- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 04 November 2019 19:23
- Hits: 971
บล.เออีซี : Daily Focus
AECS Daily Focus
--------------------
Market Outlook
• วันนี้คาดดัชนี SET รีบาวด์ โดยจำกัดตัวที่ระดับแนวต้าน 1,600 และ 1,610 จุดตามลำดับ หลังตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ออกมาดีกว่าคาด พร้อมกับ Sentiment บวกจากความคืบหน้าการเจรจาการค้าสหรัฐฯ-จีนที่ใกล้บรรลุข้อตกลง อย่างไรก็ดีแนะนำติดตามการทยอยประกาศผลประกอบการบริษัทฯ จดทะเบียนไทยช่วงสัปดาห์นี้-สัปดาห์หน้า หลัง Consensus ปรับลดคาดการณ์กำไรทั้งปีลง
• Market Factor
• (+) ความคืบหน้าการเจรจาการค้าสหรัฐฯ-จีน หลังสหรัฐฯเตรียมสถานที่ที่จะลงนามข้อตกลงการค้าขั้นที่ 1 ภายในเดือนนี้ซึ่งอาจจะเป็นรัฐไอโอวา อลาสก้า ฮาวาย หรือในประเทศจีน โดยต้องรอการยืนยันจากจีนว่าจะมีการลงนามการค้าที่ใด
• (+) ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ออกมาสดใส หลังสหรัฐฯ ประกาศตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตรเดือน ต.ค. ที่ระดับ 128,000 ตำแหน่งมากกว่าที่ตลาดคาดที่ระดับ 89,000 ตำแหน่งบวกกับ PMI ภาคการผลิตสหรัฐฯ เดือน ต.ค. ปรับเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 51.3 สูงสุดในรอบ 6 เดือน
• (-) ธปท.เผยดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจเดือน ต.ค.62 อยู่ที่ระดับ 48.1 ใกล้เคียงกับเดือนก่อนหน้า แต่องค์ประกอบเกือบทุกด้านยังอยู่ในระดับต่ำกว่า 50 สะท้อนถึงความเชื่อมั่นทางธุรกิจที่แย่ลง (อินโฟเควสท์)
• (+) มาตรการกระตุ้นภาคอสังหาฯ ลดค่าธรรมเนียมจดทะเบียนการโอนจากเดิม 2% เหลือ 0.01% และลดค่าจดทะเบียนจดจำนองอสังหาริมทรัพย์จากเดิม 1% เหลือ 0.01% สำหรับการซื้อขายที่อยู่อาศัยที่ดินพร้อมอาคารหรือห้องชุด ราคาไม่เกิน 3 ลบ.ต่อหน่วย มีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 2 พ.ย.62 ต่อเนื่องถึง 24 ธ.ค.63 (โพสต์ทูเดย์)
• (watch) ติดตามการประขุม กนง. (6 พ.ย.) ในการกำหนดทิศทางอัตราดอกเบี้ยนโยบาย โดย นักเศรษฐศาสตร์ 12 คน ใน Bloomberg Consensus คาดลดอัตราดอกเบี้ยลง 25 bps มาที่ 1.25%
• ปรับลดประมาณการ EPS โดยข้อมูลจาก Bloomberg Consensus พบว่าเมื่อต้นปี EPSปี 62 ที่ 115.13 บาท ขณะที่ปัจจุบันเหลือเพียง 96.5บาท หรือลดลง 16.18%YTD
• Update Flow เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาต่างชาติคงขายสุทธิในตลาดหุ้นไทย 1,005.31 ลบ.ส่งผลภาพรวมQTD.ต่างชาติขายสุทธิ 8,850.59 ลบ.ขณะที่กองทุนซื้อสุทธิ QTD. 1,564.95 ลบ.
Investment Strategy
• สัปดาห์นี้เรามอง SET Index ยังคง Sideway ในกรอบ 1,580-1,610 จุด โดยคาดมีแรงกระตุ้นในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ บวกกับติดตา มผลประชุม กนง. (6 พ.ย.) รวมถึงเข้าสู่ช่วงประกาศผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน อย่างไรก็ดี เราแนะนำนักลงทุน เริ่มทยอยลงทุนในหุ้น 5 กลุ่ม ดังนี้
• หุ้นกลุ่มที่จะได้ประโยชน์จากแผนกระตุ้น ศก.ของรัฐฯ ทั้งมาตรการท่องเที่ยว, ชิมช้อปใช้และงานประมูลภาครัฐฯ: แนะนำหุ้นที่ได้ประโยชน์และมี Upside ได้แก่ BJC (ช่วง 2H62 คาดเห็นการฟื้นตัว HoH จากการขยายสาขาBigCมากขึ้นจากสาขาทั้งในประเทศ 7 สาขาและสาขาที่กัมพูชา 1 สาขา BigC Food Place 1 สาขา และ Mini BigC ราว 200 สาขา), SEAFCO (แม้ช่วง 2H62 คาดรับรู้งานลดลง แต่ยังมี Backlog 2.3 พัน ลบ. คาด Secured Revenue 100% ในช่วงที่เหลือของปีนี้ บวกกับยังมี Upside Risk จากงานประมูลใหม่อีก 1.9 หมื่น ลบ.), ERW (ช่วง 2H62 หลังคาดฟื้นตัวจากปัจจัยฤดูกาล บวกกับการกลับมาเปิดโรงแรมใหม่ 9 แห่ง อีกทั้งมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวจาก ครม.และมีสัญญาณฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวชาวจีน หลังจำนวนนักท่องเที่ยวจีนเดือน ส.ค.โต 15.6%YoY), CPALL (ช่วง 3Q62 แม้เข้าสู่ Low Season แต่ด้วยการจัดโปรโมชั่น แสตมป์จัดหนักกระตุ้นยอดขาย และการได้ประโยชน์จากฐานที่ต่ำของปีก่อนจะหนุน SSSG เติบโตต่อเนื่อง พร้อมยังคงเป้าขยายสาขาร้านสะดวกซื้อปีนี้ที่ 700 สาขา)
• กลุ่ม Defensive Stock: เราเลือกหุ้นที่มีอัตราจ่ายปันผลน่าดึงดูดบวกกับกำไรช่วง 2H62 มีแนวโน้มโตดี แนะนำ ASK (ช่วง 2H62 คาดกำไรสุทธิมีแนวโน้มโตต่อ หนุนด้วยสินเชื่อรถพาณิชย์ที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตามงานก่อสร้างภาครัฐฯที่จะทยอยเร่งตัวขึ้นบวกกับคาดได้ประโยชน์จากการทยอยเปลี่ยนรถตู้เป็นรถมินิบัสของผู้ประกอบการรถโดยสารสาธารณะตามมาตรการของ ขสมก.
• กลุ่มที่คาดผลดำเนินงานมีแนวโน้มดีต่อเนื่อง: เหมาะกับการทยอยซื้อสะสม โดยเน้นหุ้นที่กำไรช่วง 2Q62 คาดโต YoY และช่วง 2H62 โตต่อ แนะนำ SAWAD (คาดกำไรปี62 โต 30.8%YoY หนุนด้วยเป้าพอร์ตสินเชื่อโต 20-30% และอีก 300 สาขา, Asset Yield ฟื้นตัวตามสัดส่วนการรับรู้รายได้ผ่านสัญญาเงินกู้ผ่าน BFIT ที่มากขึ้นโดยล่าสุด SAWAD รายงานการถือครองหุ้น BFIT หลัง Tender Offer ที่ 82.04% บวกกับต้นทุนทางการเงินที่ปรับลงหลังได้รับเงินเพิ่มทุนจากพันธมิตร), SELIC (คาดปี 62 เห็นการ Turnaround ของกำไรหลังเริ่มรวมงบการเงินกับ PMCT ซึ่งคาดเห็น Synergy ชัดเจนขึ้นจากการพัฒนาสินค้าใหม่และการขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่มใหม่), ARROW (ช่วง 2H62 คาดกำไรฟื้นตัวหลังมาร์จิ้นเหล็กดีขึ้นตามต้นทุนเหล็กที่ลดลงและราคาขายที่ดี คาดหนุนกำไรทั้งปีโต 10.3%YoY บวกกับมี Backlog 1.1 พัน ลบ. และมีโอกาสได้งานใหม่ๆเพิ่ม)
• หุ้นกลุ่มร.พ.ขนาดกลางที่คาดกำไรช่วง 3Q62 โตเด่น เข้าสู่ High Season: BCH (ช่วง3Q62 คาดกำไรโตทั้ง QoQ, YoY หนุนด้วยการเข้าสู่ช่วงHigh Seasonบวกกับการบันทึกรายได้ส่วนเพิ่มของภาระเสี่ยงขณะที่ผู้ป่วยตะวันออกกลางคาดกลับมาฟื้นตัวหลังมีการเพิ่มชม.การทำงานของแพทย์ด้านเบาหวาน, CHG (ช่วง 2H62 คาดกำไรโตYoYหนุนด้วยสัญญาณฟื้นตัวจาก รพ.ที่เพิ่งเปิดใหม่ทั้ง รพ.จุฬารัตน์ 304 อินเตอร์ และ รพ.รวมแพทย์ฉะเชิงเทรา บวกกับอาจมีการขอเพิ่มสัดส่วนโควต้าประกันสังคมหลังมีผู้ประกันตนราว 432,640 คน (จากโควต้า 440,000 คน)
• หุ้นที่คาดกำไรช่วง 3Q62 โต YoY, QoQ และทั้งปี 62 ยังโตเด่น: SSP, BPP, JWD, SABINA, S11, AMATA, PLANB, PRM, MINT, RJH
Trading Idea
• หุ้นกลุ่มอสังหาฯ ที่คาดได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นภาคอสังหาฯ และช่วง 3Q62 คาดกำไรฟื้นตัว QoQ และมี Backlog สูง แนะนำซื้อเก็งกำไร : SPALI, ORI
1-Nov-19 Change (pts.) 31-Oct-19
SET Index 1,592.52 -8.97 1,601.49
SET50 Index 1,068.71 -4.55 1,073.26
SET100 Index 2,344.43 -13.18 2,357.61
High 1,603.53 Gainers 528
Low 1,589.72 Unchanged 432
Value (Bt m) 48,451.84 Losers 1,024
Volume (*000) 19,551,239
Market Valuation
SET Data 2019F 2020F Long Term
Fwd PER (x) 16.5 14.9 14.9
EPS Growth (%) 13.9 9.3 -4.9
EV/EBITDA (x) 0.0 0.0 0.0
FWD PBV (x) 1.8 1.7 1.6
Dividend Yield (%) 3.1 3.4 3.7
ROE 10.3 10.6 10.6
Net Buy/Sell by Investor Types
Unit : M Bt 1-Nov-19 WTD MTD YTD
Institution 1,155.49 10,015.47 1,155.49 25,820.01
Proprietary 62.99 (1,604.47) 62.99 10,518.86
Foreign (1,005.31) (6,525.53) (1,005.31) (14,079.46)
Individual (213.17) (1,885.47) (213.17) (22,259.40)
AECS ( Fundamental and Strategic Team )
จิรภัทร โบสุวรรณ (ID. 040051) [email protected]
ภัทรพล จันทร์อินทร์ (ID. 089932) [email protected]
ธีรยุทธ ฤทธิเผ่าพันธุ์ ผู้ช่วยนักวิเคราะห์
สุวรรณา อัศวเหล่าวรพงศ์ Data Support / Secretary