- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 08 November 2019 15:49
- Hits: 1318
บล.เออีซี : Daily Focus
AECS Daily Focus
-------------
Market Outlook
• วันนี้คาดดัชนี SET รีบาวด์ต่อตามบรรยากาศการลงทุนที่ผ่อนคลายขึ้น หลังทั้งสหรัฐฯ และจีนได้ตกลงกันที่จะทยอยยกเลิกการเก็บภาษีสินค้านำเข้าที่มีกำหนดการขึ้นช่วงก่อนหน้า อย่างไรก็ดีระมัดระวังการเคลื่อนย้ายเงินทุนบางส่วนออกจากตลาดหลัง MSCI เพิ่มน้ำหนักการลงทุนหุ้นจีน บวกกับรายงานผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนฯไทยช่วง 3Q62 คาดเป็นปัจจัยกดดันภาพการรีบาวด์ให้มี Upside จำกัด ประเมินกรอบการเคลื่อนไหว 1,635-1,650 จุด
• Market Factor
• (+) เจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีนมีความคืบหน้า หลังจีนตกลงกับทางสหรัฐฯ ยกเลิกการเก็บภาษีนำเข้าของแต่ละประเทศที่มีการกำหนดขึ้นในช่วงที่สหรัฐฯและจีนทำสงครามการค้าก่อนหน้านี้บวกกับจีนพิจารณายกเลิกคำสั่งแบนการนำเข้าสัตว์ปีกจากทางสหรัฐฯ
• (-) หอการค้าไทย เผยดัชนีเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน ต.ค.62 ปรับตัวลดลงอยู่ที่ระดับ 70.2 ปรับลงติดต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 8 เนื่องจากผู้บริโภคกังวลภาพรวมเศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นตัว (ไทยโพสต์)
• (+) ททท.เตรียมเสนอแผนกระตุ้นการท่องเที่ยวไทยในช่วง 2 เดือนสุดท้ายของปี ผ่านแคมเปญ "Amazing Thailand Grand Sale Passport Privileges” ต่อ ครม.โดยให้สิทธิพิเศษแก่นทท.ในรูปแบบส่วนลดสินค้าเมื่อแสดงหนังสือเดินทางในการซื้อสินค้าแก่ห้างสรรพสินค้าฯ
• (Watch) MSCI ประกาศรายชื่อหุ้นเข้า-ออกรอบใหม่ ซึ่งจะปรับน้ำหนักแล้วเสร็จภายในวันปิดตลาด 26 พ.ย. นี้ โดยมีรายละเอียด ดังนี้ MSCI Global Standard Indexes มีหุ้นเข้า : BGRIM, GPSC, OSP, SAWAD หุ้นออก : ไม่มี ขณะที่ MSCI Global Small Cap Indexes หุ้นเข้า : CENTEL, DOHOME, JMT, SPRC, STPI, TPIPP, TQM หุ้นออก : CBG, SAWAD (ย้ายไป MSCI Global), TISCO
• ปรับลดประมาณการ EPS โดยข้อมูลจาก Bloomberg Consensus พบว่าเมื่อต้นปี EPSปี 62 ที่ 115.13 บาท ขณะที่ปัจจุบันเหลือเพียง 95.95 บ. หรือลดลง 16.66%YTD
• Update Flow เมื่อวานนี้ต่างชาติขายสุทธิในตลาดหุ้นไทย 281.47 ลบ.ส่งผลภาพรวม MTD.ต่างชาติขายสุทธิ 2,628.73 ลบ.ขณะที่กองทุนซื้อสุทธิ MTD. 12,666.6 ลบ.
Investment Strategy
• วันนี้ถึงสัปดาห์หน้าเรามอง SET Index มีโอกาสปรับขึ้นเพื่อทดสอบแนวต้าน 1,650 จุด ด้วยแรงหนุนจาก Trade war สหรัฐฯ-จีนที่มีความคืบหน้ามากขึ้น หากสามารถผ่านและยืนเหนือ 1,650 จุดได้ คาดตลาดจะปรับขึ้นต่อในกรอบ 1,650-1,670 จุด แต่อย่างไรก็ดี ในสัปดาห์หน้าจะมีการประกาศงบช่วง 3Q62 หลายบริษัท ซึ่งอาจส่งผลให้มีการปรับประมาณการ EPS ในปีนี้ลงต่อเนื่อง อย่างไรก็ดี เราแนะนำนักลงทุนระมัดระวังในการลงทุน และขายทำกำไรหุ้นที่ปรับขึ้นมาในพอร์ต และสามารถซื้อหุ้น 5 กลุ่ม ดังนี้
• หุ้นกลุ่มที่จะได้ประโยชน์จากแผนกระตุ้น ศก.ของรัฐฯ ทั้งมาตรการท่องเที่ยว, ชิมช้อปใช้และงานประมูลภาครัฐฯ: แนะนำหุ้นที่ได้ประโยชน์และมี Upside ได้แก่ BJC (ช่วง 2H62 คาดเห็นการฟื้นตัวHoH จากการขยายสาขา BigC มากขึ้นจากสาขาทั้งในประเทศ 7 สาขาและสาขาที่กัมพูชา 1 สาขาBigC Food Place 1 สาขาและ Mini BigC ราว 200 สาขา), SEAFCO (แม้ช่วง 2H62 คาดรับรู้งานลดลง แต่ยังมี Backlog 2.3 พัน ลบ. คาด Secured Revenue 100% ในช่วงที่เหลือของปีนี้ บวกกับยังมี Upside Risk จากงานประมูลใหม่อีก 1.9 หมื่น ลบ.), ERW (ช่วง 2H62 หลังคาดฟื้นตัวจากปัจจัยฤดูกาล บวกกับการกลับมาเปิดโรงแรมใหม่ 9 แห่ง อีกทั้งมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวจาก ครม.และมีสัญญาณฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวชาวจีน หลังจำนวนนักท่องเที่ยวจีนเดือน ส.ค.โต 15.6%YoY), CPALL (ช่วง 3Q62 แม้เข้าสู่ Low Season แต่ด้วยการจัดโปรโมชั่น แสตมป์จัดหนักกระตุ้นยอดขาย และการได้ประโยชน์จากฐานที่ต่ำของปีก่อนจะหนุน SSSG เติบโตต่อเนื่อง พร้อมยังคงเป้าขยายสาขาร้านสะดวกซื้อปีนี้ที่ 700 สาขา), MINT (ช่วง 3Q62 คาดกำไรโต YoY ด้วยกำไรพิเศษจากการขายโรงแรมที่โปรตุเกส แม้ไม่รวมรายการพิเศษกำไรปกติยังโต YoY บวกกับตัวเลขนักท่องเที่ยวจีนยังคงฟื้นตัวต่อเนื่องจากฐานปีก่อนที่ลดลง ซึ่งโมเมนตัมนี้ยังคงหนุนผลประกอบการต่อเนื่องในช่วง 4Q62)
• กลุ่ม Defensive Stock: เราเลือกหุ้นที่มีอัตราจ่ายปันผลน่าดึงดูดบวกกับกำไรช่วง 2H62 มีแนวโน้มโตดี แนะนำ ASK (ช่วง 2H62 คาดกำไรสุทธิมีแนวโน้มโตต่อ หนุนด้วยสินเชื่อรถพาณิชย์ที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตามงานก่อสร้างภาครัฐฯที่จะทยอยเร่งตัวขึ้นบวกกับคาดได้ประโยชน์จากการทยอยเปลี่ยนรถตู้เป็นรถ มินิบัสของผู้ประกอบการรถโดยสารสาธารณะตามมาตรการของ ขสมก.
• กลุ่มที่คาดผลดำเนินงานมีแนวโน้มดีต่อเนื่อง: เหมาะกับการทยอยซื้อสะสม โดยเน้นหุ้นที่กำไรช่วง 2Q62 คาดโต YoYและช่วง 2H62 โตต่อ แนะนำSAWAD (คาดกำไรปี 62 โต 30.8%YoY หนุนด้วยเป้าพอร์ตสินเชื่อโต 20-30% และอีก 300 สาขา, Asset Yield ฟื้นตัวตามสัดส่วนการรับรู้รายได้ผ่านสัญญาเงินกู้ผ่าน BFIT ที่มากขึ้นโดยล่าสุด SAWAD รายงานการถือครองหุ้น BFIT หลัง Tender Offer ที่ 82.04% บวกกับต้นทุนทางการเงินที่ปรับลงหลังได้รับเงินเพิ่มทุนจากพันธมิตร), SELIC (คาดปี 62 เห็นการ Turnaround ของกำไรหลังเริ่มรวมงบการเงินกับ PMCT ซึ่งคาดเห็น Synergy ชัดเจนขึ้นจากการพัฒนาสินค้าใหม่และการขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่มใหม่)ม
• หุ้นกลุ่ม ร.พ.ขนาดกลางที่คาดกำไรช่วง 2H62โต เข้าสู่ High Season: PR9 (คาด 3Q62 และ 4Q62 โตต่อ มอง บ.ยังมีศักยภาพในการเติบโตหลังแนวโน้มการทำกำไรเร่งตัวขึ้นสะท้อนผ่าน EBITDA Margin ช่วง 1H62 ปรับตัวเพิ่มขึ้นที่ 16.4% (จาก 15.4% ช่วง1H61) สวนทางกับคู่แข่งในอุตสาหกรรมที่มีความสามารถในการทำกำไรชะลอตัวลง ขณะที่บ.มีแผนการเติบโตที่สดใส เนื่องจากความแข็งแกร่งของ บ.ที่ถือเป็น Cash Company มีเงินสดต่อหุ้นมากกว่า 2 บ.โดยเตรียมเปิดตึกใหม่ต้นปี 63 เพื่อรองรับลูกค้าได้เพิ่มกว่าเท่าตัวหลังเกิด Over demand ในกลุ่มลูกค้า ICU-CCU (คิดเป็นกว่า 30% ของรายได้) และศูนย์บริการที่ถือเป็นไฮไลท์ใหม่อย่าง Pain Management and Wellness Center ขยายฐานลูกค้าต่างชาติครอบคลุมทั้งจีนและกลุ่มอาเซียน รวมถึงกลุ่มลูกค้าประกันองค์กรและผู้ประกันตนด้วย คาดหนุน บ.มีโอกาสคุ้มทุนได้เร็วกว่าที่ตลาดคาด นอกจากนี้ Consensus ให้ valuation ที่ถูกสุดเมื่อเทียบกับอุตสาหกรรม ทั้งในแง่ Forward PE เพียง 24.59X ,P/BV 1.70X และEV/EBITDA 9.56X (อุตสาหกรรมอยู่ที่ PE 32.81X,P/BV 4.56X และEV/EBITDA 19.89X))
• หุ้นที่คาดกำไรช่วง 3Q62 โต YoY, QoQ และทั้งปี 62 ยังโตเด่น: SSP, BPP, JWD, SABINA, S11, AMATA, PLANB, PRM, MINT, RJH
7-Nov-19 Change (pts.) 6-Nov-19
SET Index 1,640.88 16.89 1,623.99
SET50 Index 1,106.15 12.65 1,093.50
SET100 Index 2,429.15 29.48 2,399.67
High 1,641.38 Gainers 1,055
Low 1,620.12 Unchanged 452
Value (Bt m) 59,054.45 Losers 600
Volume (*000) 23,078,434
Market Valuation
SET Data 2019F 2020F Long Term
Fwd PER (x) 17.1 15.4 15.4
EPS Growth (%) 13.9 9.3 -5.0
EV/EBITDA (x) 0.0 0.0 0.0
FWD PBV (x) 1.8 1.7 1.6
Dividend Yield (%) 3.0 3.3 3.6
ROE 10.1 10.5 10.5
Net Buy/Sell by Investor Types
Unit : M Bt 7-Nov-19 WTD MTD YTD
Institution 3,357.45 11,511.10 12,666.59 37,331.11
Proprietary 589.13 492.99 555.99 11,011.85
Foreign (281.47) (1,623.43) (2,628.74) (15,702.89)
Individual (3,665.11) (10,380.67) (10,593.83) (32,640.07)
AECS ( Fundamental and Strategic Team )
จิรภัทร โบสุวรรณ (ID. 040051) [email protected]
ภัทรพล จันทร์อินทร์ (ID. 089932) [email protected]
ธีรยุทธ ฤทธิเผ่าพันธุ์ ผู้ช่วยนักวิเคราะห์
สุวรรณา อัศวเหล่าวรพงศ์ Data Support / Secretary