- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 31 October 2019 22:08
- Hits: 2256
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
“เฟดปรับลดดอกเบี้ย แต่ไม่ส่งสัญญาณรีบลดในอนาคต”
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : KCE (จาก Fully Valued เป็นถือ), WHART (จากถือเป็นซื้อ)
ภาวะตลาดและปัจจัย : SET วานนี้ +10.62 จุด ปิดที่ 1601.83 จุด มูลค่าการซื้อขายมากขึ้นเป็น 66.5 พันล้านบาท ดัชนีดีกว่าภูมิภาค มีการเวียนเก็งกำไรกลุ่มหลักทรัพย์ ขายหุ้นโรงไฟฟ้า โยกมาแบ็งค์ กลุ่มก๊าซ ปิโตรเคมี ขณะที่รอติดตามเจรจาการค้าและถ้อยแถลงเฟด ซื้อสุทธิคือ สถาบัน และต่างชาติ ขายสุทธิเป็น รายย่อยและโบรกเกอร์ ตั้งแต่ต้นเดือนถึงปัจจุบันต่างชาติขายสุทธิเป็น 4.0 พันล้านบาท ด้านแนวโน้มตลาดและกลยุทธ์คือ
# ปัจจัยสำคัญ: เฟดลดดอกเบี้ยตามคาด แต่ไม่ส่งสัญญาณรีบปรับลดครั้งต่อไป ถือว่าดี แต่ไม่สุด ผลกระทบเงินดอลลาร์อ่อนค่า อัตราผลตอบแทนพันธบัตรกลับมาลดลง ดีต่อราคาหุ้นกู้ และหลักทรัพย์กลุ่ม Reits&IFFs กนง.มีโอกาสปรับลดดอกเบี้ยในการประชุมครั้งต่อไป ต้น พ.ย.62 ดาวโจนส์ปรับขึ้น ส่วน GDP 3Q62และตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนออกมาดี ตลาดหุ้นเพื่อนบ้านเช้านี้ส่วนใหญ่บวก ดัชนีความกังวลปรับลด ในประเทศ สื่อสารจะมีการเปิดประมูล 5G ก.พ.63 ส่วนผลกระทบตัด GSP แผ่วลง ด้านปัจจัยลบเป็นราคาน้ำมันทั้งตลาดสป็อตและล่วงหน้าถอยลง ด้านปัจจัยการเมือง จะมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรี 3 ธ.ค.62 นี้
# ระยะสั้นคาด SET- มีโอกาสปรับขึ้น แต่ไม่แรง ตามเฟด รอความคืบหน้าเจรจาการค้า ลงนามเฟส 1 การที่เฟดยังไม่เร่งปรับลดดอกเบี้ย คาดว่าทำให้SET เพิ่มไม่แรง หลัง PTTEP งบออกมาดี คาดว่า ADVANC จะดีตามมา การลงทุนยังเน้นหุ้น Defensive ปันผลสูง และ Domestic Play หลังเศรษฐฺกิจชะลอ คาดSET ซื้อขายในกรอบ 1580-1620 จุด แนวต้านเป็น 1610-1620 จุด แนวรับอยู่ที่ 1580-1560 จุด Stop Loss ต่ำกว่า 1595 จุด การเข้าเก็งกำไรควรเข้าไว-ออกไวกลยุทธ์ คือ เลือกลงทุนทยอยสะสม เป็นรายกลุ่มและรายตัว (Selective) ตาม Theme เป้าหมายดัชนีปีนี้ 1680 ปีหน้า 1725 จุด หุ้นได้ประโยชน์มาตรการรัฐ-CPALL,BJC,AMATA,WHA,CK,STEC ดอกเบี้ยขาลง- DIF,CRYSTAL,TPRIME,WHART,MTC,SAWAD ปันผลสูง- KKP,TISCO,AP,ORI หุ้น DEFENSIVEADVANC,BTS,BEM ได้ประโยชน์ IMO 2020- TOP ตัวเลขนักท่องเที่ยวจีนฟื้นตัว รัฐกระตุ้นท่องเที่ยว- AOT,ERW,MINT กลุ่มการแพทย์ 3Q ฤดูกาลดีที่สุดในรอบปีอากาศผันผวนสูง - CHG,RJH,RPH
# Stock Pick Today : KBANK กำไร 3Q19 ตามคาด และคงเป้าหมายเติบโตไว้เท่าเดิม คงคำแนะนำซื้อ ให้ราคาพื้นฐาน 270 บาท เทียบเท่ากับ P/BV ปีนี้ที่ 1.6เท่า NPL ratio เพิ่มเป็น 3.5% จาก 3.4% ในสิ้น 2Q19 ส่วน Coverage ratio 154% ทั้งนี้ธนาคารมีการ Write off NPL 8.1 พันล้านบาท และขาย NPL 2.8 พันล้านบาทในไตรมาสนี้ สำหรับ NPL ratio ปีนี้ ธนาคารให้ Guidance ไว้ที่ 3.3-3.7% สินเชื่อ ณ สิ้นก.ย.19 เติบโต +5.4%YoY, +0.8%QoQ และ +1.8%YTD
การวิเคราะห์ทางเทคนิค: ระยะสั้น สัญญาณ Candlestick & Indicators เปลี่ยนกลับมาบวกเล็กๆ {“ปิดบวก”ใต้“SMA10วัน” (โดยยังถูกกดดันจาก“โครงสร้างขาลง – ระยะกลาง”)} ชี้ความน่าจะเป็นของตลาดฯวันนี้“แกว่ง”แบบให้น้ำหนักกับการลง แต่“ค่าบวก”(มี“Oversold”ในกราฟรายนาที“หนุน”) จะช่วยให้มีรีบาวด์ฯสั้นๆก่อน(แล้วจึงลงต่ำ,ตามมา)ได้ แนวต้าน 1610 (หรือ 1620) จุด {แนวตัดขาดทุน “ต่ำกว่า 1595” (แนวรับย่อย “1580 / 1560 – 1550” จุด)} หุ้นที่มีสัญญาณทางเทคนิคทำ New High เข้ามาใหม่คือ AMATA,PTT,PTTGC ที่ยังอยู่ใน List คือ DIF,CHG,BEM,JMT,KBANK,BCH,RPH หุ้นหลุด List คือ TOA,GCAP,MAJOR,TOA, GPSC, OSP หุ้นอยู่ในพื้นที่ Take Profit คือ AOT
Thailand Research Team : reseach-th.dbs.com
Inside Story
Key Drivers TODAY : ปัจจัยต่างประเทศ / ปัจจัยในประเทศ
Company Guide : KCE (ถือ -ราคาพื้นฐาน 14.30)
RJH (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 32.00)
TFFIF (ถือ -ราคาพื้นฐาน 13.30)
WHART (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 18.70)
Flash Note : PTTEP (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 159.00)
Key Drivers TODAY
ปัจจัยต่างประเทศ
+/- เฟด : ปรับลดดอกเบี้ยตามคาด แต่ไม่ส่งสัญญาณปรับลดดอกเบี้ยเร็ว
# คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของเฟดมีมติ 8-2 เสียง ให้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นลงอีก 0.25%สู่ระดับ 1.50-1.75% ในการประชุมเมื่อวานนี้ ตามที่ตลาดการเงินคาดการณ์ไว้ โดยเฟดระบุว่า ตลาดแรงงานยังคงมีความแข็งแกร่ง และกิจกรรมทางเศรษฐกิจมีการปรับตัวขึ้นในระดับปานกลาง
# อย่างไรก็ดี เฟดส่งสัญญาณพักวงจรการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในขณะนี้ โดยแถลงการณ์จากการประชุมครั้งนี้ เฟดได้ถอดประโยคสำคัญออก ซึ่งระบุว่า "เฟดจะดำเนินการอย่างเหมาะสมเพื่อรักษาการขยายตัวทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน" โดยประโยคดังกล่าวได้ปรากฎในแถลงการณ์เฟดนับตั้งแต่การประชุมในเดือนมิ.ย.
-เฟด: อาจไม่ต้องปรับลดดอกเบี้ยระยะใกล้ ตามภาวะเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง
# ทางด้านนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟดได้แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนว่า การที่คณะกรรมการเฟดตัดสินใจปรับลดอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งที่ 3 ในปีนี้ มีเป้าหมายที่จะรักษาการเติบโตทางเศรษฐกิจของสหรัฐให้แข็งแกร่ง นอกจากนี้ นายพาวเวลยังได้ส่งสัญญาณพักวงจรการปรับลดอัตราดอกเบี้ย ซึ่งสอดคล้องกับแถลงการณ์ของคณะกรรมการ FOMC
# นักวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์สเตท สตรีท โกลบอล แอดไวเซอร์ส กล่าวว่า นักลงทุนมองว่าการที่เฟดส่งสัญญาณพักวงจรการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนั้น สะท้อนให้เห็นถึงมุมมองของเฟดที่ว่า ภาวะเศรษฐกิจมีความแข็งแกร่งมากพอที่จะไม่ต้องปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีกในระยะใกล้นี้
+ สหรัฐ: ตัวเลข GDP 3Q62 และการจ้างงานภาคเอกชนออกมาดี
# สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งที่ 1สำหรับการขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 3/2562 ที่ระดับ 1.9% สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.6% อย่างไรก็ดี เศรษฐกิจสหรัฐชะลอตัวในไตรมาส 3 เมื่อเทียบกับไตรมาส 2 ที่มีการขยายตัว 2.0% และ 3.1% ในไตรมาสแรก
# ขณะที่ออโตเมติก ดาต้า โพรเซสซิ่ง อิงค์ (ADP) และมูดี้ส์ อนาลิติกส์ เปิดเผยว่า การจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐเพิ่มขึ้น 125,000 ตำแหน่งในเดือนต.ค. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 100,000 ตำแหน่ง
+ ดัชนีหุ้นสหรัฐ: ปรับขึ้น สะท้อนเฟดปรับลดอัตราดอกเบี้ย
# ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 27,186.69 จุด พุ่งขึ้น 115.27 จุด หรือ +0.43% ขณะที่ดัชนี S&P 500 ปิดที่3,046.77 จุด เพิ่มขึ้น 9.88 จุด หรือ +0.33% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 8,303.98 จุด เพิ่มขึ้น 27.13 จุด หรือ +0.33%
# ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (30 ต.ค.) ขณะที่ดัชนี S&P 500 ปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์อีกครั้ง ขานรับธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่ประกาศลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมเมื่อวานนี้ พร้อมกับส่งสัญญาณพักวงจรการปรับลดดอกเบี้ย ซึ่งทำให้นักลงทุนมองว่า เฟดมีความเชื่อมั่นต่อภาวะเศรษฐกิจมากพอที่จะไม่ต้องปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีกในระยะใกล้นี้
• ติดตามตัวเลขเศรษฐกิจประกาศสัปดาห์นี้
# จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, รายได้และการใช้จ่ายส่วนบุคคลเดือนก.ย., ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือนก.ย., ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) เขตชิคาโกเดือนต.ค., ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนต.ค., ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นสุดท้ายเดือนต.ค.จากมาร์กิต, ดัชนีภาคการผลิตเดือนต.ค.จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) และการใช้จ่ายด้านการก่อสร้างเดือนต.ค.
- น้ำมัน: WTI ปรับลง สต็อกน้ำมันดิบสูงขึ้นเกินคาด
# สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 48 เซนต์ หรือ 0.9% ปิดที่ 55.06 ดอลลาร์/บาร์เรล
# สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 98 เซนต์ หรือ 1.6% ปิดที่ 60.61 ดอลลาร์/บาร์เรล
# สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (30 ต.ค.) หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยสต็อกน้ำมันดิบพุ่งขึ้นมากกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ ซึ่งส่งผลให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับปริมาณน้ำมันดิบที่สูงขึ้นในตลาด ขณะเดียวกันนักลงทุนระมัดระวังการซื้อขายเพื่อรอดูความชัดเจนของการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีน
- ทองคำ: ปรับขึ้น หลังดอลลาร์สหรัฐมีการอ่อนค่า
# สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 6 ดอลลาร์ หรือ 0.4% ปิดที่1,496.7 ดอลลาร์/ออนซ์
# สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (30 ต.ค.) เนื่องจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐช่วยเพิ่มความน่าดึงดูดของสัญญาทองคำ ขณะที่นักลงทุนจับตาผลการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) โดยตลาดทองคำนิวยอร์กปิดทำการซื้อขายก่อนที่คณะกรรมการเฟดจะแถลงมติการประชุม
ปัจจัยในประเทศและข่าวหลักทรัพย์
+ สื่อสาร: เล็งประมูล 5 จี 16 ก.พ.63 จูงใจเว้นจ่ายไลเซนส์ 3 ปี
# "กสทช." เคาะราคาประมูล 5G คลื่น 2600 MHz ราคาเริ่มต้นใบอนุญาตละ 1,862 ล้านบาท 26 GHz ราคาเริ่มต้นใบอนุญาตละ 300 ล้านบาท คาดเปิดประมูล 16 ก.พ. 63 จูงใจเว้นชำระค่าประมูล 3 ปี มั่นใจขายหมด 46 ใบอนุญาต ได้เงินกว่า 43,470 ล้านบาท พร้อมเปิดบริการ ก.ค.63 ฟากแบงก์พร้อมหนุนปล่อยกู้ประมูล 5G (ข่าวหุ้น)
# ผลกระทบ: ฝ่ายวิจัยฯ มองว่าเป็นบวก เพราะราคาเริ่มต้นต่ำกว่าใบอนุญาต 4G ที่ผ่านมา อีกทั้งเงื่อนไขการชำระเงินมีการผ่อนคลาย จากระยะเวลาการชำระ 10 ปี จะมีช่วงไม่ต้องชำระ (Grace Period) ปีที่ 2-4 อย่างไรก็ต้องติดตามรายละเอียดที่จะประกาศราชกิจจานุเบกษาต่อไป แต่มีมุมมองบวกสำหรับกลุ่มสื่อสาร ในแง่การแข่งขันในอุตสาหกรรมที่ลดลง และมีช่องว่างที่รายได้เฉลี่ย (ARPU) ที่จะปรับเพิ่มขึ้นได้ โดยเฉพาะในช่วง 2H62 Top Pick กลุ่มนี้ยังเป็น ADVANCแนะนำ ซื้อ ราคาพื้นฐาน 264 บาท ซึ่งวันนี้จะมีการประกาศงบ 3Q62 หลังปิดตลาดฯ ซึ่งคาดว่าจะออกมาดี
• SCB EIC ประเมินผลกระทบการตัด GSP ไทยมีผลกระทบจำกัด
# ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB EIC) ประเมินผลกระทบกรณีสำนักผู้แทนการค้าสหรัฐฯ(USTR) ประกาศเตรียมยกเลิกการให้สิทธิพิเศษทางภาษีภายใต้ระบบ Generalized System of Preferences (GSP) กับไทยว่า การตัดสิทธิ GSP ต่อการส่งออกในภาพรวมมีจำกัด โดยมีผลประมาณ 0.01% ของการส่งออกทั้งหมด
+ ไทยจะมีโอกาสหารือกับผู้แทนการค้าสหรัฐ (USTR) ราวศุกร์ 1 พ.ย.62 เรื่องถูกตัดสิทธิ์ GSP
# รมว.พาณิชย์ กล่าวถึงการติดตามความคืบหน้ากรณีสหรัฐจะตัดสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากร (GSP) กับสินค้าไทยว่าวานนี้ได้มอบหมายให้ทูตพาณิชย์ที่กรุงวอชิงตัน ดีซี ไปประสานงานกับเอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงวอชิงตัน ดีซี และทูตแรงงาน เพื่อจะได้นัดหมายไปหารือกับสำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐ (USTR) ซึ่งได้รับรายงานมาแล้วว่าจะมีการนัดหมายเข้าพบ เพื่อหารือกันในวันศุกร์นี้ (1 พ.ย.) โดยผลของการหารือจะได้นำเสนอให้ทราบต่อไป
นักวิเคราะห์&กลยุทธ์ : สมบัติ เอกวรรณพัฒนา : [email protected]