- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 04 November 2019 19:26
- Hits: 1115
บล.เคจีไอ : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
ทิศทางตลาดหุ้นวันนี้ (รักพงศ์ ไชยศุภรากุล เลขทะเบียนฯ: 19838)
ฟื้นตัว ปัจจัยต่างประเทศเป็นบวกต่อเนื่อง
KGI ประเมิน SET Index วันจันทร์รีบาวด์ ตามปัจจัยเศรษฐกิจโลกที่ดีขึ้นต่อเนื่อง ซึ่งน่าจะลดแรงกดดันต่อภาวะเศรษฐกิจไทยในปี 2563 ไปด้วย... ขณะที่เมื่อวันศุกร์ที่แล้ว ดัชนีฯ ลงค่อนข้างแรง (แย่กว่าคาด) หลังความกังวลต่อเศรษฐกิจไทยยังคงกดดันหุ้นเชื่อมโยงกำลังซื้อภายในประเทศ และในช่วงบ่ายราคาหุ้น JAS* ลงติดฟลอร์กระทบจิตวิทยาตลาดหุ้นในระดับหนึ่ง... สำหรับปัจจัยต่างประเทศดีขึ้นต่อเนื่อง ได้แก่ i) ตัวเลขจ้างงานสหรัฐฯ ต.ค. ดีกว่า consensus คาด และ รมว. พาณิชย์สหรัฐฯ ฟันธงแล้วว่าการเซ็นสัญญาการค้าเฟสแรกระหว่างสหรัฐฯ และจีนจะเกิดภายในเดือนนี้ (นัดพบกันในสหรัฐฯ) และสหรัฐฯ จะอนุญาตให้ บ. ของสหรัฐฯ ทำธุรกิจกับ บ.หัวเว่ยในเร็วๆ นี้ ii) ราคาน้ำมันดิบฟื้นตัวแรง รับข่าวเศรษฐกิจโลกที่ดีขึ้นมากและการเริ่มขั้นตอนการทำ IPO ของ บ. ซาอุดิอารามโค ของซาอุดิอาระเบีย... ซึ่งปัจจัยต่างประเทศดังกล่าวน่าจะหักล้างความกังวลต่อเศรษฐกิจและกำไร บจ. ไทยที่น่าจะไม่สดใสในไตรมาส 3/62 ซึ่งได้ส่งผลให้หุ้นไทยอ่อนแอกว่าหุ้นเอเชียมาหลายสัปดาห์แล้ว ขณะที่ปัจจัยภายในประเทศนั้น ไฮไลท์น่าจะอยู่ที่การประชุม กนง. วันที่ 6 พ.ย. ซึ่งนักเศรษฐศาสตร์ KGI ประเมินว่า กนง. จะคงดอกเบี้ยนโยบายที่ 1.50% เพราะ i) ต้องเก็บกระสุนไว้ลดดอกเบี้ยหากเกิดวิกฤตในอนาคต และ ii) แนวโน้มเศรษฐกิจปี 2563 เรามองว่าฟื้นตัวตามทิศทางการค้าโลกที่ดีขึ้นเป็นสำคัญ
หุ้นเด่นวันนี้ ตามปัจจัยพื้นฐาน (สุโชติ ถิรวรรณรัตน์ เลขทะเบียนฯ: 28668)
เก็งกำไร BGRIM*, GGC*
BGRIM* (เป้าพื้นฐาน 48 บาท ... มีโอกาสปรับขึ้น) 1) ประเมินแนวรับ 47.5 บาท และ 46.5 บาท / แนวต้าน 50 - 52 บาท (Stop loss 46 บาท) 2) ราคาเหมาะสมที่ฝ่ายวิจัยฯประเมิน 48 บาทยังไม่รวม Upside จากการเซ็น MOU กับ ปิโตรเวียดนาม พาวเวอร์ ในการนำเข้า LNG เพื่อผลิตไฟฟ้า และศึกษาสร้างโรงไฟฟ้า 3 พัน MW ซึ่งจะทำให้มีโอกาสในการปรับประมาณการฯขึ้น
GGC* (เป้า Consensus 13.07 บาท) 1) ประเมินแนวรับ 10.8 บาท และ 10.6 บาท / แนวต้าน 11.5 - 12.0 บาท (Stop loss 10.5 บาท) 2) 2) ประเมินรับอานิสงส์นโยบายรัฐฯกำหนดใช้น้ำมันไบโอดีเซล บี10 เป็นน้ำมันมาตรฐาน ม.ค. 2563 คาดส่งผลบวกต่อดีมานด์ไบโอดีเซล (ปัจจุบัน บี7) 3) คาดดีมานด์ที่จะเพิ่มขึ้นปีหน้า พร้อมกับกำลังการผลิตโรงงานใหม่ที่จะเพิ่มขึ้นเท่าตัว (กำลังการผลิตใหม่ 4 แสนตันต่อปีเสร็จปลายปีนี้ / กำลังการผลิตเดิม 3 แสนตัน/ต่อปี) 4) Consensus คาด PE ปีหน้า 11.2 เท่า ลดลงจากปีนี้ที่ 27.5 เท่า (Consensus คาดกำไรโต)
หุ้นเชิงปริมาณ & พื้นฐาน "Quantamental"
ประเมินตลาดยัง Sideway แต่ เริ่มทยอยสะสมได้แล้ว Valuation ของ SET index ปัจจุบัน (อิงปัจจัยพื้นฐานปี 2562) แทบไม่เปลี่ยนแปลงจากเดือนก่อนหน้าทั้งในมุม PE, Earnings yield gap, SHiller's PE เป็นต้น แม้ว่า SET index จะปรับตัวลงมาราว -2.2% ในเดือน ต.ค. ก็ตาม แต่ Consensus กลับมาการปรับลดประมาณการ EPS ลง (ปรับลงมากกว่า จากเดิมคาดว่าการปรับลงใกล้จบแล้ว) อย่างไรก็ดีเราประเมินการปรับลงของ SET index น่าจะใกล้จบเพราะเหลือเวลาอีกเพียง 2 เดือนสุดท้ายของปีและหากพิจารณาปีหน้า กำไรของ SET index คาดจะเพิ่มขึ้น +10.7% ซึ่งจะทำให้ PE, Earnings yield gap กลับมาน่าสนใจซื้ออีกครั้ง หุ้นเด่นเลือก GGC* (Stop loss 10 บาท), TPCH (Stop loss 11.8 บาท)
กลยุทธ์ Pair trade: แนะนำเปิด Long SCB* / Short KTB*
หุ้นมีข่าว
(+GULF*,BGRIM*) สองบริษัทยักษ์ใหญ่ไฟฟ้าไทย คว้าสัญญาโรงไฟฟ้าเวียดนาม เกือบ 10,000 เมกะวัตต์ พร้อมคลังแอลเอ็นจี GULF จ้วงไป 6,000 เมกะวัตต์ "รัฐพล" ลั่นเม็ดเงินลงทุน 6,000 ล้านเหรียญสหรัฐ แบ่ง 4 เฟส ตั้งเป้าเฟสแรก COD ปี 2568 ส่วน BGRIM ฟาด 3,000 เมกะวัตต์ "ปรียนาถ" ย้ำเสนอบอร์ดต้นปีหน้า มั่นใจได้ข้อสรุปทั้งเม็ดเงิน-สัดส่วนลงทุนไตรมาส 1/63 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อวันที่ 2 พ.ย. 2562 ที่ผ่านมานายเหงียน ซวน ฟุก นายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม เดินทางเยือนประเทศไทย เพื่อร่วมเป็นสักขีพยานการลงนามบันทึกความร่วมมือเพื่อพัฒนาโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ พร้อมสถานีรับ-จ่ายก๊าซธรรมชาติเหลว กับ 2 บริษัทไฟฟ้ายักษ์ใหญ่ของไทย กำลังการผลิตรวม 9,000 เมกะวัตต์ ความเห็น : เรามีมุมมองเชิงบวกต่อข่าวดังกล่าวสำหรับ GULF,BGRIM โดยเราได้รวมโครงการ Ca LNG Complex (6,000MW ไว้ในราคาเป้าหมายของเราแล้ว โดยใช้สมมติฐาน i) เงินลงทุน 7,800 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ ii) E-IRR 12-15% iii) สัดส่วนการถือหุ้น 30% การลงนามMOU กับคณะกรรมการประชาชนจังหวัดนิ่งห์ถ่วน นับเป็นก้าวสำคัญซึ่งจะทำให้โครงการดังกล่าวสามารถเสนอต่อรัฐบาลเพื่อกำหนดเป็นแผน PDP Vietnam ฉบับใหม่ โดยหากคิด success factor 100% บนสัดส่วนการถือหุ้น 30% จะทำให้มีอัพไซด์เพิ่มขึ้นอีก 17.5 บาท/หุ้น (จากเดิม17.5บาท/หุ้น) และ ทุกๆการถือหุ้นเพิ่มขึ้น 10% จากสมมติฐานเดิมที่ 30% จะทำให้มีอัพไซด์เพิ่มขึ้น 12บาท/หุ้น สำหรับ BGRIM, การลงนามความร่วมมือระหว่าง BGRIM กับ ปิโตรเวียดนาม เนื่องจากปิโตรเวียดนาม เห็นถึงศักยภาพด้านการบริหารจัดการโรงไฟฟ้าของบริษัท รวมทั้งความสามารถการจัดหาแอลเอ็นจี ปิโคตรเวียดนามมีโรงไฟฟ้าก๊าซที่จ่ายไฟแล้วอยู่ 1,500MW และมีแผนจะขยายกำลังการผลิตอีก 1,500MW สำหรับสัดส่วนการเข้าถือหุ้นร่วมกับปิโตรเวียดนามทั้งในส่วนโรงไฟฟ้าและธุรกิจแอลเอ็นจี อยู่ระหว่างการศึกษา คาดว่าจะเสนอเข้าที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท(บอร์ด) ได้ช่วงต้นปี 2563 และคาดว่าจะได้ข้อสรุปแผนร่วมทุนดังกล่าว รวมทั้งเงินลงทุนทั้งหมดภายในไตรมาส 1/2563 โดยจากการประเมินเบื้องต้น i)สัดส่วนการถือหุ้น 30% สำหรับเฟสแรกที่จ่ายไฟแล้ว(1,500MW) ii) มูลค่าการลงทุน 1.1-1.2ล้านเหรียญสหรัฐ/MW iii) E-IRR 12% ได้อัพไซด์ประมาณ 5บาท/หุ้น จากราคาเป้าหมายปัจจุบันที่ 48 บาท
(+) กระทรวงมหาดไทยประกาศราชกิจจานุเบกษา ลดค่าธรรมเนียมการโอนและจดจำนอง เริ่มวันที่ 2 พ.ย. 2562 ต่อเนื่องถึง 24 ธันวาคม 2563. หลังจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบมาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ ด้วยการลดค่าธรรมเนียมจดทะเบียนการโอนจากเดิม 2% เหลือ 0.01% และลดค่าจดทะเบียนจดจำนองอสังหาริมทรัพย์จากเดิม 1% เหลือ 0.01% สำหรับการซื้อขายที่อยู่อาศัยที่ดินพร้อมอาคารหรือห้องชุด ราคาไม่เกิน 3 ล้านบาทต่อหน่วย ขณะนี้ ประกาศกระทรวงมหาดไทยในราชกิจจานุเบกษามีผลบังคับใช้แล้ว เริ่มตั้งแต่ 2 พฤศจิกายน 2562 ต่อเนื่องถึงวันที่ 24 ธันวาคม 2563 (โพสต์ทูเดย์) เราคาดประเด็นดังกล่าวจะปลดล็อคความกังวลก่อนหน้านี้จากความไม่ชัดเจนของระยะเวลาที่มาตรการมีผลบังคับใช้ อย่างไรก็ตามเรายังคงคาดว่าผลกระทบเชิงบวกมีแนวโน้มจำกัดเนื่องจากเหตุผล 2 ประการ ประการแรกคือ อุปสงค์ของผู้ซื้อรายใหม่ยังคงถูกกดันจากความเข้มงวดของธนาคารในการปล่อยสินเชื่อและดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคยังคงทรงตัวในระดับต่ำสะท้อนแนวโน้มการจับจ่ายใช้สอยที่ชะลอตัว ประการที่สอง ระยะเวลาที่มาตรการมีผลบังคับใช้สูงถึง 14 เดือน ซึ่งอาจส่งผลให้ไม่เกิดการเร่งการตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัยในระยะสั้น นอกจากนี้เราพบว่ามาตรการการลดค่าธรรมเนียมในอดีต 2 ครั้งที่ผ่านมา (ปี 2551 และปี 2558) ไม่ได้ส่งผลให้ราคาหุ้นของกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ปรับตัวเพิ่มขึ้นในระยะสั้น 1 เดือน อย่างไรก็ตามเราคาด LPN, SPALI, และ PSH มีแนวโน้มได้รับประโยชน์มากที่สุด เนื่องจากมีที่อยู่อาศัยเหลือขายราคาต่ำกว่า 3 ล้านบาท คิดเป็น >80%, 53%, และ >50% ของสต็อกที่อยู่อาศัยทั้งหมด ตามลำดับ
(+) 'ไอโฟน 11' ขาด สาวกแห่เปลี่ยน (ฐานเศรษฐกิจ) อานิสงส์แอนดรอยด์โฟนหนุน สาวกแห่เปลี่ยนเครื่องใหม่ "ไอโฟน 11" ขาดตลาดหนัก รุ่น 128 GB สีเขียว เหลือง ม่วง สุดฮิต อยากได้ต้องรอเป็นอาทิตย์ เชนสโตร์ใหญ่ JMART - COM7* ชี้เหตุจากราคาถูกลง 4,000 บาท บวกโปรโมชันโอเปอเรเตอร์จูงใจ
(+) ฟู้ดดีลิเวอรี่ 3.5 หมื่นล.ร้อนฉ่า ร้านอาหารดังเปิดศึกชิงลูกค้า (ประชาชาติธุรกิจ) ร้านอาหารรายใหญ่จัดสู้ศึก "ฟู้ดดีลิเวอรี่" ทุ่มสร้างแพลตฟอร์มเสริมทัพ หวังชิงตลาด 3.5 หมื่นล้าน "โออิชิ" ลงทุนตั้งบริษัทใหม่ ลุยเต็มสูบ ส่วน "เซ็น" ปิ๊งไอเดีย ทำครัวกลางรองรับออร์เดอร์ออนไลน์ ส่วนเครือ "ซีอาร์จี" ผนึกเครือเซ็นทรัล-พันธมิตรเพิ่มฐานลูกค้า "ไมเนอร์" ลั่นปีนี้โตเบาะๆ 50%
(+) MONO-GRAMMY ลุยปั้นคอนเทนต์ (ฐานเศรษฐกิจ) โมโนจูงมือแกรมมี่ ผลิตคอนเทนต์ร่วมป้อนช่อง MONO29 และ MONOMAX พร้อมนำซีรีส์และเพลงคาราโอเกะใส่แพลตฟอร์ม 3BB TV ตั้งเป้ามีผู้ใช้งานบริการนี้ 1.5 ล้านรายใน 1 ปี
หุ้นที่แนะนำก่อนหน้า
ZEN (เป้าพื้นฐาน 19 บาท) ประเมินแนวรับ 13.8 บาท / แนวต้าน 14.3 - 15.3 บาท (Stop loss 13.7 บาท)
EPCO (เป้าพื้นฐาน 5.3 บาท) ประเมินแนวรับ 3.64 บาท / แนวต้าน 3.8 บาท ถัดไป 4.1 - 4.2 บาท (Stop loss 3.64 บาท)
TRUE* (เป้าพื้นฐาน 6.15 บาท) ประเมินแนวรับ 4.9 บาท / แนวต้าน 5.15 บาท หากผ่านได้ประเมินทดสอบแนวต้านถัดไป 5.4 บาท (Stop loss 4.88 บาท)
SCCC (เป้าพื้นฐาน 274 บาท) ประเมินแนวรับ 212 บาท / แนวต้าน 218 - 227 บาท (Trailing stop 210 บาท)
AOT* (เป้า Consensus 79 บาท) ประเมินแนวรับ 77.5 บาท / แนวต้าน 79 บาท หากผ่านได้ แนะนำ "Let profit run" (Trailing stop 77 บาท)
TCAP* (เป้าพื้นฐาน 61 บาท) ประเมินแนวรับ 52.5 บาท / แนวต้าน 54.5 บาท (Stop loss 52.5 บาท)
Report ตามปัจจัยพื้นฐานวันนี้
PTT* แนะนำ "ถือ" เป้าพื้นฐาน 50 บาท ฝ่ายวิจัยฯประเมินกำไร 3Q62 = 2.07 หมื่นล้านบาท (-32% YoY, -20% QoQ) ผลจากธุรกิจปิโตรเคมีและโรงกลั่นที่อ่อนแอ ... ดูบทวิเคราะห์ บ.ลูกอื่นๆในกลุ่มฯที่ฝ่ายวิจัยฯเคยออกบทวิเคราะห์เพิ่มเติม อย่างไรก็ดียังคงแนะนำ "ถือ" เพื่อรอ Catalystจากการ IPO บ.ลูก PTTOR
INTUCH* แนะนำ "ซื้อ" เป้าพื้นฐาน 80.5 บาท รายงานกำไร 3Q62 = 3.3 พันล้านบาท (+14% QoQ, +24% YoY) ต่ำคาดเล็กน้อย -5% และต่ำกว่า Consensus คาดเล็กน้อย
กลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม น้ำหนักลงทุน "เท่ากับตลาดฯ" ฝ่ายวิจัยฯประเมิน CBG*, OSP* และ SAPPE จะรายงานผลการดำเนินงานเติบโต YoY ขณะที่ M และ ZEN คาดจะได้ผลกระทบจากอัตราการเติบโตของยอดขายสาขาเดิมที่ชะลอตัว ส่วน TKN* คาดผลการดำเนินงานถูกกดดันจากค่าใช้จ่ายการตลาดและการส่งออกไปจีน ... อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมในบทวิเคราะห์
LPH* แนะนำ "ถือ" เป้าพื้นฐาน 6.8 บาท ฝ่ายวิจัยฯประเมินกำไร 3Q62 = 28 ล้านบาท (-43.4% YoY, +58.1% QoQ)
อดิศักดิ์ คำมูล
66.2658.8888 ต่อ 8843