WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

logo aceบล.เออีซี : Daily Focus
AECS Daily Focus
--------------------
Market Outlook
•    วันนี้คาดดัชนี SET แกว่ง Sideway ในกรอบ 1,590-1,615 จุด โดยแม้ตัวเลขเศรษฐกิจ GDP สหรัฐฯบ่งชี้ภาวะชะลอตัว แต่วานนี้ FED มีมติปรับลดอัตรา ดบ.นโยบายลง 25 bps เพื่อให้สอดรับกับสถานการณ์เศรษฐกิจในปัจจุบัน บวกกับประเด็น Trade war ยังคงเดินหน้าข้อตกลงร่วมเฟส1 ต่อไป
•    Market Factor
•    (0) ผลการประชุม Fed คณะกรรมการ FOMC มีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 25 bps อยู่ที่ระดับ 1.75-2.00% เป็นไปตามที่ตลาดคาด บวกกับมุมมองของ Fed ต่อนโยบายอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ยังคงไม่ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติม
•    (0) แม้ชิลีประกาศยกเลิกการประชุม APEC วันที่ 16-17 พ.ย. 62 จากเหตุผู้ประท้วงในชิลี แต่อย่างไรก็ดีทางสหรัฐฯ ยังคงยืนยันเดินหน้าลงนามข้อตกลงการขั้นที่ 1 ค้ากับจีนภายในกรอบระยะเวลาที่กำหนด
•    (-) สหรัฐฯ รายงานตัวเลข GDP 3Q62 เบื้องต้นที่ระดับ 1.9%QoQ ลดลงจากช่วง 1Q62 และ 2Q62 ที่ระดับ 3.1%QoQ และ 2.0%QoQ ตามลำดับ บวกกับ PMI ของจีนเดือน ต.ค. ทั้งภาคการผลิตและบริการ ปรับลดลงที่ระดับ 49.3 จาก 49.8 และ 52.8 จาก 53.7 ตามลำดับ
•    (watch) กระทรวงการคลังเตรียมสรุปแนวทางการจัดตั้งกองทุนรวมที่ได้สิทธิประโยชน์ทางภาษีรูปแบบใหม่ในสัปดาห์หน้า เพื่อทดแทนกองทุนLTF ที่จะสิ้นสุดในสิ้นปี โดยมีแนวคิดในการจัดตั้งกองทุนรวมใหม่ที่สนับสนุนการออมระยะยาว พร้อมขยับวงเงินลงทุนที่ให้การลดหย่อนเป็นประโยชน์ต่อกลุ่มคนส่วนใหญ่และลดปัญหาความเหลื่อมล้ำ  ทั้งนี้มีการเสนอแนวคิดกองทุนรวมหุ้นยั่งยืน SEF จาก FETCO เป็นหนึ่งในแนวคิดกองทุนรวมใหม่ทดแทน LTF เดิม เป็นต้น(กรุงเทพธุรกิจ)
•    ปรับลดประมาณการ EPS โดยข้อมูลจาก Bloomberg Consensus พบว่าเมื่อต้นปี EPSปี 62 ที่ 115.13 บาท ขณะที่ปัจจุบันเหลือเพียง 96.19บาท หรือลดลง 16.45%YTD
•    Update Flow เมื่อวานที่ผ่านมาต่างชาติพลิกซื้อสุทธิในตลาดหุ้นไทย 470.31 ลบ.ส่งผลภาพรวม  MTD.ต่างชาติขายสุทธิลดลงเหลือ 3,978.16 ลบ.
Investment Strategy
•    สัปดาห์นี้ แม้ตลาดจะมีแนวโน้มรีบาวด์กลับขึ้นมา แต่เรายังมองในทางลง โดยประเมิน Upside จำกัด หลังเกิด Sector Rotation จากหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้าไปยังหุ้นกลุ่มพลังงงานและธนาคาร ขณะที่ปัจจัย Trade war สหรัฐฯ-จีน ยังคงเป็นประเด็นหลักที่ Drive ตลาดในต่างประเทศ อีกทั้งในสัปดาห์จะเป็นช่วงการประกาศผลประกอบการซึ่งคาดทำให้ SET Index ผันผวนในกรอบ 1,590-1,615 จุดตามเดิม อย่างไรก็ดี เราแนะนำนักลงทุน เริ่มทยอยลงทุนในหุ้น 5 กลุ่ม ดังนี้
•    หุ้นกลุ่มที่จะได้ประโยชน์จากแผนกระตุ้นศก.ของรัฐฯทั้งมาตรการท่องเที่ยว, ชิมช้อปใช้และงานประมูลภาครัฐฯ: แนะนำหุ้นที่ได้ประโยชน์และมี Upside ได้แก่ BJC (ช่วง  2H62 คาดเห็นการฟื้นตัวHoHจากการขยายสาขา BigC มากขึ้นจากสาขาทั้งในประเทศ 7 สาขาและสาขาที่กัมพูชา 1 สาขา BigC Food Place 1 สาขาและ Mini BigC ราว 200 สาขา), SEAFCO (แม้ช่วง 2H62 คาดรับรู้งานลดลง แต่ยังมี Backlog 2.3 พัน ลบ. คาด Secured Revenue 100% ในช่วงที่เหลือของปีนี้ บวกกับยังมี Upside Risk จากงานประมูลใหม่อีก 1.9 หมื่นลบ.), ERW (ช่วง 2H62 หลังคาดฟื้นตัวจากปัจจัยฤดูกาล บวกกับการกลับมาเปิดโรงแรมใหม่ 9 แห่ง อีกทั้งมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวจาก ครม.และมีสัญญาณฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวชาวจีน หลังจำนวนนักท่องเที่ยวจีนเดือน ส.ค. โต 15.6%YoY), CPALL (ช่วง 3Q62 แม้เข้าสู่ Low Season แต่ด้วยการจัดโปรโมชั่น แสตมป์จัดหนักกระตุ้นยอดขาย และการได้ประโยชน์จากฐานที่ต่ำของปีก่อนจะหนุน SSSG เติบโตต่อเนื่อง พร้อมยังคงเป้าขยายสาขาร้านสะดวกซื้อปีนี้ที่ 700 สาขา)
•    กลุ่ม Defensive Stock: เราเลือกหุ้นที่มีอัตราจ่ายปันผลน่าดึงดูดบวกกับกำไรช่วง 2H62 มีแนวโน้มโตดี แนะนำ ASK (ช่วง 2H62 คาดกำไรสุทธิมีแนวโน้มโตต่อ หนุนด้วยสินเชื่อรถพาณิชย์ที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตามงานก่อสร้างภาครัฐฯที่จะทยอยเร่งตัวขึ้นบวกกับคาดได้ประโยชน์จากการทยอยเปลี่ยนรถตู้เป็นรถมินิบัสของผู้ประกอบการรถโดยสารสาธารณะตามมาตรการของ ขสมก.
•    กลุ่มที่คาดผลดำเนินงานมีแนวโน้มดีต่อเนื่อง: เหมาะกับการทยอยซื้อสะสม โดยเน้นหุ้นที่กำไรช่วง 2Q62 คาดโต YoYและช่วง 2H62 โตต่อ แนะนำ SAWAD (คาดกำไรปี 62 โต 30.8%YoY หนุนด้วยเป้าพอร์ตสินเชื่อโต 20-30% และอีก 300 สาขา,  Asset Yield ฟื้นตัวตามสัดส่วนการรับรู้รายได้ผ่านสัญญาเงินกู้ผ่าน BFIT ที่มากขึ้นโดยล่าสุด SAWAD รายงานการถือครองหุ้น BFIT หลัง Tender Offer ที่ 82.04% บวกกับต้นทุนทางการเงินที่ปรับลงหลังได้รับเงินเพิ่มทุนจากพันธมิตร), SELIC (คาดปี 62 เห็นการ Turnaroundของกำไรหลังเริ่มรวมงบการเงินกับ PMCT ซึ่งคาดเห็น Synergy ชัดเจนขึ้นจากการพัฒนาสินค้าใหม่และการขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่มใหม่), ,ARROW (ช่วง 2H62 คาดกำไรฟื้นตัวหลังมาร์จิ้นเหล็กดีขึ้นตามต้นทุนเหล็กที่ลดลงและราคาขายที่ดี คาดหนุนกำไรทั้งปีโต 10.3%YoY บวกกับมี Backlog 1.1 พัน ลบ. และมีโอกาสได้งานใหม่ๆ เพิ่ม)
•    หุ้นกลุ่มร.พ.ขนาดกลางที่คาดกำไรช่วง3Q62โตเด่น เข้าสู่ High Season: BCH (ช่วง3Q62 คาดกำไรโตทั้ง QoQ, YoY หนุนด้วยการเข้าสู่ช่วงHigh Seasonบวกกับการบันทึกรายได้ส่วนเพิ่มของภาระเสี่ยงขณะที่ผู้ป่วยตะวันออกกลางคาดกลับมาฟื้นตัวหลังมีการเพิ่ม ชม.การทำงานของแพทย์ด้านเบาหวาน, CHG (ช่วง 2H62 คาดกำไรโต YoY หนุนด้วยสัญญาณฟื้นตัวจากรพ.ที่เพิ่งเปิดใหม่ทั้ง รพ.จุฬารัตน์ 304 อินเตอร์ และ รพ.รวมแพทย์ฉะเชิงเทรา บวกกับอาจมีการขอเพิ่มสัดส่วนโควต้าประกันสังคมหลังมีผู้ประกันตนราว 432,640 คน (จากโควต้า 440,000 คน)
•    หุ้นที่คาดกำไรช่วง 3Q62 โต YoY, QoQ และทั้งปี 62 ยังโตเด่น: SSP, BPP, JWD, SABINA, S11, AMATA, PLANB, PRM
    30-Oct-19    Change (pts.)    29-Oct-19
SET Index    1,601.83    10.62    1,591.21
SET50 Index    1,075.91    9.43    1,066.48
SET100 Index    2,361.23    19.90    2,341.33
 
High    1,601.83    Gainers    731
Low    1,589.48    Unchanged    455
Value (Bt m)    66,498.35    Losers    845
Volume (*000)    22,288,161         
Market Valuation
SET Data    2019F    2020F    Long Term
Fwd PER (x)    16.7    15.0    15.0
EPS Growth (%)    13.9    9.3    -4.5
EV/EBITDA (x)    0.0    0.0    0.0
FWD PBV (x)    1.8    1.7    1.6
Dividend Yield (%)    3.1    3.4    3.7
ROE    10.3    10.6    10.6
Net Buy/Sell by Investor Types
Unit : M Bt    30-Oct-19    WTD    MTD    YTD
Institution    1,847.60    3,840.07    (4,610.45)    19,644.61
Proprietary    (164.19)    (706.55)    (2,079.40)    11,416.78
Foreign     (470.31)    (1,653.10)    (3,978.18)    (9,207.03)
Individual    (2,153.72)    (1,480.42)    10,668.03    (21,854.35)
AECS ( Fundamental and Strategic Team )
จิรภัทร  โบสุวรรณ (ID. 040051)    [email protected]
ภัทรพล จันทร์อินทร์ (ID. 089932)    [email protected]
ธีรยุทธ  ฤทธิเผ่าพันธุ์    ผู้ช่วยนักวิเคราะห์
สุวรรณา อัศวเหล่าวรพงศ์    Data Support / Secretary

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!