- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 06 October 2014 17:26
- Hits: 1776
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
กลยุทธ์วันนี้ Sideways
ประเด็นสำคัญวันนี้ ตลาดหุ้นไทยวันศุกร์ปิดบวกเล็กน้อย 0.55 จุด มาอยู่ที่ 1,570.28 จุด มูลค่าการซื้อขาย 46,919 ล้านบาท
เงินทุนต่างชาติไหลออกจากไทยทั้ง 3 ตลาดพร้อมกัน เป็นประเด็นที่น่าสนใจ ด้วยการขายสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 2 อีก 1,326 ล้านบาท Short สุทธิใน SET50 Index Futures เป็นวันที่ 2 อีก 5,609 สัญญา และขายสุทธิตลาดตราสารหนี้ไทยเป็นวันที่ 5 อีก 3,862 ล้านบาท ส่งสัญญาณ Upside gain จำกัดในหุ้นหลักของตลาดหุ้นไทยในช่วงสั้น เพราะทิศทางกระแสเงินทุนต่างชาติไม่ชัดเจน
ภาวะการลงทุนในตลาดหุ้นไทยวันนี้ MBKET ประเมินแกว่งในกรอบแคบ 1,565 – 1,580 จุด แม้ว่า DJIA ที่กลับมายืนเหนือ 17,000 จุดได้ในคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา แต่ความตึงเครียดทางการเมืองในเกาะฮ่องกง และนักลงทุนต่างชาติที่ลดการลงทุนในไทยตลอด 2 วันทำการที่ผ่านมา ทำให้หุ้นหลักในตลาดหุ้นไทยจึงมี Upside gain ที่จำกัด ขณะที่หุ้นขนาดกลางที่มีประเด็นการลงทุนเชิงบวกเฉพาะทางจะขยับขึ้นเด่นกว่าค่าเฉลี่ยในมุมมองของเรา
การจ้างงานเดือนก.ย.ของสหรัฐฯ ส่งสัญญาณการจ้างงานแข็งแกร่ง ทั้งนอกภาคการเกษตร และภาคเอกชน ส่งผลให้อัตราการว่างงานลดลงเหลือ 5.9% จากเดือนก่อนหน้า 6.1% อาจกลายเป็นปัจจัยที่นักลงทุนทั่วโลกกลับมากังวลต่อทิศทางอัตราดอกเบี้ยนโยบายของเฟด ซึ่งจะมีการประชุมเฟดในวันที่ 28-29 ต.ค.นี้
ภาพการลงทุนในสัปดาห์นี้ MBKET ประเมินโอกาสที่ SET INDEX จะไต่ระดับขึ้นทดสอบ 1,590-1,600 จุดในช่วงกลางถึงปลายสัปดาห์ จาการทำโรดโชว์ของทางตลท. ร่วมกับ Merrill Lynch ในนิวยอร์ค สหรัฐฯ ฯ อาจเห็นเม็ดเงินทุนต่างชาติไหลเข้าลงทุนในตลาดหุ้นไทยอีกครั้ง
ดังนั้น กลยุทธ์การลงทุน MBKET แนะนำ “ถือพอร์ตการลงทุน เพื่อรอขายทำกำไรบริเวณ 1,600 จุด +/- การเก็งกำไรจะเน้นหุ้นขนาดกลางที่มีประเด็นบวกเฉพาะตัวเป็นสำคัญ”
กลยุทธ์การลงทุนช่วงสั้น MBKET แนะนำ “ทยอยสะสม” TTA/ KTB
Portfolio Top Pick in 4Q14: BEUATY / IFEC/ LPN/ PTT/ VGI
HOLD: SAMART/ SPCG/ IFEC/ BTS/ SIM/ MACO/ CK/ LPN/ VGI/ PTT
Accumulative Buy: TTA/ KTB
Action and Stock of the Day
SET INDEX ฟื้นตัวอ่อนๆ
MBKET คาด SET INDEX แกว่งในกรอบแคบ หุ้นหลักมี Upside gain ช่วงสั้น จากทิศทางกระแสเงินทุนต่างชาติไม่ชัดเจน
คาดหวังเงินทุนต่างชาติกลับมาสนใจตลาดหุ้นไทย หลังเสร็จสิ้นงานโรดโชว์ที่นิวยอร์ค กลางสัปดาห์นี้
กลยุทธ์การลงทุน ถือพอร์ตรอขายทำกำไรบริเวณ 1,600 จุดหรือสูงกว่า
ตลาดหุ้นเอเชียวันศุกร์ฟื้นตัวเป็นส่วนใหญ่ นำโดย HSKI ปิด +0.57% เมื่อผู้ว่าการเกาะฮ่องกง เปิดการเจรจา รวมถึง มาร์ โมเบียส ให้ความเห็นสัญญาณการซื้อหุ้นในฮ่องกง
ด้านตลาดหุ้นไทย เปิดซึมตัวลงสู่แนวรับ 1,550-1,555 จุด ก่อนการฟื้นตัว Technical Rebound บวกกับตลาดหุ้น HSKI ที่ตีกลับมาเป็นบวก ช่วยให้บรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นไทยดีขึ้น นำโดยหุ้นหลักในกลุ่ม ICT / ธนาคาร เช่น ADVANC / INTUCH / SCB / BBL เป็นต้น ปิด ณ สิ้นวัน SET INDEX ปิดบวกได้อ่อนๆ ที่ 0.55 จุด มาอยู่ที่ 1,570.28 จุด มูลค่าการซื้อขาย 46,919 ล้านบาท
กลุ่มที่ปิดฟื้นตัวเด่นสุดได้แก่ กลุ่ม Professional +1.73%, กลุ่มท่องเที่ยว +1.34% และกลุ่มสื่อและสิ่งพิมพ์ +1.34% ส่วนกลุ่มหลักกลุ่มธนาคาร -0.37%, กลุ่มวัสดุก่อสร้าง +0.08% และกลุ่มพลังงาน -0.36%
ภาพตลาดหุ้นไทยวันนี้
ตลาดหุ้นเอเชีย (7.41 น.) เช้านี้ Nikkei เปิดบวกเด่น หลังค่าเงินเยนกลับมาอ่อนค่าแตะระดับ Yen109/US$ อีกครั้ง ขณะที่ Kopsi เปิดลบเพียงเล็กน้อย
MBKET คงมุมมองต่อการลงทุนเป็น “กลาง” เป็นวันที่ 7 เมื่อ SET INDEX เริ่มทรงตัวและฟื้นตัวได้เล็กน้อยกลับมายืนเหนือ1,570 จุด แม้ว่า Upside gain ในช่วง 2-3 วันนี้จะเป็นไปอย่างจำกัด หลังกระแสเงินทุนต่างชาติเริ่มลดน้ำหนักการลงทุนทั้ง 3 ตลาดในไทย – ตลาดหุ้น / ตลาด SET50 Index Futures / ตลาดตราสารหนี้ – ทำให้เชื่อว่าหุ้นหลักใน SET50 จะมี upside gain ที่จำกัด จากประเด็นดังกล่าว จึงเป็นตัวจำกัด upside gain ของตลาดหุ้นไทยในภาพรวม
แต่หุ้นขนาดกลาง และขนาดเล็กที่มีประเด็นบวกเฉพาะตัว จะยังขยับขึ้นเด่นกว่าค่าเฉลี่ยต่อเนื่อง เพราะไม่จำเป็นต้องพึ่งพิงเม็ดเงินทุนต่างชาติ หรือ เงินจากสถาบันภายในประเทศ
อย่างไรก็ตาม MBKET เชื่อว่า SET INDEX จะมีโอกาสฟื้นตัว และไต่ระดับขึ้นทดสอบ 1,590-1,600 จุด ในช่วงปลายสัปดาห์นี้ ด้วยปัจจัยสนับสนุนได้แก่
•การโรดโชว์ของตลาดหลักทรัพย์ฯ เพื่อพบปะนักลงทุนสถาบันทั้งในและต่างประเทศ
oวันที่ 3 ต.ค. งานโรดโชว์ กับกองทุนภายในประเทศ พบปะ รองนายกฯ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร และ รมว.คลัง นายสมหมาย มุมมองต่อแนวทางการกระตุ้นเศรษฐกิจ
การยืนยันเดินหน้ารถไฟฟ้า 7 สาย เปิดประมูลร่วมกันทั้งระบบและการบริหารเดินรถไปพร้อมกัน
ยืนยันการลงทุนในระบบรถไฟรางคู่ เช่นกัน
MBKET: เป็นบวกต่อกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง / กลุ่มธนาคาร / กลุ่มวัสดุก่อสร้างในช่วงแรก และความเจริญเพิ่มขึ้น ย่อมเป็นบวกต่อกลุ่มที่อยู่อาศัย ทั้งบ้านเดี่ยว และ คอนโดมิเนียม รวมถึงความเจริญในท้องที่ เอื้อต่อการขยายสาขาของกลุ่มค้าปลีก
การปรับโครงสร้างราคาพลังงานให้สะท้อนถึงต้นทุนที่แท้จริง
MBKET: เป็นบวกต่อ PTT ทางตรงกับการปรับราคาก๊าซ LPG / NGV ให้สะท้อนต้นทุนที่แท้จริง ด้าน PTTGC รอความชัดเจนของการปรับโครงสร้างดังกล่าว
การลงทุนในโครงการทวาย และ ท่าเรือน้ำลึก ปากบารา ยืนยันดำเนินการ เพื่อใช้เป็นฐานการผลิต และเส้นทางโลจิสติกส์ทางภาคใต้ของไทย
MBKET: เป็นบวกต่อกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ITD ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทางตรงกับโครงการทวาย
การลงทุนพัฒนาให้เป็น Digital Economy
MBKET: เป็นบวกต่อกลุ่ม System Integration (SI) ทั้งด้าน Hardware และ Software, ผู้ผลิตเคเบิ้ลใยแก้ว เพราะเป็นการเชื่อมโยงโครงข่ายโทรคมนาคมระหว่างระบบเข้าด้วยกัน เพื่อก่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดของการใช้โครงข่าวโทรคมนาคมร่วมกัน
oวันที่ 8 ต.ค. งานโรดโชว์ กับ กองทุนต่างประเทศ ราว 60 กองทุน ที่นิวยอร์ค สหรัฐฯ โดยมี รองนายกฯ ม.ร.ว. ปรีดิยาธร, รมต.พลังงาน นายสมหมาย และ ผู้ว่าการ ธปท. ดร.ประสาร
•แนวโน้มผลการดำเนินงานใน 3Q57 ของกลุ่มธนาคารไทย ซึ่งจะเริ่มทยอยประกาศงบวันที่ 20 ต.ค. +/- จากสินเชื่อที่ฟื้นตัว และ NIM ที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น
กลยุทธ์การลงทุน MBKET แนะนำ “ถือพอร์ตเก็งกำไร เพื่อรอขายทำกำไรบริเวณ 1,600 จุดหรือสูงกว่า ขณะที่นักลงทุนอาจเพิ่มพอร์ตเก็งกำไร หากราคาหุ้นเป้าหมายย่อตัวระหว่างชั่วโมงการซื้อขาย แบบจำกัดวงเงิน” เพราะ MBKET ประเมินว่า ยิ่ง SET INDEX แกว่งตัวเหนือ 1,600 จุด ความผันผวนของ SET INDEX จะยิ่งมากขึ้นเป็นลำดับ
ปัจจัยสำคัญวันนี้
1.ตัวเลขการจ้างงานสหรัฐฯ ออกมาดีกว่าคาดอย่างโดดเด่น: จนทำให้อัตราการว่างงานเดือนก.ย.ของสหรัฐฯ ลดลงเหลือ 5.9% จากเดือนก่อนหน้า 6.1%
MBKET ประเมินว่า ปัจจัยดังกล่าวเป็นบวกในระยะสั้นเท่านั้น เพื่อสะท้อนถึงภาพรวมเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ฟื้นตัวต่อเนื่อง ทำให้การจ้างงานยังคงเพิ่มขึ้นเป็นลำดับ แต่หากประเมินถึงจิตวิทยาการลงทุนของนักลงทุนทั่วโลก อาจกลับมาเป็นกังวลต่อทิศทางอัตราดอกเบี้ยนโยบายของเฟดในช่วงกลางเดือนต.ค.เป็นต้นไป ก่อนการประชุมเฟดวันที่ 28-29 ต.ค. ว่าประธานเฟดจะส่งสัญญาณอย่างไรต่อทิศทางอัตราดอกเบี้ยนโยบาย หลังสิ้นสุดโครงการ QE ในการประชุมครั้งนี้
2.แนวโน้มหุ้นหลักฟื้นตัว แต่ Upside จำกัดวันนี้: หากประเมินจากการเคลื่อนไหวรอบสัปดาห์ SET INDEX -1.36% wow โดยกลุ่มขนส่ง -3.07%, กลุ่มธนาคาร -2.40%, กลุ่มท่องเที่ยว -1.90% เมื่อภาพรวมการลงทุนในตลาดหุ้นทั่วเอเชียเช้าวันนี้ฟื้นตัวสอดคล้องกับ DJIA คืนวันศุกร์ที่ผ่านมา ย่อมทำให้หุ้นหลักในกลุ่มเหล่านี้มีแนวโน้มฟื้นตัว โดยเฉพาะกลุ่มธนาคาร เพราะจะเข้าสู่ช่วงประกาศงบ 3Q57 ในสัปดาห์หน้า เป็นอีกปัจจัยที่เก็งกำไรหุ้นกลุ่มนี้
อย่างไรก็ตาม MBKET ประเมินว่า Upside gain ของหุ้นหลักในกลุ่มดังกล่าวจะมีอย่างจำกัด จากกระแสเงินทุนต่างชาติที่ชะลอตัว
3.สถานการณ์ในฮ่องกงใกล้กลับสู่ระดับปกติ: จำนวนผู้ประท้วงลดจำนวนลงอย่างมีนัยยะสำคัญ และการชุมนุม ได้ย้ายไปอยู่ที่บริเวณ Mong Kok เท่านั้น ทำให้โรงเรียน หน่วยงานราชการ ธนาคาร และ ตลาดหุ้นฮ่องกง กลับมาดำเนินการตามปกติในวันนี้
4.ตลาดหุ้นจีนยังคงปิดทำการจนถึงวันที่ 7 ต.ค.
วานนี้ วันก่อนหน้า
PER14 PER15 PER14 PER15
SET INDEX 15.93 13.67 15.91 13.66
PSE 20.37 17.59 20.19 17.44
JSE 15.98 13.62 16.15 13.76
KOSPI 10.08 8.78 10.07 8.77
TAIEX 14.36 13.14 14.14 12.93
Straits Time 14.36 13.22 14.25 13.12
SHCOMP Closed Closed Closed Closed
ที่มา: Bloomberg
กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ แนะนำ “ทยอยสะสม” ได้แก่
1.TTA : ราคาปิด 22.10 บาท ราคาเหมาะสม 32.10 บาท
a)MBKET คงมุมมองเชิงบวกหลังเข้าพบ CFO ในวันศุกร์ที่ผ่านมา และได้ข้อมูลใหม่เพิ่มเติม ว่า TTA จะสามารถบันทึกส่วนแบ่งกำไร 9% จาก Sino Grandness ได้ เนื่องจากมีตัวแทนของบริษัทนั่งเป็นคณะกรรมการบริหารใน Sino Grandness
b)ส่งผลให้เราปรับเพิ่มประมาณการกำไรปี 2557/2558 ขึ้นจากเดิม 11% เป็น 2.4 พันล้านบาท ดังนั้น คาดว่ากำไรสุทธิปี 2557/2558 จะเติบโตถึง +145% yoy เป็น 2,419 ล้านบาท
c)ตั้งเป้าซื้อกิจการเพิ่มเติมอีก 1-2 รายในการในปี 2558 โดยมุ่งเน้นการลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ เดินเรือ, โลจิสติกส์, พลังงาน และสาธารณูปโภค เพื่อเพิ่ม ROE ให้เร่งตัวขึ้น และด้วยเงินสดในมือสูงถึงราว 7,000 ล้านบาท ทำให้บริษัทมีความสามารถในการลงทุนในระดับสูงถึง 10,000 ล้านบาท โดยไม่ต้องเพิ่มทุน
d)คาดดัชนีค่าระวางเรือ BDI มีแนวโน้มฟื้นตัวตั้งแต่กลางสัปดาห์ หลังจีนผ่านพ้นช่วงวันหยุดยาวในวันชาติระหว่างวันที่ 1-7 ต.ค. และเป็นปัจจัยบวกต่อราคาหุ้น
e)ราคาหุ้นปัจจุบันยังซื้อขายต่ำกว่ามูลค่าทางบัญชี โดยซื้อขายระดับ PBV 2558 เพียง 0.88 เท่า ต่ำกว่า PSL ที่ 1.3 เท่า และมี Catalyst รออยู่คือสิทธิการจองซื้อหุ้น PMTA ที่จะเข้าจดทะเบียน IPO ในปี 2558 หลังกลต.ได้อนุมัติและนับ 1 ไฟล์ลิ่งแล้ว
f)ผลจากการปรับเพิ่มประมาณการกำไรของ Sino Grandness เข้าสู่ประมาณการ ได้ราคาเหมาะสมเพิ่มขึ้นจาก 31.00 บาท เป็น 34.50 บาท
2.KTB : ราคาปิด 23.70 บาท ราคาเหมาะสม 27.00 บาท
a)คาดกำไรสุทธิ 3Q57 เติบโต +3% yoy และ +22% qoq เป็น 9.2 พันล้านบาท จากสินเชื่อ 3Q57 ที่กลับมาขยายตัว +8% yoy ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และ NIM ทรงตัวที่ 2.88% จาก 2Q57 ที่ 2.90% ขณะที่การตั้งสำรองคาดว่าจะกลับเข้าสู่ระดับปกติเหลือ 2.7 พันล้านบาทใน 3Q57 จาก 2Q57 ที่ 5.3 พันล้านบาท
b)ทิศทางสินเชื่อ 4Q57 จะเติบโตสูง และคาดว่าจะทำใกล้เคียงกับเป้าหมายทั้งปีของผู้บริหารที่ 6-8% (9M57 เติบโต +6.3% YTD) จากแรงหนุนของการปล่อยสินเชื่อให้กับโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐฯ เนื่องจากการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณเป็นเป้าหมายสำคัญของรัฐบาลเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ
c)คาดกำไรสุทธิปี 2558 เติบโต +12.9% yoy เป็น 38,054 ล้านบาท และมี Valuation ที่ยังไม่สูงมากนัก โดยซื้อขายระดับ PBV 2558 ที่ 1.3 เท่า ต่ำกว่าธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ เช่น KBANK 1.9x, SCB 1.9x และ BAY 2.1x
d)ให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลในเกณฑ์ดีราวปีละ 4% และมีนโยบายจ่ายเงินปันผลปีละ 1 ครั้ง จึงโดดเด่นกว่าหุ้นธนาคารอื่นในกลุ่ม ที่มีการจ่ายเงินปันผล 1H57 ไปแล้ว
What will DJIA move tonight? คืนนี้ไม่มีรายงานตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญ
Fund Flow Analysis
Fund Flow in Emerging Markets
เงินทุนต่างชาติวานนี้ขายสุทธิเป็นวันที่ 10 อีก US$8 ล้าน จากวันก่อนหน้าขายสุทธิ US$687 ล้าน
ตลาดหุ้น วานนี้(US$ ล้าน) วันก่อนหน้า(US$ ล้าน) YTD(US$ ล้าน) 2556(US$ ล้าน)
TAIEX 140.6 -207.5 10,873.7 9,188.0
KOSPI n.a -329.6 7,545.0 4,875.1
JSE -71.3 -122.2 4,001.8 -1,806.4
PSE -19.2 -12.9 1,279.8 678.4
ตลาดหุ้นเวียดนาม -17.5 3.7 213.8 263.2
SET INDEX -40.6 -18.8 -96.8 -6,210.5
Foreign Investors Action วานนี้
ต่างชาติลดน้ำหนักการลงทุนในไทยทั้ง 3 ตลาดเป็นวันที่ 2
วานนี้ วันก่อนหน้า
ตลาดหุ้น (ล้านบาท) -1,326 -610
SET50 Index Futures (สัญญา) -5,609 -11,405
SSF (สัญญา) +128 +140
Metal Futures (สัญญา) -2 +843
ตลาดตราสารหนี้ (ล้านบาท) -3,862 -761
นักลงทุนต่างชาติคงการขายสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 2 เร่งขึ้นเป็น 1,326 ล้านบาท รวม 2 วันทำการขายสุทธิ 1,936 ล้านบาท และทำให้ YTD นักลงทุนกลุ่มนี้ขายสุทธิเพิ่มขึ้นเป็น 4,902 ล้านบาท
ขณะที่นักลงทุนต่างชาติคงการ Short ใน SET50 Index Futures เป็นวันที่ 2 อีก 5,609 สัญญา รวม 2 วันทำการ Short สุทธิ 17,014 สัญญา เมื่อ S50Z14 ปิดสูงกว่า SET50 Index กว้างขึ้นเป็น 2.48 จุด จากวันก่อนหน้า Premium เท่ากับ 1.02 จุด
และตลาดตราสารหนี้ไทย นักลงทุนกลุ่มนี้คงการขายสุทธิเป็นวันที่ 5 เท่ากับ 3,862 ล้านบาท รวม 5 วันทำการ ขายสุทธิ 11,999 ล้านบาท กดดันให้ราคาพันธบัตรไทยลดลง โดยผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปี เพิ่มขึ้น 1.02bps ปิดที่ 3.447%
Short-Selling วานนี้
มูลค่า Short-selling ลดลงเหลือ 352 ล้านบาท จากวันก่อนหน้า 545 ล้านบาท
Stock Total Value(mn Bt) % of trading Volume Avg.Price(Bt)
KBANK 89.80 5.64% 230.80
SPALI 30.72 14.40% 25.23
PTT 25.22 1.38% 365.47
ADVANC 23.76 1.94% 222.26
ITD 21.50 3.82% 5.53
NVDR ขายสุทธิเป็นวันที่ 2 เน้นลดน้ำหนัก BBL / KBANK เป็นหลัก
การซื้อขายผ่าน NVDR วานนี้ขายสุทธิ มากถึง 1,040 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าขายสุทธิ 67 ล้านบาท โดยเป็นการขายใน BBL / KBANK เป็นหลัก สรุปภาพการลงทุนผ่าน NVDR ได้ดังนี้
1.ด้านกลุ่มธนาคารขายสุทธิสูงสุดเป็นวันที่ 7 มากถึง 1,003 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าขายสุทธิ 487 ล้านบาท ตามมาด้วยกลุ่มปิโตรเคมี ขายสุทธิ 76 ล้านบาท
2.กลุ่มวัสดุก่อสร้างถูกซื้อสุทธิสูงสุด แต่ก็เพียง 44 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 117 ล้านบาท ตามมาด้วยกลุ่มพลังงาน ซื้อสุทธิ 43 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 126 ล้านบาท
ซื้อสุทธิสูงสุด มูลค่าสุทธิ(ล้านบาท) % มูลค่าการซื้อขาย ขายสุทธิสูงสุด มูลค่าสุทธิ(ล้านบาท) % มูลค่าการขาย
INTUCH 99.83 15.93 KBANK -670.63 32.70
TMB 55.02 16.73 BBL -376.98 17.77
TTW 48.91 38.29 PTT -99.94 6.13
SCB 36.71 14.85 ADVANC -98.96 10.62
BEC 34.49 38.12 CPF -53.58 11.52
Strategist Team Maybank KimEng
Mayuree Chowvikran, CISA
Strategist / Analyst
662-6586300 x 1440
Padon Vannarat
Equity Analyst
662-6586300 x 1450
Rinrada Lianghathaitham
Assistant Analyst
662-6586300 x 1530
Twitter Channel
http://twitter.com/YipNgenYipTong