
# อย่างไรก็ดี ดัชนี S&P500 และ Nasdaq ปิดในแดนลบ เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับความไม่แน่นอนของการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีน หลังจากปธน.ทรัมป์กล่าวเมื่อวันศุกร์ว่า เขาไม่เห็นด้วยต่อการยกเลิกการจัดเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีน ซึ่งคำกล่าวของปธน.ทรัมป์สวนทางกับแถลงการณ์ของกระทรวงพาณิชย์จีนที่ว่า สหรัฐและจีนได้ตกลงกันที่จะทยอยยกเลิกการจัดเก็บภาษีสินค้านำเข้าของแต่ละฝ่ายที่มีการกำหนดขึ้นในช่วงที่สหรัฐและจีนทำสงครามการค้าก่อนหน้านี้
- น้ำมัน: ปรับลง สะท้อนข่าวเจรจาการค้าไม่แน่นอน
# สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 38 เซนต์ หรือ 0.7% ปิดที่ 56.86 ดอลลาร์/บาร์เรล
# สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนม.ค. ลดลง 33 เซนต์ หรือ 0.5% ปิดที่ 62.18 ดอลลาร์/บาร์เรล
# สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (11 พ.ย.) เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับความไม่แน่นอนของการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีน รวมทั้งผลกระทบของสงครามการค้าที่มีต่อเศรษฐกิจและความต้องการใช้น้ำมันทั่วโลก ขณะที่นักลงทุนจับตารายงานสต็อกน้ำมันดิบของรัฐบาลสหรัฐซึ่งมีกำหนดเปิดเผยในวันพฤหัสบดีนี้ และการประชุมกำหนดนโยบายการผลิตของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร ในช่วงต้นเดือนหน้า
+ ทองคำ: ปรับลง หลังดอลลาร์แข็งค่าและตลาดหุ้นยังปรับขึ้น
# สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 5.80 ดอลลาร์ หรือ 0.4% ปิดที่1,457.10 ดอลลาร์/ออนซ์ ซึ่งเป็นระดับปิดต่ำสุดนับตั้งแต่ต้นเดือนส.ค.ปีนี้
# สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 3 เดือนเมื่อคืนนี้ (11 พ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนเดินหน้าเทขายทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย หลังจากดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นสหรัฐยังคงทำนิวไฮอย่างต่อเนื่อง
• ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐ ที่จะมีการประกาศต่อเนื่องในสัปดาห์นี้
# นักลงทุนยังรอดูข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ ความเชื่อมั่นของธุรกิจขนาดย่อมเดือนต.ค.จากสหพันธ์ธุรกิจอิสระแห่งชาติสหรัฐ (NFIB), ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนต.ค., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนต.ค., ยอดค้าปลีกเดือนต.ค., ราคานำเข้าและส่งออกเดือนต.ค., ดัชนีภาคการผลิต (Empire State Manufacturing Index) เดือนพ.ย. จากเฟดนิวยอร์ก, การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนต.ค.และสต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนก.ย.
ปัจจัยในประเทศและข่าวหลักทรัพย์
-หุ้น AWC ปรับลง ต่ำกว่าจอง หลังหมดเวลา Green Shoe จากภัทร
# AWC ต่ำจองที่ 6.00 บาท คาดว่าเป็นเพราะหมดระยะเวลาก Green Shoe ที่ภัทรดูแลหุ้นไม่ให้ต่ำกว่าจอง ครบไปเมือวันที่ 8 พ.ย.62 ที่ผ่านมา นอกจากนี้ AWC ไม่ได้รับการคัดเลือกเข้า MSCI ที่จะมีผลในวันที่ 26 พ.ย.62 นี้ จากก่อนหน้าที่ราคาจอง IPO มีการตั้งราคาที่ P/E สูง ฝ่ายวิจัยฯ ไม่ได้ทำการวิเคราะห์หลักทรัยพ์นี้ (Not Rated)
- MSCI เพิ่มน้ำหนักหุ้นจีนรอบ 3 มีผล 26 พ.ย.นี้ คาดดึงดูดเงินทุนไหลเข้าตลาดหุ้น A-share
# MSCI ซึ่งเป็นบริษัทจัดทำดัชนีระดับโลก ประกาศในวันนี้ว่า หุ้น A-share ของจีนจำนวน 204 ตัวซึ่งเป็นหุ้นขนาดกลาง189 ตัว จะถูกเพิ่มเข้าไปในการคำนวณดัชนี MSCI China และจำนวนหุ้นที่รวมในการคำนวณดัชนี (inclusion factor) กับหุ้นเดิมที่มีอยู่ 268 ตัวนั้น จะเพิ่มขึ้นจาก 15% เป็น 20%
# หุ้น A-share ของจีนจะมีน้ำหนัก 12.1% และ 4.1% ในดัชนี MSCI China และ MSCI Emerging Marketes ตามลำดับหลังจากการปรับเพิ่มน้ำหนักดังกล่าว โดยการเปลี่ยนแปลงทั้งหมดนั้นจะมีผลหลังจากที่ตลาดปิดทำการในวันที่ 26 พ.ย.
# ผลกระทบ: มีโอกาสเป็นลบกับประเทศอื่นๆ ในตลาด Emerging Marketes เพราะไปถ่วงน้ำหนักจีนมากขึ้น
+/- MSCI ประกาศหุ้นเข้าออกในการคำนวณดัชนี ศุกร์ 8 พ.ย.62 ที่ผ่านมา มีผลวันที่ 26 พ.ย.62
# MSCI Thailand เข้า - BGRIM, GPSC, OSP, SAWAD ออก – ไม่มี
# MSCI Global Small Cap เข้า – CENTEL, DOHOME, JMT, SPRC, STPI, TPIPP, TQM อ อ ก – CBG, SAWAD,TISCO
KBANK & BBL ประกาศลดอัตราดอกเบี้ย MLR ลง 0.25%
นักวิเคราะห์&กลยุทธ์ : สมบัติ เอกวรรณพัฒนา : [email protected]