- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 12 November 2019 15:55
- Hits: 852
บล.เออีซี : Daily Focus
AECS Daily Focus
--------------
Market Outlook
• วันนี้คาดดัชนี SET Index แกว่ง Sideway ในกรอบ 1,610-1,630 จุด มองตลาดยังติดตาม 2 ปัจจัยหลัก ตปท. ทั้งความคืบหน้า Tradewar และ ถ้อยแถลงของประธาน FED ขณะที่ปัจจัยหนุนในประเทศอยู่ที่ออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม อย่างไรก็ดี ยังต้องติดตามรายงานผลประกอบการของบริษัทฯ ราย 3Q62 หลัง Consensus ปรับลดกำไรสุทธิต่อหุ้นลงต่อเนื่อง
• Market Factor
• (watch) เจรจาการค้ายังมีความไม่แน่นอนหลังประธานาธิบดีสหรัฐฯ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ไม่เห็นด้วยที่จะยกเลิกภาษีสินค้านำเข้าจากจีนสวนทางกับกระทรวงพาณิชย์จีนแถลงจะทยอยยกเลิกการจัดเก็บภาษีนำเข้าในแต่ละฝ่าย แต่อย่างไรก็ดี จับตาถ้อยแถลงของประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในงาน The Economic Club of New York อาจมีความชัดเจนในการเจรจาการค้ามากขึ้น
• (watch) ติดตามถ้อยแถลงของประธาน Fed ในงาน The Congressional Joint Economic Committee วันที่13 พ.ย. 62 เพื่อหาสัญญาณทิศทางอัตราดอกเบี้ยเงินเฟ้อและภาวะเศรษฐกิจ
• (+) กกพ. มีมติให้คงอัตราค่าไฟฟ้าผันแปร (ค่าเอฟที) สำหรับค่าไฟฟ้างวดเดือน ม.ค.-เม.ย.63 จำนวน -11.60 สตางค์ต่อหน่วย ส่งผลให้ค่าไฟฟ้าเฉลี่ยอยู่ที่ 3.64 บาท/หน่วย คาดว่าจะใช้เงินประมาณ 6,869 ล.บ.
• (+) รมว.คลัง เตรียมเสนอให้ ครม. เห็นชอบมาตรการชิมช้อปใช้เฟส 3 เพิ่มอีก 2 ล้านคน โดยผู้ที่ได้รับสิทธิชิม ช้อปใช้ในเฟส 3 แต่ได้สิทธิประโยชน์เฉพาะสิทธิเงินแคชแบ๊กคืนเท่านั้น โดยใช้จ่าย 30,000 บ.แรกได้เงิน แคชแบ๊กคืน 15% หรือสูงสุดไม่เกิน 4,500 บ. และแคชแบ๊ก 20% เมื่อใช้จ่ายเงินตั้งแต่ 30,001-50,000 บ. หรือสูงสุดไม่เกิน 4,000 บ. รวมได้รับเงินแคชแบ๊กคืนไม่เกิน 8,500 บ. (เดลินิวส์)
• (+) รมว.คลัง เผยกำลังพิจารณาแก้ไข พ.ร.บ.เอสเอ็มอี เพื่อสนับสนุนให้ SMEs สามารถเข้าถึงแหล่งสินเชื่อของกองทุน สสว.หรือเอสเอ็มอีแบงก์ได้ครอบคลุมยิ่งขึ้น โดยเตรียมปรับนิยามจากเดิมเน้นที่เน้นจำนวนลูกจ้าง ไม่น้อยกว่า 200 ราย และสินทรัพย์ไม่ต่ำกว่า 200 ลบ.เป็นการเน้นที่รายได้ หากเกิน 50 ลบ./ปี (ตามนิยามใหม่) (ประชาชาติธุรกิจ)
• ปรับลดประมาณการ EPS โดยข้อมูลจาก Bloomberg Consensus พบว่าเมื่อต้นปี EPSปี 62 ที่ 115.13 บ. ขณะที่ปัจจุบันเหลือเพียง 95.73 บ. หรือลดลง 16.85%YTD
• Update Flow เมื่อวานนี้ ต่างชาติพลิกซื้อสุทธิในตลาดหุ้นไทย 886.18 ลบ.ส่งผลภาพรวม MTD.ต่างชาติขายสุทธิ 2,496.91 ลบ.ขณะที่กองทุนซื้อสุทธิ MTD. 8,274.96 ลบ.
Investment Strategy
• สัปดาห์นี้ เรามอง SET Index ผันผวนในกรอบ 1,605-1,640 จุด โดยตลาดจะมุ่งโฟกัสไปที่การประกาศผลประกอบการช่วง 3Q62 ซึ่งอาจทำให้ตลาดแกว่งตัวไร้ทิศทาง ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศ เรามองว่า แม้ประเด็น Trade war จะมีสัญญาณที่ดีขึ้นในสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่ตลาดยังคงติดตามถ้อยแถลงของทั้งทรัมป์ (12 พ.ย.) และทรัมป์ (13 พ.ย.) รวมถึงการประกาศตัวเลขทางเศรษฐกิจหลายตัวของสหรัฐฯ อย่างไรก็ดี สัปดาห์นี้เราเลือก Selective Buy หุ้นที่ผลประกอบการดี รวมถึงเรายังคงแนะนำหุ้น 5 กลุ่มเดิมที่สามารถทยอยซื้อลงทุนได้ในระยะ 3-6 เดือน ดังนี้
• หุ้นกลุ่มที่จะได้ประโยชน์จากแผนกระตุ้น ศก.ของรัฐฯทั้งมาตรการท่องเที่ยว, ชิมช้อปใช้และงานประมูลภาครัฐฯ: แนะนำหุ้นที่ได้ประโยชน์และมี Upside ได้แก่ BJC (ช่วง 2H62 คาดเห็นการฟื้นตัว HoH จากการขยายสาขา BigC มากขึ้นจากสาขาทั้งในประเทศ 7 สาขาและสาขาที่กัมพูชา 1 สาขา BigC Food Place 1 สาขาและ Mini BigC ราว 200 สาขา), SEAFCO (แม้ช่วง 2H62 คาดรับรู้งานลดลง แต่ยังมี Backlog 2.3 พัน ลบ. คาด Secured Revenue 100% ในช่วงที่เหลือของปีนี้ บวกกับยังมี Upside Risk จากงานประมูลใหม่อีก 1.9 หมื่น ลบ.), ERW (ช่วง 2H62 หลังคาดฟื้นตัวจากปัจจัยฤดูกาล บวกกับการกลับมาเปิดโรงแรมใหม่ 9 แห่ง อีกทั้งมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวจาก ครม.และมีสัญญาณฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวชาวจีน หลังจำนวนนักท่องเที่ยวจีนเดือน ส.ค.โต 15.6%YoY), CPALL (ช่วง 3Q62 แม้เข้าสู่ Low Season แต่ด้วยการจัดโปรโมชั่น แสตมป์จัดหนักกระตุ้นยอดขาย และการได้ประโยชน์จากฐานที่ต่ำของปีก่อนจะหนุน SSSG เติบโตต่อเนื่อง พร้อมยังคงเป้าขยายสาขาร้านสะดวกซื้อปีนี้ที่ 700 สาขา), MINT (ช่วง 3Q62 คาดกำไรโต YoY ด้วยกำไรพิเศษจากการขายโรงแรมที่โปรตุเกส แม้ไม่รวมรายการพิเศษกำไรปกติยังโต YoY บวกกับตัวเลขนักท่องเที่ยวจีนยังคงฟื้นตัวต่อเนื่องจากฐานปีก่อนที่ลดลง ซึ่งโมเมนตัมนี้ยังคงหนุนผลประกอบการต่อเนื่องในช่วง 4Q62)
• กลุ่ม Defensive Stock: เราเลือกหุ้นที่มีอัตราจ่ายปันผลน่าดึงดูดบวกกับกำไรช่วง 2H62 มีแนวโน้มโตดี แนะนำ ASK (ช่วง 2H62 คาดกำไรสุทธิมีแนวโน้มโตต่อ หนุนด้วยสินเชื่อรถพาณิชย์ที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตามงานก่อสร้างภาครัฐฯ ที่จะทยอยเร่งตัวขึ้นบวกกับคาดได้ประโยชน์จากการทยอยเปลี่ยนรถตู้เป็นรถมินิบัสของผู้ประกอบการรถโดยสารสาธารณะตามมาตรการของ ขสมก.
• กลุ่มที่คาดผลดำเนินงานมีแนวโน้มดีต่อเนื่อง: เหมาะกับการทยอยซื้อสะสม โดยเน้นหุ้นที่กำไรช่วง 2Q62 คาดโต YoY และช่วง 2H62 โตต่อ แนะนำ SAWAD (คาดกำไรปี 62 โต 30.8%YoY หนุนด้วยเป้าพอร์ตสินเชื่อโต 20-30% และอีก 300 สาขา, Asset Yield ฟื้นตัวตามสัดส่วนการรับรู้รายได้ผ่านสัญญาเงินกู้ผ่าน BFIT ที่มากขึ้นโดยล่าสุด SAWAD รายงานการถือครองหุ้น BFIT หลัง Tender Offer ที่ 82.04% บวกกับต้นทุนทางการเงินที่ปรับลงหลังได้รับเงินเพิ่มทุนจากพันธมิตร), SELIC (คาดปี 62 เห็นการ Turnaroundของกำไรหลังเริ่มรวมงบการเงินกับ PMCT ซึ่งคาดเห็น Synergy ชัดเจนขึ้นจากการพัฒนาสินค้าใหม่และการขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่มใหม่)
• หุ้นกลุ่ม ร.พ.ขนาดกลางที่คาดกำไรช่วง 2H62 โต เข้าสู่ High Season: PR9 (คาด 3Q62 และ 4Q62 โตต่อ มองบ.ยังมีศักยภาพในการเติบโตหลังแนวโน้มการทำกำไรเร่งตัวขึ้นสะท้อนผ่าน EBITDA Margin ช่วง 1H62 ปรับตัวเพิ่มขึ้นที่ 16.4% (จาก 15.4% ช่วง 1H61) สวนทางกับคู่แข่งในอุตสาหกรรมที่มีความสามารถในการทำกำไรชะลอตัวลง ขณะที่บ.มีแผนการเติบโตที่สดใส เนื่องจากความแข็งแกร่งของ บ.ที่ถือเป็น Cash Company มีเงินสดต่อหุ้นมากกว่า 2 บ.โดยเตรียมเปิดตึกใหม่ต้นปี 63 เพื่อรองรับลูกค้าได้เพิ่มกว่าเท่าตัวหลังเกิด Over demand ในกลุ่มลูกค้า ICU-CCU (คิดเป็นกว่า 30% ของรายได้)และศูนย์บริการที่ถือเป็นไฮไลท์ใหม่อย่าง Pain Management and Wellness Center ขยายฐานลูกค้าต่างชาติครอบคลุมทั้งจีนและกลุ่มอาเซียน รวมถึงกลุ่มลูกค้าประกันองค์กรและผู้ประกันตนด้วย คาดหนุน บ.มีโอกาสคุ้มทุนได้เร็วกว่าที่ตลาดคาด นอกจากนี้ Consensus ให้ valuation ที่ถูกสุดเมื่อเทียบกับอุตสาหกรรม ทั้งในแง่ Forward PE เพียง 24.59X ,P/BV 1.70X และEV/EBITDA 9.56X (อุตสาหกรรมอยู่ที่ PE 32.81X,P/BV 4.56X และEV/EBITDA 19.89X)
• หุ้นที่คาดกำไรช่วง 3Q62 โต YoY, QoQ และทั้งปี 62 ยังโตเด่น: SSP, JWD, SABINA, AMATA, PLANB, PRM, MINT
11-Nov-19 Change (pts.) 8-Nov-19
SET Index 1,622.12 -15.73 1,637.85
SET50 Index 1,092.69 -10.86 1,103.55
SET100 Index 2,399.43 -24.97 2,424.40
High 1,634.09 Gainers 437
Low 1,619.02 Unchanged 357
Value (Bt m) 47,552.38 Losers 1,234
Volume (*000) 19,044,568
Market Valuation
SET Data 2019F 2020F Long Term
Fwd PER (x) 16.9 15.3 15.3
EPS Growth (%) 13.9 9.3 -5.3
EV/EBITDA (x) 0.0 0.0 0.0
FWD PBV (x) 1.8 1.7 1.6
Dividend Yield (%) 3.0 3.3 3.6
ROE 10.1 10.4 10.5
Net Buy/Sell by Investor Types
Unit : M Bt 11-Nov-19 WTD MTD YTD
Institution (4,499.55) (4,499.55) 8,274.97 32,939.50
Proprietary 891.13 891.13 1,732.97 12,188.83
Foreign 886.18 886.18 (2,496.91) (15,571.07)
Individual 2,722.24 2,722.24 (7,511.03) (29,557.26)
AECS ( Fundamental and Strategic Team )
จิรภัทร โบสุวรรณ (ID. 040051) [email protected]
ภัทรพล จันทร์อินทร์ (ID. 089932) [email protected]
ธีรยุทธ ฤทธิเผ่าพันธุ์ ผู้ช่วยนักวิเคราะห์
สุวรรณา อัศวเหล่าวรพงศ์ Data Support / Secretary