- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 29 October 2019 16:11
- Hits: 2445
บล.เออีซี : Daily Focus
AECS Daily Focus
--------------
Market Outlook
• วันนี้คาดดัชนี SET รีบาวด์ มองยังจำกัดตัวบริเวณแนวต้าน 1,610 และ 1,615 จุด หลังได้ปัจจัยตปท.หนุนจากประเด็น Trade war ที่ผู้นำสหรัฐฯ เผยความคืบหน้าการเจรจาเฟสแรกอาจบรรลุข้อตกลงได้ก่อนการประชุม APEC บวกกับประเด็น Brexit ได้ข้อยุติร่วมกันให้ขยายกรอบเวลาออกไป ขณะที่ปัจจัยในประเทศยังถูกกดดันจากภาพเศรษฐกิจที่ชะลอตัวต่อเนื่อง
• Market Factor
• (+) การเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีนมีความคืบหน้า หลังประธานาธิบดีสหรัฐฯ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ส่งสัญญาฯ ลงนามข้อตกลงทางการค้าเฟสแรกกับทางจีนก่อนกำหนดการเดิมที่จะมีการลงนามในการประชุม APEC วันที่ 16-17 พ.ย. 62
• (+) สหรัฐฯ พิจารณายืดการยกเว้นภาษีนำเข้าสินค้าจีนบางรายการราว 1,000 รายการ มูลค่า 3.4 หมื่นล้านดอลลาร์ จนถึงเดือน ธ.ค.
• (+) EU เห็นชอบขยายเวลา Brexit ออกไปเป็นวันที่ 31 ม.ค. 63 จากเดิมวันที่ 31 ต.ค. 62 ทำให้ตลาดคลายกังวล No-deal Brexit
• (-) สศค.ปรับลดคาดการณ์ GDP ปี 62 เหลือเติบโตราว 2.8% จากเดิมคาดโตได้ถึง 3% หลังประเมินว่าการส่งออกทั้งปีนี้อาจติดลบราว 2.5% มากกว่าเดิมที่คาดว่าจะติดลบราว 0.9% ขณะที่คาดว่า GDP ในช่วงครึ่งหลังของปีนี้จะเติบโตราว 3.1%(อินโฟเควสท์)
• ปรับลดประมาณการ EPS โดยข้อมูลจาก Bloomberg Consensus พบว่าเมื่อต้นปี EPSปี 62 ที่ 115.13 บาท ขณะที่ปัจจุบันเหลือเพียง 96.43 บาท หรือลดลง 16.24%YTD
• Update Flow เมื่อวานที่ผ่านมาต่างชาติกลับมาขายสุทธิในตลาดหุ้นไทย 649.83 ลบ.ส่งผลภาพรวม MTD.ต่างชาติขายสุทธิอยู่ที่ 2,974.89 ลบ.
Investment Strategy
• สัปดาห์นี้ เรามองตลาดแกว่งลงในกรอบ 1,575-1,615 จุด โดยแม้จะมีแรงหนุนจาก Trade war สหรัฐฯ-จีนที่มีความคืบหน้ามากขึ้น แต่เรามองตลาดเผชิญปัจจัยลบจากการเติบโตของเศรษฐกิจไทยที่มีสัญญาณชะลอตัวชัดเจนขึ้น ขณะที่เรามองว่าการประชุม Fed ในวันที่ 29-30 ต.ค.นี้ เรามองว่าตลาดรับข่าวว่า Fed มีโอกาสลดดอกเบี้ยลงอีก 0.25% ไปแล้ว อย่างไรก็ดี เรายังคงแนะนำนักลงทุนระมัดระวังในการลงทุน และทยอยลงทุนในหุ้น 5 กลุ่ม ดังนี้
• หุ้นกลุ่มที่จะได้ประโยชน์จากแผนกระตุ้น ศก.ของรัฐฯทั้งมาตรการท่องเที่ยว, ชิมช้อปใช้และงานประมูลภาครัฐฯ: แนะนำหุ้นที่ได้ประโยชน์และมี Upside ได้แก่ BJC (ช่วง 2H62 คาดเห็นการฟื้นตัว HoH จากการขยายสาขา BigC มากขึ้นจากสาขาทั้งในประเทศ 7 สาขาและสาขาที่กัมพูชา 1 สาขา BigC Food Place 1 สาขาและ Mini BigC ราว 200 สาขา), SEAFCO (แม้ช่วง 2H62 คาดรับรู้งานลดลง แต่ยังมี Backlog 2.3 พัน ลบ. คาด Secured Revenue 100% ในช่วงที่เหลือของปีนี้ บวกกับยังมี Upside Risk จากงานประมูลใหม่อีก 1.9 หมื่น ลบ.), ERW (ช่วง 2H62 หลังคาดฟื้นตัวจากปัจจัยฤดูกาล บวกกับการกลับมาเปิดโรงแรมใหม่ 9 แห่ง อีกทั้งมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวจาก ครม.และมีสัญญาณฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวชาวจีน หลังจำนวนนักท่องเที่ยวจีนเดือน ส.ค. โต 15.6%YoY), CPALL (ช่วง 3Q62 แม้เข้าสู่ Low Season แต่ด้วยการจัดโปรโมชั่น แสตมป์จัดหนักกระตุ้นยอดขาย และการได้ประโยชน์จากฐานที่ต่ำของปีก่อนจะหนุน SSSG เติบโตต่อเนื่อง พร้อมยังคงเป้าขยายสาขาร้านสะดวกซื้อปีนี้ที่ 700 สาขา)
• กลุ่ม Defensive Stock: เราเลือกหุ้นที่มีอัตราจ่ายปันผลน่าดึงดูดบวกกับกำไรช่วง 2H62 มีแนวโน้มโตดี แนะนำ ASK (ช่วง 2H62 คาดกำไรสุทธิมีแนวโน้มโตต่อ หนุนด้วยสินเชื่อรถพาณิชย์ที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตามงานก่อสร้างภาครัฐฯ ที่จะทยอยเร่งตัวขึ้นบวกกับคาดได้ประโยชน์จากการทยอยเปลี่ยนรถตู้เป็นรถมินิบัสของผู้ประกอบการรถโดยสารสาธารณะตามมาตรการของ ขสมก.
• กลุ่มที่คาดผลดำเนินงานมีแนวโน้มดีต่อเนื่อง: เหมาะกับการทยอยซื้อสะสม โดยเน้นหุ้นที่กำไรช่วง 2Q62 คาดโต YoY และช่วง 2H62 โตต่อ แนะนำ SAWAD (คาดกำไรปี 62 โต 30.8%YoY หนุนด้วยเป้าพอร์ตสินเชื่อโต 20-30% และอีก 300 สาขา, Asset Yield ฟื้นตัวตามสัดส่วนการรับรู้รายได้ผ่านสัญญาเงินกู้ผ่าน BFIT ที่มากขึ้นโดยล่าสุด SAWAD รายงานการถือครองหุ้น BFIT หลัง Tender Offer ที่ 82.04% บวกกับต้นทุนทางการเงินที่ปรับลงหลังได้รับเงินเพิ่มทุนจากพันธมิตร), SELIC (คาดปี 62 เห็นการ Turnaround ของกำไรหลังเริ่มรวมงบการเงินกับ PMCT ซึ่งคาดเห็น Synergy ชัดเจนขึ้นจากการพัฒนาสินค้าใหม่และการขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่มใหม่), III (ช่วง 2Q62 กำไรโต 45.8%YoY หนุนด้วยธุรกิจขนส่งสินค้าทางอากาศและธุรกิจบริหารจัดการโลจิสติกส์ บวกกับมีส่วนแบ่งกำไรที่โต 364%YoY จากธุรกิจที่เข้าซื้อกิจการสิงคโปร์และฮ่องกงในปี 61-62 ตามลำดับ), ARROW (ช่วง 2H62 คาดกำไรฟื้นตัวหลังมาร์จิ้นเหล็กดีขึ้นตามต้นทุนเหล็กที่ลดลงและราคาขายที่ดี คาดหนุนกำไรทั้งปีโต 10.3%YoY บวกกับมี Backlog 1.1 พัน ลบ. และมีโอกาสได้งานใหม่ๆ เพิ่ม)
• หุ้นกลุ่ม ร.พ.ขนาดกลางที่คาดกำไรช่วง 3Q62 โตเด่น เข้าสู่ High Season: BCH (ช่วง3Q62 คาดกำไรโตทั้ง QoQ, YoY หนุนด้วยการเข้าสู่ช่วง High Season บวกกับการบันทึกรายได้ส่วนเพิ่มของภาระเสี่ยงขณะที่ผู้ป่วยตะวันออกกลางคาดกลับมาฟื้นตัวหลังมีการเพิ่มชม.การทำงานของแพทย์ด้านเบาหวาน, CHG (ช่วง 2H62 คาดกำไรโตYoYหนุนด้วยสัญญาณฟื้นตัวจาก รพ.ที่เพิ่งเปิดใหม่ทั้ง รพ.จุฬารัตน์ 304 อินเตอร์ และ รพ.รวมแพทย์ฉะเชิงเทรา บวกกับอาจมีการขอเพิ่มสัดส่วนโควต้าประกันสังคมหลังมีผู้ประกันตนราว 432,640 คน (จากโควต้า 440,000 คน)
• หุ้นที่คาดกำไรช่วง 3Q62 โต YoY, QoQ และทั้งปี 62 ยังโตเด่น: SSP, BPP, JWD, SABINA, S11, AMATA, PLANB, PRM
28-Oct-19 Change (pts.) 25-Oct-19
SET Index 1,596.48 3.20 1,593.28
SET50 Index 1,070.68 4.34 1,066.34
SET100 Index 2,350.43 8.73 2,341.70
High 1,599.10 Gainers 640
Low 1,579.13 Unchanged 449
Value (Bt m) 49,889.55 Losers 918
Volume (*000) 20,178,539
Market Valuation
SET Data 2019F 2020F Long Term
Fwd PER (x) 16.6 14.9 14.9
EPS Growth (%) 13.9 9.3 -4.2
EV/EBITDA (x) 0.0 0.0 0.0
FWD PBV (x) 1.8 1.7 1.6
Dividend Yield (%) 3.1 3.4 3.7
ROE 10.3 10.6 10.6
Net Buy/Sell by Investor Types
Unit : M Bt 28-Oct-19 WTD MTD YTD
Institution 652.81 652.81 (7,797.71) 16,457.35
Proprietary (503.52) (503.52) (1,876.37) 11,619.81
Foreign (649.83) (649.83) (2,974.91) (8,203.76)
Individual 500.53 500.53 12,648.98 (19,873.40)
AECS ( Fundamental and Strategic Team )
จิรภัทร โบสุวรรณ (ID. 040051) [email protected]
ภัทรพล จันทร์อินทร์ (ID. 089932) [email protected]
ธีรยุทธ ฤทธิเผ่าพันธุ์ ผู้ช่วยนักวิเคราะห์
สุวรรณา อัศวเหล่าวรพงศ์ Data Support / Secretary