- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 06 November 2019 18:31
- Hits: 2824
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
“ติดตาม กนง.-ตลาดหุ้นเพื่อนบ้านเริ่มมีขายทำกำไร”
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : SPRC (จากถือเป็นซื้อ)
ภาวะตลาดและปัจจัย : SET วานนี้ +4.62 จุด ปิดที่ 1626.87 จุด มูลค่าการซื้อขายบางลงเป็น 59.2 พันล้านบาท ดัชนีปรับขึ้นดีน้อยกว่าภูมิภาค มีแรงขายทำกำไรบ้างหลังวันจันทร์ปรับขึ้นแรง ตลาดโฟกัสไปที่เจรจาการค้าที่จีนจะลงนามเฟส 1 แล้ว และการประชุม กนง.ในวันนี้ว่าจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายหรือไม่ ขณะที่ซื้อสุทธิรายเดียวคือ สถาบัน ขายสุทธิมากเป็นรายย่อย และต่างชาติ ตั้งแต่ต้นเดือนถึงปัจจุบัน ต่างชาติขายสุทธิ 3.0 พันล้านบาท ด้านแนวโน้มตลาดและกลยุทธ์คือ
# ปัจจัยสำคัญ: จีนกำลังต่อรองลดภาษีจากสหรัฐ ติดตาม กนง.ปรับลดดอกเบี้ยหรือไม่ หากพิจารณาเศรษฐกิจและอัตราเงินเฟ้อก็ควรปรับลดครั้งนี้เลย แต่อาจยังคำนึงเรื่องหนี้ภาคครัวเรือนที่สูง แต่จะมีประชุมอีกครั้ง 18 ธ.ค.62 อาจไปลดครั้งหน้า น้ำมันปรับตัวขึ้นต่อ ดาวโจนส์สป็อตปรับเพิ่ม ตลาดหุ้นเพื่อนบ้านบางตลาดปรับลงเริ่มมีแรงขายทำกำไร ทองคำและพันธบัตรปรับลง เข้าหาสินทรัพย์เสี่ยงมากขึ้น ดัชนีภาคบริการและดุลการค้าสหรัฐออกมาดี ดาวโจนส์ล่วงหน้าเช้านี้ปรับลงเล็กน้อย ปัจจัยลบคือ IMF เตือนไทยยังมีความเสี่ยง และความกังวลเศรษฐกิจไทยในปีหน้า โดยเฉพาะบาทแข็งค่า กระทบการส่งออก
# ระยะสั้นคาด SET- เริ่มมีแรงขายทำกำไร โดยเฉพาะหาก กนง.ไม่ลดดอกเบี้ยครั้งนี้ แต่หาก กนง.ปรับลดดอกเบี้ยส่งผลดีกับ กลุ่มเช่าซื้อ อสังหาฯ MTC กำไรโตใกล้ 12% และ SPRC ขาดทุน ถือว่าเป็นไปตามคาด ปรับเพิ่มคำแนะนำ SPRC เป็นซื้อ ยังต้องระวัง SVI คาดไม่มีเทนเดอร์ฯ รอบสองราคาสูง คาด SET ซื้อขายในกรอบ1590-1640 จุด แนวต้านเป็น 1630-1640 จุด แนวรับอยู่ที่ 1590-1580 จุด Stop Loss ต่ำกว่า 1610 จุด การเข้าเก็งกำไรไม่ควรหวังผลตอบแทนสูง หาจังหวะขายทำกำไร กลยุทธ์ คือ เลือกลงทุนทยอยสะสม เป็นรายกลุ่มและรายตัว (Selective) ตาม Theme เป้าหมายดัชนีปีนี้ 1680 จุด ปีหน้า 1725 จุด แนะนำเลือกซื้อ หุ้นได้ประโยชน์มาตรการรัฐ-CPALL,BJC,AMATA,WHA,CK,STEC ดอกเบี้ยขาลง-DIF,CRYSTAL,TPRIME,WHART,MTC,SAWAD ปันผลสูง- KKP,TISCO,AP,ORI หุ้นDEFENSIVE- ADVANC,BTS,BEM ได้ประโยชน์ IMO 2020- TOP ตัวเลขนักท่องเที่ยวจีนฟื้นตัว รัฐกระตุ้นท่องเที่ยว- AOT,ERW,MINT กลุ่มการแพทย์ 3Q ฤดูกาลดีที่สุดในรอบปี อากาศผันผวนสูง - CHG,RJH,RPH
# Stock Pick Today : CPN คงคำแนะนำ ซื้อ ราคาพื้นฐาน 71.00 บาท ด้วยวิธี DCF คาดว่าราคาหุ้น YTD ที่ Underperform ไปบ้าง เพราะอาจมีความกังวลเรืองการลงทุนในหลายโครงการ เช่น GLAND, DTC, Bayswater และ Grab Thailand แต่ยังไม่มีผลตอบแทนกลับมาในระยะเวลาอันใกล้ แต่เราก็คาดว่าจะส่งผลดีในระยะยาว เราได้มีสมมุติฐานภาระการลงทุนไปแล้ว คาดว่าอัตราเติบโคกำไรหลักปีนี้และปีหน้าเป็น +2%/8% เทียบ y-o-y แต่ยังไม่รวม Upside Risk จากการขายสินทรัพย์เข้า CPNREITในช่วง 1H63
การวิเคราะห์ทางเทคนิค: ระยะสั้น สัญญาณ Candlestick & Indicators เป็นบวกเล็กๆต่อ {“ปิดบวก”เหนือ“SMA10วัน”ต่อ (แต่ยังถูกกดดันจาก“โครงสร้างขาลง–ระยะกลาง”)} ชี้ความน่าจะเป็นของตลาดฯวันนี้“แกว่ง”แบบให้น้ำหนักกับการลง แต่“ค่าบวก”(มี“SMA10”หนุน) จะทำให้มีรีบาวด์ฯสั้นๆก่อน(แล้วจึงลงต่ำ,ตามมา)ได้ แนวต้าน1630 (หรือ 1640) จุด {แนวตัดขาดทุน “ต่ำ กว่า 1610” (แนวรับย่อย “1590 – 1580 / 1550” จุด)} หุ้นที่มีสัญญาณทางเทคนิคทำ New High เข้ามาใหม่คือDTAC,KTB,PLANB ที่ยังอยู่ใน List คือ DIF,CHG,BCH,PTT,BBL,TOA,OSP หุ้นหลุด List คือ ไม่มี หุ้นอยู่ในพื้นที่ Take Profit คือ JMT,SISB,TQM,PRM
Thailand Research Team : reseach-th.dbs.com
Inside Story
Key Drivers TODAY : ปัจจัยต่างประเทศ / ปัจจัยในประเทศ
Monthly REIT Update : สรุปภาพรวมกลุ่ม Property Fund/REIT
Company Guide : ASIAN (Fully Valued -ราคาพื้นฐาน 4.70)
PSH (ถือ -ราคาพื้นฐาน 17.00)
SPRC (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 9.80)
Flash Note : GPSC (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 103.00)
MTC (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 78.00)
TU (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 20.80)
In The News : DIF (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 19.40)
BTS (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 13.72)
Key Drivers TODAY
ปัจจัยต่างประเทศ
+ เจรจาการค้า: จีนกำลังร้องขอให้สหรัฐลดภาษีวงเงิน 1.25 แสนล้านดอลลาร์ สหรัฐกำลังพิจารณา
# มีสัญญาณบ่งชี้ถึงความคืบหน้าในการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีน โดยสำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานว่า จีนต้องการให้สหรัฐยกเลิกคำสั่งการเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนอีก 15% วงเงิน 1.25 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งคำสั่งดังกล่าวมีผลบังคับใช้ไปเมื่อวันที่ 1 ก.ย.ที่ผ่านมา
# ขณะที่วอลล์สตรีท เจอร์นัล และไฟแนนเชียล ไทม์ส รายงานว่า เจ้าหน้าที่สหรัฐและจีนกำลังพิจารณาประเด็นการยกเลิกภาษีนำเข้าบางส่วน เพื่อผลักดันให้มีการลงนามในข้อตกลงการค้าเฟสแรกระหว่างสองฝ่าย
+ สหรัฐ: ดัชนีภาคบริการของสหรัฐ ต.ค.ปรับเพิ่มขึ้นดี
# ตลาดยังได้รับปัจจัยหนุนจากผลสำรวจของสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) ซึ่งระบุว่า ดัชนีภาคบริการของสหรัฐดีดตัวแตะระดับ 54.7 ในเดือนต.ค. จากระดับ 52.6 ในเดือนก.ย. โดยดัชนีภาคบริการขยายตัวเป็นเดือนที่ 117เพราะได้แรงหนุนจากการเพิ่มขึ้นของยอดขาย คำสั่งซื้อใหม่ และการจ้างงาน
+/- สหรัฐ: ขาดดุลการค้า ก.ย.ลดลง แต่ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นสุดท้ายของสหรัฐ ต.ค.ต่ำ
# กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขขาดดุลการค้าของสหรัฐลดลงสู่ระดับ 5.25 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนก.ย. แต่สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 5.22 หมื่นล้านดอลลาร์
# ทางด้านไอเอชเอส มาร์กิต ซึ่งเป็นบริษัทให้บริการข้อมูลทางการเงิน เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นสุดท้ายของสหรัฐ ปรับตัวลงสู่ระดับ 50.6 ในเดือนต.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.พ.2559 จากระดับ50.9 ในเดือนก.ย.
+ ดัชนีหุ้นสหรัฐ: ปรับขึ้น ตอบรับเจรจาการค้าคืบหน้า Nasdaq ทำ New High
# ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 27,492.63 จุด เพิ่มขึ้น 30.53 จุด หรือ +0.11% ขณะที่ดัชนี Nasdaq ปิดที่8,434.68 จุด เพิ่มขึ้น 1.48 จุด หรือ +0.02% ส่วนดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,074.62 จุด ลดลง 3.65 จุด หรือ -0.12%
# ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (5 พ.ย.) โดยดาวโจนส์ และ Nasdaq ปิดทำนิวไฮอีกครั้ง ขานรับความคืบหน้าในการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีน หลังจากสื่อต่างประเทศหลายแห่งรายงานว่า จีนกำลังเรียกร้องให้สหรัฐยกเลิกภาษีนำเข้าสินค้าบางส่วน เพื่อปูทางไปสู่การลงนามข้อตกลงการค้าเฟสแรก นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยหนุนจากดัชนีภาคบริการของสหรัฐที่ขยายตัวได้ดีเกินคาดในเดือนต.ค.
+ น้ำมัน: WTI ปรับขึ้น ตามการเจรจาการค้าคืบหน้า และติดตามตัวเลขสต็อก
# สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 69 เซนต์ หรือ 1.2% ปิดที่ 57.23 ดอลลาร์/บาร์เรล
# สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนม.ค. เพิ่มขึ้น 83 เซนต์ หรือ 1.3% ปิดที่ 62.96 ดอลลาร์/บาร์เรล
# สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (5 พ.ย.) โดยได้ปัจจัยหนุนจากความหวังที่ว่าสหรัฐและจีนจะลงนามในข้อตกลงการค้าในไม่ช้า ขณะที่นักลงทุนจับตารายงานสต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ของสหรัฐซึ่งมีกำหนดเปิดเผยในวันนี้
+ ทองคำ: ปรับลงแรง เจรจาการค้าดีขึ้น ตัวเลขเศรษฐกิจดี ดอลลาร์แข็ง
# สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. ร่วงลง 27.4 ดอลลาร์ หรือ 1.81% ปิดที่1,483.7 ดอลลาร์/ออนซ์ ซึ่งเป็นระดับปิดต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 15 ต.ค.ปีนี้ และเป็นการร่วงลงในวันเดียวที่หนักสุดนับตั้งแต่วันที่ 30 ก.ย.ปีนี้
# สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 3 สัปดาห์เมื่อคืนนี้ (5 พ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายสินทรัพย์ปลอดภัย หลังจากการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนส่งสัญญาณคืบหน้า รวมทั้งรายงานที่บ่งชี้ถึงความแข็งแกร่งในภาคบริการของสหรัฐ นอกจากนี้ การแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ยังส่งผลให้สัญญาทองคำซึ่งซื้อขายในรูปสกุลเงินดอลลาร์นั้น มีความน่าดึงดูดน้อยลงสำหรับนักลงทุนที่ถือครองสกุลเงินอื่น
• ตัวเลขเศรษฐกิจที่จะประกาศต่อไปและควรติดตาม
# ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ความเชื่อมั่นผู้บริโภคขั้นต้นเดือนพ.ย.จากมหาวิทยาลยมิชิแกน และสต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเดือนก.ย.
ปัจจัยในประเทศและข่าวหลักทรัพย์
- IMF: ประเทศไทยยังเผชิญกับกับท้าทายจากปัจจัยด้านต่างประเทศและในประเทศ
# กรรมการผู้จัดการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) เปิดเผยภายหลังการประชุมร่วมกับธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) ในงาน "Joint BOT-IMF High level Conference" ว่า ประเทศไทยนั้น ยังเผชิญกับกับท้าทายจากปัจจัยด้านต่างประเทศและในประเทศ โดยปัจจัยด้านต่างประเทศนั้น ความขัดแย้งทางการค้าระหว่างประเทศที่เป็นผู้นำด้านเศรษฐกิจ ถือเป็นปัจจัยที่ฉุดรั้งต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจ ขณะเดียวกันอัตราดอกเบี้ยในประเทศที่พัฒนาแล้ว ซึ่งอยู่ในระดับต่ำเป็นเวลานาน เป็นตัวเร่งให้เกิดเงินทุนเคลื่อนย้ายระหว่างประเทศ และส่งผลต่อการแข็งค่าของเงินสกุลต่างๆอย่างรวดเร็ว ซึ่งล้วนก่อให้เกิดเป็นข้อจำกัดต่อขีดความสามารถในการดำเนินนโยบายการเงิน
-ส่งออกไทย: สรท.คงคาดการณ์การส่งออกไทยในปี 2562 หดตัว -1.5% ปีหน้าโต 0-1%
# ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) คงคาดการณ์การส่งออกไทยในปี 2562 หดตัว -1.5% และคาดการณ์การส่งออกปี 63 เติบโต 0-1%
-SVI: ผู้บริหารขายหุ้นออกมา ที่ราคาเท่ากับราคาเทนเดอร์ ออฟเฟอร์
# มีข้อมูลแบบรายงานการเปลี่ยนแปลงการถือหลักทรัพย์ของผู้บริหาร พบว่าเมื่อ 31 ต.ค.62 นายตรีขวัญ บุญนาค ขายหุ้นออกมา 4.55 ล้านหุ้น ที่ราคาเท่ากับเทนเดอร์ ออฟเฟอร์ 4.85 บาท (Aspen)
# ผลกระทบ: เป็นจิตวิทยาทางลบ ล่าสุดทางคุณพงษ์ศักดิ์ โล่ห์ทองคำทำเทนเดอร์ ออฟเฟอร์ สำเร็จ ราคาหุ้นยังยืนอยู่ที่ระดับสูงคือ 4.90 บาท อาจเป็นเพราะนักลงทุนคาดว่าอาจจะมีข่าวดีของบริษัทตามมา คุณพงษ์ศักดิ์ จึงซื้อหุ้นที่สูงกว่าราคาในตลาดฯ แต่เราเห็นว่ามีความเสี่ยง เพราะ 12 เดือนข้างหน้าจากนี้จะไม่มีการนำ SVI ออกจากตลาดหลักทรัพย์(delisting) จึงยังไม่มีโอกาสที่จะทำเทนเดอร์ ออฟเฟอร์ รอบสุดท้ายที่ราคาสูงอีก ขณะที่แนวโน้มกำไร 3Q62 ยังจะไม่สดใส ตามอุปสงค์ยุโรปที่ซบเซา เท่าที่เคยสอบถามบริษัท พบว่าคุณพงษ์ศักดิ์ ซื้อลงทุนระยะยาว และเห็นว่าราคาหุ้นปรับลงมามาก พอๆกับตอนเกิดเหตุน้ำท่วมปี 54
# คงคำแนะนำในเชิงลบคือ ขาย ที่ราคาพื้นฐาน 3.80 บาท
นักวิเคราะห์&กลยุทธ์ : สมบัติ เอกวรรณพัฒนา : [email protected]