- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 30 October 2019 15:55
- Hits: 984
บล.เออีซี : Daily Focus
AECS Daily Focus
--------------
Market Outlook
• วันนี้คาดดัชนี SET แกว่งลงทดสอบแนวรับโซน 1,575-1,580 จุด โดยมีปัจจัยกดดันจากตัวเลขเศรษฐกิจในประเทศยังคงสะท้อนภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวต่อเนื่อง ขณะที่ปัจจัย ตปท.ติดตามผลการประชุม FED และการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ทั้ง Preliminary GDP 3Q62 และ ADP Nonfarm Employment Change
• Market Factor
• (watch) ติดตามตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญในช่วงสัปดาห์นี้ เช่น ตัวเลข GDP 3Q62 เบื้องต้นของสหรัฐ (Preliminary GDP 3Q62) ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตร เดือน ต.ค.จาก ADP (ADP Nonfarm Employment Change)
• (watch) จับตาผลการประชุม Fed โดยตลาดคาดจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ย 25 bps จาก CME FedWatch มีความน่าจะเป็นในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยถึง 98.3% แต่อย่างไรก็ดีคาดตลาดรับรู้การปรับลดอัตราดอกเบี้ยมามากแล้ว
• (-) สศอ.เผยดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม MPI เดือน ก.ย.62 อยู่ที่ 97.5 ลดลง 4.73%YoY ลดลงต่ำสุดในรอบ 5 เดือน ส่งผลให้ MPI ช่วง 9 เดือนแรก ของปีนี้ อยู่ที่ 103.12 ลดลง 2.59%YoY คาด MPI 4Q62 อาจจะติดลบต่อจากความเสี่ยงภาวะเศรษฐกิจโลก, สงครามการค้า และ สถานการณ์ค่าเงินบาท (อินโฟเควสท์)
• (-) ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธอส. เผยสถานการณ์ตลาดอสังหาริมทรัพย์ซบเซาตั้งแต่ 1Q- 3Q คาดจะปรับตัวดีขึ้นช่วงปลายปีจากมาตรการของรัฐบาล ขณะที่สต๊อกของบ้านและคอนโดในกรุงเทพฯและปริมณฑล เหลืออยู่กว่า 150,000 หน่วย บวกกับมีโครงการกำลังก่อสร้างและยังรอการขายจำนวนมาก เสี่ยงได้รับผลกระทบจากภาระภาษีหลัง พ.ร.บ.ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง 2562 เริ่มบังคับใช้วันที่ 1 ม.ค.63 (มติชน)
• ปรับลดประมาณการ EPS โดยข้อมูลจาก Bloomberg Consensus พบว่าเมื่อต้นปี EPSปี 62 ที่ 115.13 บาท ขณะที่ปัจจุบันเหลือเพียง 96.34 บาท หรือลดลง 16.32%YTD
• Update Flow เมื่อวานที่ผ่านมาต่างชาติกลับมาขายสุทธิในตลาดหุ้นไทย 1,473.58 ลบ.ส่งผลภาพรวม MTD.ต่างชาติขายสุทธิอยู่ที่ 4,484.47 ลบ.
Investment Strategy
• สัปดาห์นี้ เรามองตลาดแกว่งลงในกรอบ 1,575-1,615 จุด โดยแม้จะมีแรงหนุนจาก Trade war สหรัฐฯ-จีนที่มีความคืบหน้ามากขึ้นแต่ยังขาดปัจจัยสนับสนุนจากในประเทศ บวกกับยังมีเรื่องที่ต้องติดตามทั้ง BREXIT และมุมมองเฟดต่อเศรษฐกิจและการลดดอกเบี้ยในปีนี้ อย่างไรก็ดี เรายังคงแนะนำนักลงทุนระมัดระวังในการลงทุน และทยอยลงทุนในหุ้น 5 กลุ่ม ดังนี้
• หุ้นกลุ่มที่จะได้ประโยชน์จากแผนกระตุ้น ศก.ของรัฐฯทั้งมาตรการท่องเที่ยว, ชิมช้อปใช้และงานประมูลภาครัฐฯ: แนะนำหุ้นที่ได้ประโยชน์และมี Upside ได้แก่ BJC (ช่วง 2H62 คาดเห็นการฟื้นตัว HoH จากการขยายสาขาBigC มากขึ้นจากสาขาทั้งในประเทศ 7 สาขาและสาขาที่กัมพูชา 1 สาขา BigC Food Place 1 สาขา และ Mini BigC ราว 200 สาขา), SEAFCO (แม้ช่วง 2H62 คาดรับรู้งานลดลง แต่ยังมี Backlog 2.3 พัน ลบ. คาด Secured Revenue 100% ในช่วงที่เหลือของปีนี้ บวกกับยังมี Upside Risk จากงานประมูลใหม่อีก 1.9 หมื่น ลบ.), ERW (ช่วง 2H62 หลังคาดฟื้นตัวจากปัจจัยฤดูกาล บวกกับการกลับมาเปิดโรงแรมใหม่ 9 แห่ง อีกทั้งมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวจาก ครม.และมีสัญญาณฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวชาวจีน หลังจำนวนนักท่องเที่ยวจีนเดือน ส.ค. โต 15.6%YoY), CPALL (ช่วง 3Q62 แม้เข้าสู่ Low Season แต่ด้วยการจัดโปรโมชั่น แสตมป์จัดหนักกระตุ้นยอดขาย และการได้ประโยชน์จากฐานที่ต่ำของปีก่อนจะหนุนSSSG เติบโตต่อเนื่อง พร้อมยังคงเป้าขยายสาขาร้านสะดวกซื้อปีนี้ที่ 700 สาขา)
• กลุ่ม Defensive Stock: เราเลือกหุ้นที่มีอัตราจ่ายปันผลน่าดึงดูดบวกกับกำไรช่วง 2H62 มีแนวโน้มโตดี แนะนำ ASK (ช่วง 2H62 คาดกำไรสุทธิมีแนวโน้มโตต่อ หนุนด้วยสินเชื่อรถพาณิชย์ที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตามงานก่อสร้างภาครัฐฯที่จะทยอยเร่งตัวขึ้นบวกกับคาดได้ประโยชน์จากการทยอยเปลี่ยนรถตู้เป็นรถมินิบัสของผู้ประกอบการรถโดยสารสาธารณะตามมาตรการของ ขสมก.
• กลุ่มที่คาดผลดำเนินงานมีแนวโน้มดีต่อเนื่อง: เหมาะกับการทยอยซื้อสะสม โดยเน้นหุ้นที่กำไรช่วง 2Q62 คาดโต YoY และช่วง 2H62 โตต่อ แนะนำ SAWAD (คาดกำไรปี 62 โต 30.8%YoY หนุนด้วยเป้าพอร์ตสินเชื่อโต 20-30% และอีก 300 สาขา, Asset Yield ฟื้นตัวตามสัดส่วนการรับรู้รายได้ผ่านสัญญาเงินกู้ผ่าน BFIT ที่มากขึ้นโดยล่าสุด SAWAD รายงานการถือครองหุ้น BFIT หลัง Tender Offer ที่ 82.04% บวกกับต้นทุนทางการเงินที่ปรับลงหลังได้รับเงินเพิ่มทุนจากพันธมิตร), SELIC (คาดปี 62 เห็นการ Turnaround ของกำไรหลังเริ่มรวมงบการเงินกับ PMCT ซึ่งคาดเห็น Synergy ชัดเจนขึ้นจากการพัฒนาสินค้าใหม่และการขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่มใหม่), III (ช่วง 2Q62 กำไรโต 45.8%YoY หนุนด้วยธุรกิจขนส่งสินค้าทางอากาศและธุรกิจบริหารจัดการโลจิสติกส์ บวกกับมีส่วนแบ่งกำไรที่โต 364%YoY จากธุรกิจที่เข้าซื้อกิจการสิงคโปร์และฮ่องกงในปี 61-62 ตามลำดับ), ARROW (ช่วง 2H62 คาดกำไรฟื้นตัวหลังมาร์จิ้นเหล็กดีขึ้นตามต้นทุนเหล็กที่ลดลงและราคาขายที่ดี คาดหนุนกำไรทั้งปีโต 10.3%YoY บวกกับมี Backlog 1.1 พัน ลบ. และมีโอกาสได้งานใหม่ๆ เพิ่ม)
• หุ้นกลุ่มร.พ.ขนาดกลางที่คาดกำไรช่วง 3Q62 โตเด่น เข้าสู่ High Season: BCH (ช่วง 3Q62 คาดกำไรโตทั้ง QoQ, YoY หนุนด้วยการเข้าสู่ช่วง High Season บวกกับการบันทึกรายได้ส่วนเพิ่มของภาระเสี่ยงขณะที่ผู้ป่วยตะวันออกกลางคาดกลับมาฟื้นตัวหลังมีการเพิ่ม ชม.การทำงานของแพทย์ด้านเบาหวาน, CHG (ช่วง 2H62 คาดกำไรโต YoY หนุนด้วยสัญญาณฟื้นตัวจาก รพ.ที่เพิ่งเปิดใหม่ทั้ง รพ.จุฬารัตน์ 304 อินเตอร์ และ รพ.รวมแพทย์ฉะเชิงเทรา บวกกับอาจมีการขอเพิ่มสัดส่วนโควต้าประกันสังคมหลังมีผู้ประกันตนราว 432,640 คน (จากโควต้า 440,000 คน)
• หุ้นที่คาดกำไรช่วง 3Q62 โต YoY, QoQ และทั้งปี 62 ยังโตเด่น: SSP, BPP, JWD, SABINA, S11, AMATA, PLANB, PRM
29-Oct-19 Change (pts.) 28-Oct-19
SET Index 1,591.21 -5.27 1,596.48
SET50 Index 1,066.48 -4.20 1,070.68
SET100 Index 2,341.33 -9.10 2,350.43
High 1,605.45 Gainers 649
Low 1,588.82 Unchanged 405
Value (Bt m) 57,421.11 Losers 945
Volume (*000) 19,490,873
Market Valuation
SET Data 2019F 2020F Long Term
Fwd PER (x) 16.5 14.8 14.8
EPS Growth (%) 13.9 9.3 -4.3
EV/EBITDA (x) 0.0 0.0 0.0
FWD PBV (x) 1.8 1.7 1.6
Dividend Yield (%) 3.1 3.4 3.7
ROE 10.3 10.6 10.6
Net Buy/Sell by Investor Types
Unit : M Bt 29-Oct-19 WTD MTD YTD
Institution 1,339.66 1,992.47 (6,458.05) 17,797.00
Proprietary (38.84) (542.36) (1,915.20) 11,580.97
Foreign (1,473.58) (2,123.41) (4,448.49) (9,677.34)
Individual 172.76 673.30 12,821.75 (19,700.64)
AECS ( Fundamental and Strategic Team )
จิรภัทร โบสุวรรณ (ID. 040051) [email protected]
ภัทรพล จันทร์อินทร์ (ID. 089932) [email protected]
ธีรยุทธ ฤทธิเผ่าพันธุ์ ผู้ช่วยนักวิเคราะห์
สุวรรณา อัศวเหล่าวรพงศ์ Data Support / Secretary