- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 07 November 2019 15:22
- Hits: 2788
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
“ลงนามเฟส 1 อาจล่าช้า-ธอส.ช่วยกระตุ้นอสังหาฯ”
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : --
ภาวะตลาดและปัจจัย : SET วานนี้ -2.88 จุด ปิดที่ 1623.99 จุด มูลค่าการซื้อขายมากขึ้นเป็น 62.2 พันล้านบาท ดัชนีแกว่งแคบเหมือนภูมิภาค มีแรงขายทำกำไร หลังรับข่าวดีเจรจาการค้าไประดับหนึ่งแล้ว ดัชนีกลับมา Sell on Fact เมื่อ กนง.ปรับลดดอกเบี้ย และธปท.มีมาตรการเอื้อให้เงินไหลออก ลดแรงกดดันบาทแข็งค่า เงินบาทจึงกลับมาอ่อนค่าขณะที่ซื้อสุทธิมากคือ ต่างชาติ ขายสุทธิมากเป็น สถาบัน ตั้งแต่ต้นเดือนถึงปัจจุบัน ต่างชาติขายสุทธิลดลงเป็น 2.3 พันล้านบาท ด้านแนวโน้มตลาดและกลยุทธ์คือ
# ปัจจัยสำคัญ: การลงนามเฟส 1 อาจเลื่อนไป ธ.ค. กนง.ปรับลดดอกเบี้ย ธปท.ออกมาตรการสกัดบาทแข็ง ปัจจัยลบคือ ความล่าช้าในการลงนามจีน-สหรัฐสร้างความกังวลเรื่องความไม่แน่นอนมากขึ้น ทองคำ-ราคาพันธบัตราจึงปรับขึ้น ตลาดหุ้นเพื่อนบ้านเช้านี้ผสมมีทั้งบวกและลบ ตัวเลขประสิทธิภาพการผลิตนอกภาคการเกษตรสหรัฐปรับตัวลดลง ดาวโจนส์ล่วงหน้าปรับลดเล็กน้อย ด้านปัจจัยบวกคือท่าทีกนง.และธปท.ทำให้เงินบาทกลับมาอ่อนค่าส่งผลดีกับกลุ่มส่งออกมากขึ้น แต่ก็เป็นการจำกัดเงินไหลเข้าไทยเช่นกันส่งผลลบกับหุ้น ปัจจัยการเมือง ติดตามการเลือก ประธาน กมธ.แก้รัฐธรรมนูญ มีการเสนอคุณ อภิสิทธิ์ จากประชาธิปัตย์ กับคุณสุชาติ จากพปชร.
# ระยะสั้นคาด SET- แกว่งแคบ ปัจจัยบวกเจรจาการค้าแผ่วลง รอความชัดเจน กนง.ลดดอกเบี้ยเป็นบวกกับกลุ่ม เช่าซื้อ อสังหาฯ REITs หุ้นปันผลสูง แต่เป็นลบกับธนาคาร มีข่าวดีกลุ่มอสังหาฯทำบ้านต่ำกว่า 3 ลบ. คือ ธอส.ช่วยกระตุ้นวัน 11-11 ให้ผู้ประกอบการเข้าร่วม 35,000 ยูนิต บ้านราคาถูกเป็นพิเศษ และปล่อยกู้ดอกเบี้ยต่ำให้ หุ้นได้ประโยชน์เช่น LPN, PSH และ SPALI คาด SET ซื้อขายในกรอบ 1590-1640 จุด แนวต้านเป็น 1630-1640 จุด แนวรับอยู่ที่ 1590-1580 จุด Stop Loss ต่ำกว่า 1610 จุด การเข้าเก็งกำไรไม่ควรหวังผลตอบแทนสูง หาจังหวะขายทำกำไร กลยุทธ์ คือ เลือกลงทุนทยอยสะสม เป็นรายกลุ่มและรายตัว (Selective) ตาม Theme เป้าหมายดัชนีปีนี้1680 จุด ปีหน้า 1725 จุด แนะนำเลือกซื้อ หุ้นได้ประโยชน์มาตรการรัฐ-CPALL,BJC,AMATA,WHA,CK,STEC ดอกเบี้ยขาลง-DIF,CRYSTAL,TPRIME,WHART,MTC,SAWADปันผลสูง- KKP,TISCO,AP,ORI หุ้น DEFENSIVE- ADVANC,BTS,BEM ได้ประโยชน์ IMO 2020- TOP ตัวเลขนักท่องเที่ยวจีนฟื้นตัว รัฐกระตุ้นท่องเที่ยว- AOT,ERW,MINT กลุ่มการแพทย์ 3Q ฤดูกาลดีที่สุดในรอบปี อากาศผันผวนสูง - CHG,RJH,RPH
# Stock Pick Today : IRPC 3Q62 เกิดขาดทุนสุทธิมากถึง 1.32 พันล้านบาท แต่คาดการณ์ 4Q62 กลับมาฟื้นตัวดี เพราะมีโอกาสขาดทุนสต็อกลดน้อยลง และมีกำไรจากการทำHedging เกี่ยวกับอัตราแลกเปลี่ยน คาดว่าข่าวร้ายสะท้อนไปยังหุ้นมากแล้ว พิจารณาได้จากราคาหุ้นมีลักษณะ Underperform เทียบกับ SET และ Peers แต่คาดว่าจะได้รับประโยชน์จาก IMO สูงสุดในกลุ่ม เพราะหน่วยการกลั่น สามารถทำ GO yield ได้สูงสุดที่ราว 53% คาดว่ามีส่วนลด (downside) จากธุรกิจ polypropylene ที่จำกัดแล้ว แนะนำ ซื้อด้วยราคาพื้นฐาน 4.20 บาท ซึ่งประเมินด้วย P/BV ที่ 0.93 เท่า (-2 SD จากค่าเฉลี่ยถึง 5 ปี) ราคาปิดมีส่วนเพิ่มได้อีก 17%
การวิเคราะห์ทางเทคนิค: ระยะสั้น สัญญาณ Candlestick & Indicators ลดความเป็นบวก, แต่ยังไม่ติดลบ {“ปิดลบเล็กน้อย”เหนือ“SMA10วัน” (โดยยังถูกกดดันจาก“โครงสร้างขาลง–ระยะกลาง”)} ชี้ความน่าจะเป็นของตลาดฯวันนี้“แกว่ง”แบบให้น้ำหนักกับการลง แต่“ค่าบวก”(มี“SMA10”หนุน) จะทำให้มีรีบาวด์ฯสั้นๆก่อน(แล้วจึงลงต่ำ,ตามมา)ได้ แนวต้าน 1630 (หรือ 1640) จุด {แนวตัดขาดทุน “ต่ำกว่า 1610” (แนวรับย่อย “1590 – 1580 / 1550” จุด)} คาดหุ้น New High เข้ามาใหม่คือ TTCL,LPN,TPIPP,TFG,BH,GFPT,TEAMG ที่ยังอยู่ใน List คือ BCH,PTT,TOA,PLANB หุ้นหลุด List คือ DIF,CHG,OSP,DTAC หุ้นอยู่ในพื้นที่ Take Profit คือ BBL,KTB
Thailand Research Team : reseach-th.dbs.com
Inside Story
Key Drivers TODAY : ปัจจัยต่างประเทศ / ปัจจัยในประเทศ
Company Guide : KTB (ถือ -ราคาพื้นฐาน 18.30)
PF (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 0.95)
TU (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 19.60)
Flash Note : GPSC (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 103.00)
HMPRO (ถือ -ราคาพื้นฐาน 17.50)
PTTEP (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 159.00)
In The News : SCB (ถือ -ราคาพื้นฐาน 128.00)
Key Drivers TODAY
ปัจจัยต่างประเทศ
-/• เจรจาการค้า: การลงนามในเฟส 1 อาจล่าช้าไป ธ.ค.62
# สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานโดยอ้างการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่รัฐบาลสหรัฐรายหนึ่งว่า การพบปะกันระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีน เพื่อลงนามในข้อตกลงการค้าเฟสแรก อาจมีการเลื่อนออกไปเป็นเดือนธ.ค. จากเดิมที่มีกำหนดในเดือนนี้ เนื่องจากทั้งสองฝ่ายยังคงต้องเจรจาการค้ากันต่อไป รวมทั้งหารือกันเกี่ยวกับการหาสถานที่ในการลงนามข้อตกลง
# นักวิเคราะห์จากบริษัทโจนส์เทรดดิ้งในรัฐคอนเน็กติกัตกล่าวว่า รายงานข่าวดังกล่าวส่งผลให้เกิดความกังวลว่า สงครามการค้าอาจจะยืดเยื้อและส่งผลกระทบต่อภาพของของเศรษฐกิจทั่วโลก
- สหรัฐ: ประสิทธิภาพในการผลิตนอกภาคการเกษตรไตรมาส 3 ปรับลง
# สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ประสิทธิภาพในการผลิตของแรงงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐลดลงสู่ระดับ 0.3% ในไตรมาส 3 ซึ่งเป็นการดิ่งลงมากที่สุดในรอบเกือบ 4 ปี หลังจากแตะระดับ2.5% ในไตรมาส 2
-/• ดัชนีหุ้นสหรัฐ: ปรับลงเล็กน้อย การลงนามเจรจาการค้าอาจเลื่อนไป ธ.ค.62
# ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 27,492.56 จุด ลดลง 0.07 จุด หรือ -0.00% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,076.78จุด เพิ่มขึ้น 2.16 จุด หรือ +0.07% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 8,410.63 จุด ลดลง 24.05 จุด หรือ -0.29%
# ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดทรงตัวเมื่อคืนนี้ (6 พ.ย.) ท่ามกลางการซื้อขายที่ซบเซา หลังจากมีรายงานว่า การลงนามข้อตกลงการค้าเฟสแรกระหว่างผู้นำสหรัฐและจีนอาจจะเลื่อนออกไปเป็นเดือนธ.ค. อย่างไรก็ดี ดัชนี S&P500 ดีดตัวขึ้นปิดในแดนบวก โดยได้แรงหนุนจากคำสั่งซื้อหุ้นกลุ่มธุรกิจสุขภาพ หลังจากซีวีเอส เฮลธ์ คอร์ป ซึ่งเป็นบริษัทจำหน่ายยารายใหญ่ของสหรัฐ เปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่งในไตรมาส 3
- น้ำมัน: WTI ปรับลง สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐเพิ่มขึ้นสูง
# สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 88 เซนต์ หรือ 1.5% ปิดที่ 56.35 ดอลลาร์/บาร์เรล
# สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนม.ค. ร่วงลง 1.22 ดอลลาร์ หรือ 1.9% ปิดที่ 61.74 ดอลลาร์/บาร์เรล
# สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (6 พ.ย.) หลังจากสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐพุ่งขึ้นเกือบ 8 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับภาวะอุปทานน้ำมันล้นตลาด ขณะที่นักลงทุนจับตาความเคลื่อนไหวของบรรดาเจ้าหน้าที่กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ก่อนที่การประชุมโอเปกและชาติพันธมิตรจะเปิดฉากขึ้นในเดือนหน้า
- ทองคำ: รีบาวด์ หลังร่วงมาหลายวัน และดอลลาร์อ่อนค่า
# สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 9.4 ดอลลาร์ หรือ 0.63% ปิดที่1,493.1 ดอลลาร์/ออนซ์
# สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (6 พ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนเข้าช้อนซื้อเก็งกำไรหลังจากสัญญาทองคำร่วงลงติดต่อกัน 3 วันทำการก่อนหน้านี้ นอกจากนี้ การอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ยังเพิ่มความน่าดึงดูดให้กับทองคำ
• ตัวเลขเศรษฐกิจที่จะประกาศต่อไปและควรติดตาม
# ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ความเชื่อมั่นผู้บริโภคขั้นต้นเดือนพ.ย.จากมหาวิทยาลยมิชิแกน และสต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเดือนก.ย.
ปัจจัยในประเทศและข่าวหลักทรัพย์
+ กนง.: มีมติ 5 ต่อ 2 ให้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25%
# คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติ 5 ต่อ 2 ให้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% จาก 1.50% เป็น1.25% ต่อปี โดยให้มีผลทันที เนื่องจากเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวต่ำกว่าที่ประเมินและต่ำกว่าศักยภาพมากขึ้นจากการส่งออกที่ลดลง ส่งผลสู่การจ้างงานและอุปสงค์ในประเทศ
+ ธปท.: ออกประกาศปรับปรุงกฎเกณฑ์เพื่อเอื้อให้เงินทุนไหลออกและลดแรงกดดันต่อค่าเงินบาท
# ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยถึงการออกประกาศปรับปรุงกฎเกณฑ์เพื่อเอื้อให้เงินทุนไหลออกและลดแรงกดดันต่อค่าเงินบาทว่า ภายใต้สถานการณ์ปัจจุบันที่ความไม่สมดุลของเงินทุนเคลื่อนย้ายกดดันให้เงินบาทแข็งค่าขึ้น กระทรวงการคลัง และธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ปรับปรุงกฎเกณฑ์เพื่อสนับสนุนให้เงินทุนไหลออก ซึ่งจะช่วยปรับสมดุลเงินทุนเคลื่อนย้าย และลดแรงกดดันที่มีต่อค่าเงินบาท รวมทั้งจะช่วยให้การทำธุรกรรมเงินตราต่างประเทศมีความสะดวกมากขึ้น โดยจะมีผลบังคับใช้ภายในวันที่ 8 พฤศจิกายน 2562 ได้แก่ ยกเว้นการนำรายได้จากการส่งออกนอกประเทศ การลงทุนในหลักทรัพย์ต่างประเทศ การโอนเงินออกนอกประเทศ และการซื้อขายทองคำด้วยสกุลเงินต่างประเทศ
-เศรษฐกิจไทย: รองนายกฯสมคิด มองเศรษฐกิจไทยปี 63 ยังเผชิญกับความท้าทาย
# นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวเปิดงานสัมมนา "THAILAND 2020 #ก้าวข้ามพายุเศรษฐกิจ"ว่าแนวโน้มของเศรษฐกิจไทยในปี 63 ยังคงเผชิญกับความท้าทาย จากปัจจัยเสี่ยงและความไม่แน่นอนที่มาจากปัจจัยภายนอก โดยเฉพาะปัจจัยของสงครามการค้าที่ยังไม่มีความชัดเจนออกมา จึงอาจส่งผลกระทบต่อการค้าขายและการเติบโตของเศรษฐกิจโลกไปถึงปี 64 โดยในปีนี้จะเห็นได้ว่าสงครามการค้าส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก รวมไปถึงการค้าและการส่งออกของประเทศต่างๆ รวมไปถึงประเทศไทยที่ได้รับผลกระทบไปด้วย ทำให้เศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งปีแรกเกิดการชะลอตัวค่อนข้างมาก
นักวิเคราะห์&กลยุทธ์ : สมบัติ เอกวรรณพัฒนา : [email protected]