WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

BLSบล.บัวหลวง : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
ภาพตลาดและแนวโน้ม
Market wrap & Outlook  
          เมื่อวานดัชนีฯหุ้นไทยรีบาวด์ ตามคาด : นำขึ้นโดยหุ้นที่ส่วนใหญ่ลงแรง (มาก) ก่อนหน้านี้ เช่น BH +9% IVL +6% / OSP +2.9% GPSC +2.5% AOT SCC SCB แต่หุ้นนำลงจากความวิตกเรื่อง สหรัฐฯตัดสิทธิ์ GSP ส่งออกไทย ปิดติดลบเฉลี่ย 3-4% ได้แก่ TU CPF HANA DELTA (เราต้องขอย้ำว่า ในความเป็นจริง บจ.เหล่านี้ไม่ได้ใช้สิทธิ GSP ดังกล่าว ดังนั้นจึงไม่ได้กระทบพื้นฐาน) สำหรับ หุ้นกลาง-เล็ก บวกเด่นๆ ได้แก่ BFIT RBF PSL NEX เป็นต้น          
          วันนี้ ดัชนีฯรีบาวด์ในแนวโน้มขาลง ต่อจากเมื่อวาน : กรอบ 1585-1610 จุด
What to watch      
          (0/+) SCC ประกาศงบ 3Q19 กำไรหลัก 7.9 พันลบ. ตามคาด : แม้ว่ากำไรสุทธิจะต่ำคาดจากรายการพิเศษ แต่ราคาหุ้นเมื่อวานไม่ลงตามกำไรสุทธิที่ต่ำกว่าคาด ทั้งนี้ SCC ประกาศมติบอร์ด Spinoff นำบริษัทฯบรรจุภัณฑ์ SCGP ในเครือ SCC เข้าตลาด     
          (+/-) คาด เฟด ลดดอกเบี้ย และสัปดาห์หน้า กนง.ลดตาม : ในระหว่างสัปดาห์นี้ปัจจัยดังกล่าว จะมีผลต่อความคาดหวังเชิงบวกหุ้นสินเชื่อบุคคล / และผลเชิงลบต่อกลุ่มธนาคาร การประชุม เฟด 30-31 ตค. คาดเฟดลดดอกเบี้ยลงอีก 0.25% เหลือ 1.5-1.75% นอกจากนี้ ยังมีความคาดหวังว่าจะมีรายละเอียด เรื่องการอัดฉีดสภาพคล่องเพิ่มเติมตามรายงานประชุม เฟด เมื่อ 11 ตค.ที่ผ่านมาด้วย และประชุม กนง. 6 พย.คาด ลดดอกเบี้ยลง 0.25% เหลือ 1.25%  
          (+/-) งบ 3Q19 ที่เพิ่งออกเช้านี้ : HMPRO 1.48 พันลบ. น้อยกว่าคาดที่ 1.52 พันลบ. เล็กน้อย / DELTA 618 ลบ. ต่ำคาดไป 28%  สะท้อนสัญญาณ "งบหุ้นส่งออก" ยังอาการหนัก ส่วนค้าปลีกในประเทศยังพอไปไหว ขนาด SSS ของ HMPRO ติดลบ -1.8% y-y งบยังออกมาดีเมือเทียบกับปีที่แล้ว 1.36 พันลบ.       
หุ้นแนะนำวันนี้
          TACC แนวรับ 5 แนวต้าน 5.4 Stop loss 4.8  
          RBF กำไรครึ่งปีนี้ราว 150 ลบ คิดเป็น PE จากราคาจองราว 22 เท่า อิง Peak PE หุ้น XO ที่ตลาดเคยเทรดช่วงแรกของการเข้าเทรด คาด ราคาหุ้นมีแนวโน้มไปได้ถึง 4.8-5 บ.    
          วิกิจ ถิรวรรณรัตน์ Tel. (662) 618-1336
          นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน/ปัจจัยทางเทคนิค
          ธนัท พจน์เกษมสิน,นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน
          นภนต์ ใจแสน, นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน
รายงานวันนี้
กลุ่มท่องเที่ยว MINT และ ERW น่าเล่นตามการกลับมาของนักท่องเที่ยว
          นักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางมาประเทศไทยคาดว่าจะอยู่ที่ 9.5 ล้านคนใน 3Q19 เพิ่มขึ้น 5% YoY และ 6% QoQ นักท่องเที่ยวต่างประเทศใน 4Q19 คาดที่ 10.5 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 8% YoY และ 10% QoQ การขยายฟรีวีซ่าไปถึง 30 เมษายน 2563 สำหรับ 21 ประเทศรวมถึงตลาดที่สำคัญอย่างจีนและอินเดียและฤดูกาลที่สูง ปริมาณนักท่องเที่ยวต่างชาติใน 1Q19 อาจสูงที่สุดในรอบไตรมาสใหม่ในช่วงไตรมาสที่ดีที่สุดของปีสำหรับการท่องเที่ยว
          มุมมองพื้นฐาน: นักวิเคราะห์เราแนะนำให้ Let profit run สำหรับ AOT และแนะนำ ซื้อ MIMT และ ERW จากกำไร 3Q19 ที่โดดเด่นกว่ากลุ่ม (ดูคาดการณ์กำไรในฉบับเต็ม)
          มุมมองกลยุทธ์: กลยุทธ์ยังคงมีมุมมองที่ค่อนข้างระมัดระวังต่อหุ้นโรงแรม เพราะกาเร่งทำการตลาดของโรงแรมต่างๆ ผ่านออนไลน์ (OTA) นั้นอาจส่งผลให้ค่าห้องเฉลี่ยต่ำกว่าคาด แนะนำ wait and see สำหรับกลุ่มโรงแรม จนกว่าจะมีข่าวความชัดเจนในประเด็นที่ กมธ.จากหน่วยงานรัฐ กำลังศึกษา หาทางแก้ปัญหาดังกล่าว (คอนโดปล่อยเช่า, โฮมสเตย์, Air BNB)  
TU  ประเด็นจากการตัดสิทธิ GSP สินค้าไทย
          ผลิตภัณฑ์หลักของบริษัท ได้แก่ ทูน่าและกุ้ง ไม่เคยได้รับสิทธิพิเศษทางภาษีการค้า (GSP) จากสหรัฐฯ ก่อนหน้าอยู่แล้ว ดังนั้นการตัดสิทธิ GSP ของสินค้าของไทยที่นำเข้าไปในสหรัฐฯ จึงไม่ส่งผลกระทบทางลบต่อ TU แต่อย่างใด ปัจจุบันธุรกิจหลักของ TU ได้แก่ ทูน่ากระป๋องเสียภาษีนำเข้าไปที่สหรัฐฯ ในอัตรา 12.5% และกุ้งเสียภาษีนำเข้าไปที่สหรัฐฯ ที่อัตรา 5% โดยมีเพียง 2 ผลิตภัณฑ์ที่ TU ได้รับประโยชน์จาก GSP ของสหรัฐฯ ได้แก่ ผลิตภัณฑ์อาหารสำเร็จรูปที่ทำจากข้าว และผลิตภัณฑ์อาหารที่มีกุ้งเป็นส่วนผสม เรามองว่าผลกระทบทางลบจากการตัดสิทธิ GSP ต่ออุตสาหกรรมอาหารทะเลส่งออกของไทยไปยังสหรัฐฯ ถือว่าไม่ได้มีนัยสำคัญ เพราะสินค้ามูลค่าสูงอย่างเช่น กุ้งและทูน่า ไม่ได้รับผลกระทบ  
          มุมมองพื้นฐาน: นักวิเคราะห์เรายังคงคำแนะนำ ซื้อ TU ราคาเปาหมาย 23.50 บาท เนื่องจาก valuation ที่กลับมาดูน่าสนใจอีกครั้งจากราคาหุ้นที่ปรับตัวลดลง
          มุมมองกลยุทธ์: ราคาหุ้นปรับตัวลงมาลึกจากแรกกดดันดังกล่าว แต่ในความเป็นจริงบริษัทได้ให้ข้อมูลผ่านการประชุมนักวิเคราะห์แล้วว่าผลกระทบต่อกำไรนั้นแทบไม่มี  เรามองว่าเป็นโอกาสให้ซื้อเพื่อเล่นเด้งได้ (และเผื่อ stop loss 13.00 บาท)  
Flow Tracker คาดตลาดหุ้นไทยกลับมาเผชิญแรงขายอีกในช่วงหลายสัปดาห์ข้างหน้า
          ในสัปดาห์ที่ผ่านมานักลงทุนต่างชาติกลับมาซื้อหุ้นไทยโดยซื้อที่ระดับ 143 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งกลับจากสัปดาห์ก่อนหน้าที่ขายสุทธิ 92 ล้านเหรียญ สำหรับกระแสเงินลงทุนในภูมิภาค 5 ประเทศที่เราดู พบว่ากระแสเงินจากต่างชาติรวมเป็นยอดซื้อสุทธิ 1,931 ล้านเหรียญ ซึ่งเป็นการซื้อต่อเนื่องกลับจากสัปดาห์ก่อนหน้าที่ซื้อสุทธิ 983 ล้านเหรียญ ดัชนีระยะสั้นของเราชี้ว่าตลาดหุ้นไทยมีแนวโน้มกลับมาเผชิญแรงขายอีกครั้งในช่วงต้นเดือน พ.ย.ท่ามกลางการประกาศผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนฯซึ่งคาดว่าจะอ่อนแอ ทั้งนี้ดัชนี Volume Flow ของตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงในสัปดาห์ที่ผ่านมาและเราคาดว่าดัชนีดังกล่าวจะปรับตัวลงอีกในช่วงหลายสัปดาห์ข้างหน้า
Quantitative Strategy ความผันผวนของตลาดมีแนวโน้มพุ่งสูงขึ้น
          ในช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมาตลาดหุ้นไทยปรับตัวลง 2.5% เนื่องจากตลาดหุ้นไทยกำลังเข้าสู่ช่วงฤดูกาลประกาศผลประกอบการซึ่งคาดว่าจะอ่อนแอ เราคาดว่าดัชนีตลาดหุ้นไทยยังไม่ผ่านจุดต่ำสุด ขณะที่ความผันผวนของตลาดหุ้นไทยมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น และแบบจำลองของเราคาดการณ์ว่าค่าความผันผวนดังกล่าวจะพุ่งขึ้นทะลุระดับเส้นค่าเฉลี่ยระยะยาวในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ดังนั้นเราเชื่อว่าภาวะตลาดผันผวนเพิ่งจะเริ่มขึ้น เราคาดว่าโอกาสที่ตลาดหุ้นไทยจะปรับตัวลงสู่ระดับ 1460-1560 จุดในช่วงต้น พ.ย. มีความเป็นไปได้สูง
หุ้นมีข่าว
ACE
          * บมจ.แอ๊บโซลูท คลีน เอ็นเนอร์จี้ (ACE) กำหนดช่วงราคาเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) จำนวน 1,018,000,000 หุ้น ในช่วง 4.00-4.40 บาท กำหนดระยะเวลาจองซื้อสำหรับบุคคลทั่วไปวันที่ 1, 4-5 พ.ย.62 จำนวน 407,200,000 หุ้น คิดเป็น 40% ส่วนผู้ลงทุนสถาบันจะเสนอขายในวันที่ 6-7 พ.ย.62 จำนวน 610,800,000 หุ้น คิดเป็น 60% รวมมูลค่าการเสนอขาย 4,072,000,000-4,479,200,000 บาท  
          ทั้งนี้ ACE คาดว่าจะนำหุ้นสามัญเพิ่มทุนเข้าจดทะเบียนและซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ในวันที่ 13 พ.ย.นี้ (ที่มา อินโฟเควสท์)
PRIME
          * หุ้น FC เดิม ย้ายเข้าเทรด SET เริ่ม 30 ตค.นี้ (ที่มา ตลท.)   
AOT
          0 สั่งทอท.หั่นแลนดิ้งฟรีลง 50% ไม่ยุบ สนามบินหาดใหญ่-แม่ฟาหลวงเชียงราย  
          ศักดิ์สยาม สั่ง ทอท.หั่นค่าจอดเครื่องบินช่วงไฮซีซั่นลง 50% ยันไม่มีนโยบายปรับลดหรือยกเลิกสนามบินในสังกัด พร้อมสั่งตั้งทีมหนุนท่องเที่ยว เร่งเดินหน้าซื้อเครื่องบินใหม่ ยันแอร์บัสเข้าร่วมเอ็มอาร์โออู่ตะเภาแน่ (ที่มา ไทยโพสต์)
          "ศักดิ์สยาม" ยันไม่ยุบสนามบินแม่ฟาหลวง หาดใหญ่ พร้อมเดินหน้าลงทุนเพิ่ม เพื่อพัฒนาศักยภาพการแข่งขันทั้ง 6 สนามบิน ส่วนเทอร์มินอล 2 วงเงิน 4.2 หมื่นล้านบาท มั่นใจไม่สะดุด ชี้ต้องกล้าตัดสินใจเพราะจำเป็น คาดชง สศช. ได้ภายในเดือน พ.ย.นี้ และจะ ก่อสร้างแล้วเสร็จไม่เกินปี 65 ขณะเดียวกันกำชับให้ ทอท.-ทย.จับมือ สนับสนุนมาตรการกระตุ้นท่องเที่ยว ลดค่าแลนดิ้ง 50% ให้เที่ยวบินเช่าเหมาลำ จูงใจช่วงไฮซีซัน 3 เดือน และพิจารณาฟืนแผนโอนกระบี่ให้ ทอท. เร่งเชียงใหม่, ภูเก็ต แห่งที่ 2 (ที่มา ผู้จัดการ)   
SCB
          * PACE เดินหน้าถก "แบงก์เอสซีบี" ชง 3 แนวทางแก้ปัญหาหนี้ก้อนโตกว่า 1.2 หมื่นล้านบาท ทั้ง "หาพันธมิตรใหม่-แปลงหนี้เป็นทุน-ขอฟื้นฟูกิจการ" หวังได้ข้อสรุปก่อน 4 พ.ย.นี้ หลังเอสซีบีร่อนหนังสือกำหนดเส้นตายชำระหนี้ภายในเดือนพ.ย.นี้กว่า 9,479 ล้านบาท (ที่มา กรุงเทพธุรกิจ)
BGRIM-TU   
          + 8 หุ้นเฮ!เลื่อนใช้ TAS32 บี.กริมยันอิงเกณฑ์ใหม่
           สภาวิชาชีพบัญชียันใช้มาตรฐานบัญชีใหม่ TAS 32 ปี 63 แน่นอน ส่วนบริษัทจดทะเบียน 8 แห่งที่มีสัดส่วนหุ้นกู้ด้อยสิทธิคล้ายทุนกว่า 7.7 หมื่นล้าน จะมีการเลื่อนการบังคับใช้ออกไป แต่ในส่วนที่กำลังออกใหม่ต้องทำตามเกณฑ์ ด้าน BGRIM-TU ย้ำปรับตามเกณฑ์ใหม่แล้ว (ที่มา ข่าวหุ้น)  
Geopolitical
          */0 รัฐสภาอังกฤษเตรียมลงคะแนนเสียงในวันนี้ว่าจะอนุมัติข้อเสนอจัดการเลือกตั้งในวันที่ 12 ธ.ค.นี้หรือไม่ ซึ่งหากรัฐสภาโหวตรับรองข้อเสนอดังกล่าว นายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษก็จะมีเวลาเตรียมตัวผลักดันร่างกฎหมายการถอนตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) ไปจนถึงวันที่ 6 พ.ย. ซึ่งจะเป็นวันยุบสภา (ที่มา อินโฟเควสท์)
          และ EU ยอมเลื่อนเส้นตายออกไปจากเดิม 31 ตค.นี้ เป็น 31 มค.63   
Trend Forecasting
SET Index ปิด 1,596.48 (+0.2%) มูลค่าการซื้อขาย 4.9 หมื่นล้านบาท
แนวโน้มระยะสั้นมอง
          SET Index แนวรับ 1,585 แนวต้าน 1,605/ SET100 รับ 2,340 ต้าน 2,360 BSET100 รับ 10.20 ต้าน 10.35 / BMSCITH รับ 11.53 ต้าน 11.65
หัวข้อ: วางกลยุทธ์ SET Index... สัญญาณแบบไหนเด้งแรง!
กลยุทธ์เทคนิค:
          สถานการณ์เดือนนี้ไม่ค่อยสู้ดี ผลตอบแทนดัชนีตลาดหุ้นไทยล่าสุด -2.65% ต่ำสุดในภูมิภาค Asian Pacific และมีเพียงแค่ 2 ประเทศเท่านั้นที่ติดลบ ขณะที่ตลาดหุ้นนิเคอิมาแรงสุด +5% ไต้หวันรองแชมป์ +4.4% ดังนั้นเราจะมาวางกลยุทธ์กันว่า ดัชนีลงมาตรงไหนถึงน่าสู้ แนวรับบริเวณใดเสี่ยงต่ำ และมุมอื่น เช่นปันผลตลาดจะน่าสนใจมากขึ้น หากดัชนีลงมาถึงไหน....... อ่านเพิ่มเติมและหาคำตอบในมุมมองทางเทคนิคด้านล่างได้เลยครับ...  
มุมมองทางเทคนิค:
          ภาพดัชนีด้านบน ขอมองและเรียนรู้ไปกับเหตุการณ์ในอดีตช่วงหุ้นตกแรง ปีนี้เจอจังๆ 3 ครั้ง ภาพคล้ายกันคือ RSI ลงไปต่ำสุดๆ สัญญาณกลับตัวจะเกิดขึ้นเมื่อ RSI cross signal line ขึ้น โครงสร้างปัจจุบันดูเหมือนจะลงมาไม่แรงสุด RSI ไม่ต่ำกว่า 30 หรือ Oversold นั่นเอง อย่างไรก็ตามกราฟแท่งเทียนบ่งชี้โอกาสการกลับตัวระยะสั้น " Morning Star" มักจะเกิดช่วงตลาดลงแรง ส่วนปันผลของตลาด SET Dividend Yield กำลังขึ้นมาถึงจุดที่น่าสนใจ เอาเป็นว่าถ้าเกิน 3.15% นักลงทุนจะเริ่มกลับมามองหาหุ้นมากขึ้นเนื่องจากปันผลสูงนั่นเอง สรุป:ตลาดระยะสั้นอาจจะกลับตัวขึ้นได้แต่จะไม่แรงมาก ขึ้นเบาๆ แต่หากรอบหน้าลงมาอีกที ถึงจุดเสี่ยงต่ำคาดว่าดัชนีน่าจะเด้งแรงได้ มองแนวรับระยะสั้น 1580 จุด ส่วนมองกันยาวๆแนวรับจะอยู่ที่ 1550 จุด ถึงตรงนี้คงต้องเลือกสู้กันสักตั้ง....
วิธีการเลือกหุ้น:
          โครงสร้างตลาดเกิดความเสี่ยงหลังจากหลุด Low 1600 จุด แนะใช้เครื่องมือที่เหมาะสมกับภาวะขาลง ได้แก่ EMA, Stochastic, MACD, , Price pattern
          *Overbought&Divergence* Utility sector
โมเดลพอร์ตทางเทคนิค:
          สรุปผลตอบแทนการลงทุน Year to date +7.67% สูงกว่าตลาดที่ +1.88%  
          *Addition(หุ้นเพิ่ม):BDMS *Deletion(หุ้นออก): --ไม่มี--
          หุ้นคงเหลือ:  MTC, AOT, JMART, DTAC, MAJOR, TQM, TACC, JAS, BCH, BEM  
          ธนรัตน์ อิศรกุลนักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์และปัจจัยทางเทคนิค                                            
          [email protected] +662-618-1334
Track with Technical: "Triple B"
          BDMS (BDMS01C2002A)
          แนวโน้ม กลับตัวขาขึ้น
          รับ 23.70
          ต้าน 27.00
          เหตุผล BDMS ทะลุ high รอบ 2 สัปดาห์ จับตา MACD > 0 จะยืนยันโครงสร้างกลับตัวเป็นขาขึ้นรอบใหม่
          BCH (BCH01C2001A)
          แนวโน้ม Bull EMA+MACD
          รับ 16.30
          ต้าน 18.00
          เหตุผล สัญญาณกลับตัว Bull EMA+Bull MACD เกิดขึ้นพร้อมกันยืนยันทิศทางขาขึ้น   
          BEM (BEM01C2004A)
          แนวโน้มทรงสวยซื้อเพิ่ม
          รับ 10.60
          ต้าน 11.60
          เหตุผล หุ้นยืนเหนือเส้นแนวโน้มได้อย่างแข็งแกร่ง ยืนยันรูปแบบขาขึ้นสนับสนุนด้วย RSI บ่งชี้ความแข็งแกร่งด้านราคา

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!