- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 04 November 2019 19:37
- Hits: 1587
บล.บัวหลวง : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
รอบด้านตลาดหุ้น
ภาพตลาดและแนวโน้ม
Market wrap & Outlook
เมื่อวานศุกร์ดัชนีกลับมาลงยืนที่เดิม : ดัชนีเมื่อวานศุกร์ที่ 1 พย. ปิด 1592.5 ใกล้กับศุกร์ 25 ตค. 1593 จุด แต่ ชุดหุ้นที่ ขึ้น-ลง แตกต่างกันกับศุกร์ที่แล้วโดยสิ้นเชิง หุ้น Domestic-Defensive อย่างโรงไฟฟ้า สื่อสาร-มือถือ ค้าปลีก กลายเป็นหุ้นลงแรงในสัปดาห์ที่ผ่านมา วันศุกร์ นำลงโดย JAS INTUCH ADVANC CPN CPALL CPF หุ้นบวกแรงกลับเป็นหุ้นที่ลงแรงมาก่อนหน้านี้ เช่น BANPU
วันนี้ คาดดัชนีฯ รีบาวด์ในกรอบขาลง (ต่อ) : 1590-1600 จุด รอบนี้ คาดดัชนีฯ ยังคงรีบาวด์ ในกรอบ Down trend channel 1610-1570 จุด กลยุทธ์ คงแนะกระชับพอร์ตหุ้น ถือเงินสด เพื่อรอรับล่าง โซน 1560/1550 จุด แต่กรณีผิดคาด (ไม่ลงมาโซน 1560/1550) การซื้อเพิ่มเพื่อเล่นรอบ จะแนะนำต่อเมื่อทะลุผ่าน 1610 จุด
What to watch
(+) นายแลร์รี่ คุดโลว์ หัวหน้าที่ปรึกษาฝ่ายเศรษฐกิจประจำทำเนียบขาว และนายวิลเบอร์ รอสส์ รมว.พาณิชย์สหรัฐ ระบุว่า การเจรจาการค้ากับจีนกำลังมีความคืบหน้า และสหรัฐหวังที่จะลงนามในข้อตกลงการค้าเฟสแรกในเดือนพ.ย.นี้
และ ปธน.ทรัมปกล่าวเมื่อเย็นวันศุกร์ว่า การเจรจาเกี่ยวกับข้อตกลงการค้าเฟสแรกกำลังดำเนินไปด้วยดี และเขาหวังที่จะลงนามข้อตกลงดังกล่าวกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีนในสหรัฐเมื่อการทำข้อตกลงเสร็จสมบูรณ์
(+/-) การประชุม กนง. 6 พย.คาด ลดดอกเบี้ยลง 0.25% เหลือ 1.25% ซึ่งการลดดอกเบี้ยลง (0/-) MSCI Review 8 พย. ทบทวนรอบ Semi-annual ประกาศวันที่ 7 พย. (รู้ 8 พย.) โดยรอบนี้จะมีการปรับเพิ่มน้ำหนัก จีน ขึ้นเป็นครั้ง 3 ตามผลการปรับน้ำหนักที่ประกาศไว้ในปีนี้ (คาดมีผล นน.หุ้นไทยถูกเบียดลงเล็กน้อย)
(+) การประชุมธนาคารกลางอังกฤษ คาดคง QE และดอกเบี้ย -0.8%, ธนาคารกลางออสเตรเลีย และ มาเลเซีย คาดเริ่มคงดอกเบี้ย แต่ กนง.ไทยคาด ลดดอกเบี้ย 0.25% เหลือ 1.25%
(+) ตัวเลขเศรษฐกิจโลกในสัปดาห์นี้คาดว่า จะเห็นสัญญาณที่ดีขึ้นเทียบกับตัวเลขเดือนก่อน เช่น US ISM ภาคบริการ, EU PMI หยุดไหลลงต่อ
หุ้นแนะนำวันนี้
BGRIM แนวรับ 47.5 ต้าน 50 Stop loss 45
THANI แนวรับ 6 ต้าน 6.5/6.8 Stop loss 5.9
Weekly port
ถอด AOT ADVANC เพิ่ม JMT
วิกิจ ถิรวรรณรัตน์ Tel. (662) 618-1336
นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน/ปัจจัยทางเทคนิค
ธนัท พจน์เกษมสิน,นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน
นภนต์ ใจแสน, นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน
รายงานวันนี้
AOT Valuation ตึงเกินไป
เราคาดกำไร 4Q19 (Jul-Sep 2019) ที่ 5.8 พันล้านบาท (เพิ่ม 13%YoY แต่ลดลง 4%QoQ) ซึ่งไตรมาสนี้จะมีรายการค่าใช้จ่ายผลประโยชน์พนักงาน 730 ล้านบาท เราคาดตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติออกมาที่ 10 ล้านคน ใน 4Q19 (เพิ่ม 7.5%YoY และ 4.3%QoQ) มองไปข้างหน้าตัวเลขนักท่องเที่ยวคาดจะเพิ่มขึ้นอีกในช่วง Oct-Dec 2019 และ Jan-Mar 2020 หนุนการเติบโตในช่วง high season
มุมมองกลยุทธ์ Action (ระยะสั้น 5-10 วันทำการ): แนะนำ ขายทำกำไร สำหรับคนที่ซื้อตามคำแนะนำกลยุทธ์ และถือมาตลอด 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ส่วนใครที่ไม่มีสามารถใช้จังหวะ นี้ Short หุ้นได้ เพราะเราคาดว่า ทุกข่าวดีรับรู้ไปในราคาหุ้นหมดแล้ว ทั้งเรื่อง กำไร 4Q19 แจ่ม, ดิวตี้ฟรี ดอนเมือง ตัวเลข นทท.ดี ฯลฯ มองจุดรับรอบใหม่ (Cover short) แถว 74 บ.
Fundamental: พื้นฐานคงคำแนะนำ ซื้อ โดยมอง ไปที่กำไร ที่เติบโตได้ต่อเนื่องในระยะยาว โดยเฉพาะในปี 2021 ซึ่งจะมีรายได้จากสัมปทานดิวตี้ฟรีใหม่ ราคาเป้าหมาย 82 บาท
TCAP เล่นตามเงินปันผลพิเศษ
เราคาดว่า TCAP จะได้รับเงินสดราว 8.5 หมื่นล้านบาทจากการขายสัดส่วนการถือหุ้น 51% ของ TBANK ให้ TMB โดยเงินสดประมาณ 4.5 หมื่นล้านบาทจะถูกนำไปซื้อหุ้น 20% หลังจากการควบรวมของ TMB, 1.5 หมื่นล้านบาทจะถูกนำไปเพิ่มสัดส่วนในบริษัทย่อยและบริษัทร่วม เช่น ราชธานีลีสซิ่ง (ปัจจุบันถือ 33%), บริษัทหลักทรัพย์ธนชาติ (ปัจจุบันถือ 51%), ประกันธนชาติ (ปัจจุบันถือ 51%), และ TS AMC (ปัจจุบันถือ 51%), 1.2 หมื่นล้านบาทจะถุกนำไปซื้อสัดส่วนการถือหุ้นในบริษัทข้างต้นที่ถือโดย Bank of Nova Scotia หลังจากการถือหุ้นในบริษัทดังกล่าวทั้งหมด TCAP จะยังคงเหลือเงินสดราว 1.3 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะถูกจัดสรร 5 พันล้านบาทสำหรับการซื้อหุ้นคืน และที่เหลือสำหรับการจ่ายเงินปันผลพิเศษ
มุมมองกลยุทธ์ Action (ระยะสั้น 5-10 วันทำการ): แนะนำ ซื้อหุ้นอื่น ในเครือ TCAP ดีกว่าหุ้นแม่ เรามองในมุมของโอกาส ที่ TCAP จะซื้อหุ้น บ.ย่อยกลับ หลังจากได้เงินมาจากการขาย ธนชาติแบงก์ ซึ่งเงินที่กันไว้กว่า 1.5 หมื่นลบ. นอกเหนือจากซื้อคืน บ.ย่อย ในส่วนที่ติดไปกับ TBANK เราเชื่อว่ามีโอกาสจะซื้อหุ้น บ.ย่อย เพิ่ม เช่น MBK THANI เป็นต้น
Fundamental: เราคงคำแนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย 65 บาท ตามเงินปันผลพิเศษ ราว 4 บาท/หุ้น (คาดจะจ่ายใน มี.ค. 2020) และการซื้อหุ้นคืน
หุ้นมีข่าว
BTS
*/+ ครม.เศรษฐกิจ 'อนุมัติ' ต่อสัมปทานบีทีเอส 30 ปี เคาะค่าโดยสาร ตลอดสาย 65 บาท
ครม.เศรษฐกิจเห็นชอบ ต่ออายุสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียว 30 ปี จ่อเสนอ ครม.เห็นชอบ หวังประชาชนเดินทางโครงข่ายเดียวกัน แย้มค่าโดยสารถูกประชาชนเข้าถึงได้ รอผล "อีไอเอ" สถานีตากสิน (ที่มา กรุงเทพธุรกิจ)
GULF & BGRIM
+ GULF & BGRIM เซ็นบันทึกความร่วมมือเพื่อพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าก๊าซฯ ร่วมกับสถานีรับ-จ่าย LNG ในเวียดนาม (ที่มา อินโฟเควสท์)
JAS
+ JAS โต้ทุกข่าวไม่เป็นความจริง ยังดำเนินธุรกิจตามปกติเน้นขยายการให้บริการบรอดแบรนด์อินเทอร์เนตความเร็วสูง ระบุ JASIF เปิดจองซื้อตามกำหนด 7-13 พ.ย.นี้ ชี้เหมาะเป็นตัวเลือกในการลงทุนที่ดีมากในภาวะดอกเบี้ยระดับต่ำ พร้อมบอกไม่สนใจร่วมประมูลคลื่น 5G (ที่มา หุ้นอินไซด์)
ILM
+ ILM เดินเกมขยายตลาดต่างประเทศ รุกปักธงแฟรนไชส์ในเวียดนามรับเศรษฐกิจบูม ประเดิมเปิดสาขาแรก1 พ.ย. 62 ในเมืองโฮจิมินห์ซิตี้ ก่อนเตรียมเปิดสาขาที่ 2 ในเดือน ธ.ค.นี้ วางเป้า 6 สาขาในปี 63 หวังหนุนยอดขายโต (ที่มา ข่าวหุ้น)
LPN
+ LPN จัด 9 โครงการ เข้าร่วมมาตรการรัฐกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ ลดค่าธรรมเนียมการโอนกรรมสิทธิ์-ลดค่าจดจำนอง ประเภทที่อยู่อาศัยราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท คาดกระตุ้นตลาดส่งท้ายปี (ที่มา ข่าวหุ้น)
BTS
+ ครม.เศรษฐกิจเตรียมชงโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวของ BTS เข้าครม. วันที่ 6 พฤศจิกายนนี้ ลุ้นต่อ-ไม่ต่อ สัมปทาน ขณะที่อนุมัติมาตรการ MSME 2020 เพื่อสนับสนุน SME รายย่อย ด้านบีโอไอ เผย 9 เดือน มียอดขอรับการส่งเสริมการลงทุนรวม 1,165 โครงการ มูลค่าการลงทุนรวม 3.14 แสนล้านบาท ชี้การลงทุนพื้นที่ EEC พุ่ง 37% (ที่มา ทันหุ้น)
Trend Forecasting
SET Index ปิด 1,592.52 (-0.56%) มูลค่าการซื้อขาย 4.8 หมื่นล้านบาท
แนวโน้มระยะสั้นมอง
SET Index แนวรับ 1,585 แนวต้าน 1,596/ SET100 รับ 2,335 ต้าน 2,350 BSET100 รับ 10.16 ต้าน 10.25 / BMSCITH รับ 11.50 ต้าน 11.60
หัวข้อ: SET Index แนวต้านยังเหนียวอยู่ผ่านยากเหมือนเดิม....
กลยุทธ์เทคนิค:
ดัชนีลงแรง โดยเฉพาะหุ้น JAS ลงไปถึง 29% แต่ถ้าถามว่ามีผลมากน้อยกับตลาดแค่ไหน ดูจาก Market Heat Map ก็จะทราบว่ามีผลต่อดัชนีเพียงแค่ -1.87% เท่านั้น ส่วนหุ้นที่ลงและมีผลต่อตลาดมากที่สุด ก็คือ CPALL และ CPN นั่นเอง กลับมาดูโครงสร้างตลาดลงแบบนี้ทำให้แนวต้านบริเวณ 1600-1610 จุดยิ่งดูเหนียวมากขึ้น แนวรับเดิมปัจจุบันได้เปลี่ยนเป็นต้านเป็นที่เรียบร้อย นอกจากนี้ MACD<0 ยืนยันรูปแบบขาลงและแม่นมาตั้งแต่หลุด 1650 จุด สุดท้ายประมวลผลลัพธ์ Sectors ranking ประจำสัปดาห์ " แบงค์" มาตามนัด แต่มีกลุ่มที่ไม่ได้นัด มาแบบ Surprise สุดๆ จะเป็นกลุ่มไหน... ติดตามต่อมุมมองทางเทคนิคด้านล่างได้เลยครับ
มุมมองทางเทคนิค:
กลุ่มอุตสาหกรรมเด่นสัปดาห์ที่แล้วแบงค์มาตามคาด แต่กลุ่มม้ามืดแอบแซงขึ้นมาได้แก่ กลุ่มปิโตรเคมีและวัสดุก่อสร้าง นำโดย SCC, IVL, PTTGC แต่กลุ่มที่เปลี่ยนจากผู้นำกลับมาเป็นผู้ตามก็คือ กลุ่มสื่อสาร ADVANC และ INTUCH หุ้นไฟฟ้าเริ่มมีแรงซื้อ Cover short กลับบ้างหลังจากลงแรง สรุป:ตลาดสัปดาห์ที่แล้ว ลงไม่เยอะ ลักษณะ Sector rotation แค่เปลี่ยนจากขายกลุ่มนึงเข้าซื้ออีกกลุ่มแทนที่...
วิธีการเลือกหุ้น:
โครงสร้างตลาดเกิดความเสี่ยงเล่นขาลงแนะใช้เครื่องมือที่เหมาะสมกับภาวะตลาดในปัจจุบัน ได้แก่ EMA, Stochastic, MACD, Price pattern
*Short-term bull* Bank & Petrochemical sectors
โมเดลพอร์ตทางเทคนิค:
สรุปผลตอบแทนการลงทุน Year to date +8.05% สูงกว่าตลาดที่ +2.40%
*Addition(หุ้นเพิ่ม): KTC, PLANB, GUNKUL
*Deletion(หุ้นออก): MAJOR, TACC, JAS
หุ้นคงเหลือ: AOT, DTAC, TQM, BCH, BEM, BDMS, BBL, KKP
ธนรัตน์ อิศรกุลนักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์และปัจจัยทางเทคนิค
[email protected] +662-618-1334
Track with Technical: "Buy Signal"
KTC (KTC01C2004A)
แนวโน้ม Bull EMA
รับ 41.50
ต้าน 47.00
เหตุผล สัญญาณกลับตัวจากเส้นค่าเฉลี่ย Bull EMA คล้ายรูปแบบในอดีต
PLANB
แนวโน้ม โอกาสทะลุ High
รับ 8.75
ต้าน 9.00/9.50
เหตุผล ลุ้นทำจุดสูงสุดใหม่หรือทะลุกรอบสามเหลี่ยมบน ขณะที่ RSI หนุนโครงสร้างความแข็งแกร่ง
GUNKUL (GUNK01C1912A)
แนวโน้มทะลุ High
รับ 2.90
ต้าน 3.30
เหตุผล GUNKUL ดีดกลับบนแนวรับสำคัญ ขณะที่ MACD หนุนสัญญาณกลับตัวระยะสั้น