- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 11 November 2019 18:02
- Hits: 690
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : Need to KNOW
Need to KNOW
ปัจจัยต่างประเทศ
- สหรัฐ : ทรัมป์ระบุไม่เห็นด้วยกับแผนยกเลิกภาษีนำเข้าจากจีน และแผนดังกล่าวถูกคัดค้านจากภายในทำเนียบขาว
• สหรัฐกับจีน : อาจจะทยอยยกเลิกภาษีนำเข้าของแต่ละฝ่ายและยังคงเจรจาเพื่อลงนามในเฟสแรก แต่ยังไม่กำหนดเวลาลงนามชัดเจน ในเบื้องต้นมีข่าวว่าจีนจะกลับไปนำเข้าสัตว์ปีกและไข่จากสหรัฐ หลังยกเลิกไปเมื่อม.ค.58 เพราะหวัดนกระบาดในสหรัฐ
+ สหรัฐ : ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคพ.ย.เพิ่มเป็น 95.7 จาก 95.5ในเดือนก่อนหน้า
- อังกฤษ : Moody’s ลดแนวโน้มเครดิตเป็น “เชิงลบ” จากมีเสถียรภาพ เพราะความไม่แน่นอน Brexit ทำให้นโยบายชะงักงัน
- ยุโรป : EC ปรับลดคาดการณ์ GDP growth ปี 62F มาที่ +1.1%(เดิม +1.2%) และปี 63F มาที่ +1.2% (เดิม +1.4%)
• ยุโรป : คาดทรัมป์จะยังไม่สั่งเก็บภาษีนำเข้ารถยนต์จากยุโรปอัตรา 25% ในสัปดาห์นี้ (สหรัฐมีเวลาถึง 14 พ.ย.ในการตัดสินใจ)
- อิหร่านกลับมาพัฒนาโครงการนิวเคลียร์รอบใหม่ ตอบโต้ที่สหรัฐคว่ำบาตรอิหร่าน
+ จีน : ยอดส่งออกต.ค.62 ลดเพียง -0.9%YoY ดีขึ้นจาก -3.2%YoY ในเดือนก่อนหน้า ส่วนยอด 10M62 เพิ่ม +4.9%YoY
- ฮ่องกง : กลุ่มผู้ประท้วงบุกทำลายสถานีรถไฟใต้ดินเขตชาทินร้านค้า ฯลฯ มีแนวโน้มว่าความวุ่นวายจะยังดำเนินต่อไป ซึ่งกดดันเศรษฐกิจฮ่องกงอย่างมาก
ปัจจัยในประเทศ
• กนง.ลดดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% เป็น 1.25% ในการประชุม 6พ.ย.62…ดอกเบี้ยต่ำเป็นบวกกับหุ้นปันผลสูงและกลุ่ม REITs
• ธ.พ.ทยอยลดดอกเบี้ย เริ่มจาก KBANK และ BBL ประกาศลดMLR 0.25% มีผล 11 พ.ย. สำหรับผลกระทบต่อ NIM มองว่าไม่ได้รุนแรงมาก แต่ปัจจัยที่จะกระทบ NIM มากกว่าคือ การเพิ่มขึ้นของNPL ซึ่งจะทำให้ NIM ลดลงและต้องตั้งสำรองฯสูง ซึ่งเป็นลบต่อคาดการณ์กำไรสุทธิในระยะต่อไป
• ค่าเงินบาทอ่อนลงหลังธปท.ปรับปรุงกฎเกณฑ์ เพื่อเอื้อให้เงินทุนไหลออก..แต่ก็อ่อนลงไม่มาก เพราะมองว่ามาตรการที่มีผลเป็นรูปธรรมก็มีเพียงเรื่องการซื้อขายทองคำฯเท่านั้น
- คาดกำไรสุทธิตลาดหุ้นไทยงวด 3Q62 จะหดตัว -7%YoY แล้วค่อยเติบโตก้าวกระโดดใน 4Q62 จากฐานต่ำในปีก่อน
• ติดตาม 1) การพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณปี 63 วาระที่ 2และ 3 ซึ่งถ้าผ่านก็จะเป็น Sentiment บวกกับหุ้นกลุ่ม MegaProject เช่น นิคมอุตสาหกรรม, รับเหมาและวัสดุก่อสร้าง, 2) การต่ออายุสัมปทานทางด่วน BEM ซึ่งจะหมดอายุในเดือนก.พ.63
• MSCI รอบมีผล 26 พ.ย.62 เป็นดังนี้ # MSCI Thailand หุ้นเข้าคือ BGRIM, GPSC, OSP, SAWAD ไม่มีหุ้นออก # MSCI GlobalSmall Cap หุ้นเข้า คือ CENTEL, DOHOME, JMT, SPRC, STPI,TPIPP, TQM หุ้นออก CBG, SAWAD, TISCO
กลยุทธ์การลงทุน
สรุปภาพรวม : ตลาดหุ้นสหรัฐไม่ได้ตอบรับการที่ทรัมป์ไม่เห็นด้วยกับการยกเลิกภาษีนำเข้าจากจีนในทางลบมากนัก ส่วนหนึ่งเพราะเชื่อว่าจะมีความคืบหน้าในการเจรจาและลงนามในเฟสแรกอยู่บ้าง และผลประกอบการ 3Q62 ของบจ.สหรัฐแข็งแกร่ง แต่ตลาดหุ้นเอเชีย &ไทยอาจตอบรับเชิงลบมากกว่า เพราะผลกำไร 3Q19 ของบจ.ไทยอ่อนแอลง (เราคาด -7%YoY) และค่าเงินบาทอ่อนลงไม่มาก นักลงทุนยังระวังการเข้าซื้อใหม่ กลยุทธ์การลงทุน : เน้นเลือกซื้อ/เลือกถือหุ้นDefensive, หุ้นมั่นคง จ่ายปันผลดีสม่ำเสมอ
การวิเคราะห์เทคนิค : สัญญาณระยะสั้นเป็นบวก แต่ก็ยังอาจพลิกเป็นลบได้ ดังนั้นการซื้อใหม่เน้นตามด้วยค่าบวกเท่านั้น ค่าลบ Wait &see ต่ำกว่า 1610 Stop loss ให้แนวต้านระยะสั้น 1640-1650 ยืนเหนือ 1650 ได้ถือลุ้น 1670, 1680 ถ้าไม่ได้ขายก่อน ส่วนแนวรับกรณีอ่อนตัวอยู่ที่ 1615-1610, 1590-1580 หรือต่ำกว่า
หุ้น Top Picks รายสัปดาห์
หุ้นพื้นฐานเดน่ สำหรับสัปดาห์นี้ ประกอบด้วย
CHG – กำไร 2H62 ดีขึ้นจากโรงพยาบาลใหม่ 2 แห่งขาดทุนน้อยลงและโรงพยาบาลเดิมมีประสิทธิภาพมากขึ้น กำไรปี 63F เติบโตสูงหลังโรงพยาบาลใหม่เริ่มทำกำไรได้ ให้ราคาพื้นฐาน 2.70 บาท
CPALL - ยอด SSSG ของ 7-11 และ MAKRO เป็นบวกได้ 2-5% ซึ่งดีกว่ากลุ่ม จากการปรับ Product Mixed และมีรายได้บริการเพิ่มมาร์จิ้นดีจาก Economy of scale การลงทุนต่างประเทศหนุนการเติบโตในระยะยาว…ราคาพื้นฐาน 92.50 บาท
DIF – ราคาหุ้นอ่อนลงเป็นจังหวะซื้อสะสม โดยกองทุนมีความมั่นคงจากสิทธิบริหาร 19 ปี ผู้เช่าหลักคือ กลุ่มทรู ซึ่งเป็นผู้ประกอบการสื่อสารโทรคมนาคมรายใหญ่ของไทย ณ ราคา 17 บาทให้ Yield5.9% ต่อปี ให้ราคาพื้นฐาน 19.40 บาท
***หุ้น Top Picks สัปดาห์ก่อนคือ CPALL, DREIT, TISCO ให้Return เฉลี่ย +0.3% น้อยกว่า SET Index ที่ +2.8%***
นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค– [email protected]