- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 25 October 2019 11:47
- Hits: 2373
บล.เออีซี : Daily Focus
AECS Daily Focus
--------------
Market Outlook
• วันนี้มองตลาดแกว่งในกรอบ 1,605-1,630 จุด ด้วยแรงกดดันต่อเนื่องหลังหุ้นกลุ่มธนาคารปรับตัวลงวานนี้ KBank ปรับลดเป้าหมายทางการเงินปี 63 ขณะที่ยังขาดปัจจัยหนุนใหม่ทั้งในและต่างประเทศ โดยแม้ ECB จะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจออกมาวานนี้ แต่เรามองว่าไม่ส่งผลต่อตลาดหุ้นไทยมากนัก ส่วนประเด็นการลดดอกเบี้ยของ Fed ในสัปดาห์หน้า เรามองตลาดรับข่าวดังกล่าวไปก่อนหน้านี้แล้ว
• Market Factor
• (0) ECB มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 0% บวกกับจะเริ่มทำ QE ในเดือน พ.ย. 62 โดยซื้อพันธบัตรบัตรวงเงิน 2 หมื่นล้านยูโรต่อเดือน
• (0) ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือน ก.ย. ปรับลง 1.1%MoM ต่ำสุดในรอบ 4 เดือน ส่งสัญญาณภาคการผลิตที่ชะลอตัว ทำให้มีโอกาสที่ Fed จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งถัดไปในวันที่ 29-30 ต.ค. มากขึ้นจาก CME FedWatch มีความน่าจะเป็นในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยถึง 93.5% แต่อย่างไรก็ดีคาดตลาดรับรู้การปรับลดอัตราดอกเบี้ยมามากแล้ว
• (ติดตาม) กระทรวงพาณิชย์เปิดเผยว่า วันนี้ (25 ต.ค.) นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พาณิชย์ จะเชิญเอกชนและหน่วยงานภาครัฐร่วมประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนด้านการพาณิชย์ เช่น หอการค้า สอท. ธปท. ผู้ส่งออก เพื่อหารือแนวทางการขับเคลื่อนส่งออกไทยหลังจากสถานการณ์การค้าของโลกได้รับผลกระทบจากสงครามการค้าสหรัฐฯ-จีน, เศรษฐกิจโลกชะลอตัว, Brexit และค่าเงินบาท (ข่าวสด)
• (+) วานนี้ CPH เซ็นรถไฟฟ้า 3 สนามบิน ด้วยมูลค่าเงินลงทุน 2.24 แสน ลบ. คาดเริ่มก่อสร้างใน 1 ปี แล้วเสร็จใน 5 ปี เปิดบริการในปี 66
• ปรับลดประมาณการ EPS โดยข้อมูลจาก Bloomberg Consensus พบว่าเมื่อต้นปี EPSปี 62 ที่ 115.13 บาท ขณะที่ปัจจุบันเหลือเพียง 98.41 บาท หรือลดลง 14.43%YTD
• Update Flow เมื่อวานนี้ต่างชาติพลิกซื้อสุทธิในตลาดหุ้นไทย 2,826.16 ลบ.ส่งผลภาพรวม MTD. ต่างชาติขายสุทธิอยู่ที่ 3,791.52 ลบ.
Investment Strategy
• วันนี้ถึงสัปดาห์หน้า เรามองตลาดแกว่งในกรอบ 1,600-1,630 จุด โดยมีโอกาสเปิด Downside มากกว่าหลังขาดปัจจัยหนุนใหม่ และมาตรการกระตุ้น ศก.ที่ออกมาไม่ได้กระตุ้นตลาดเท่าที่คาด นอกจากนี้ตลาดยังรับข่าว Fed มีแนวโน้มลดดอกเบี้ยในการประชุมสัปดาห์หน้าแล้ว เราจึงมองตลาดเป็นกลางและมีโอกาสย่อตัวจากการขายทำกำไรของนักลงทุนที่ซื้อมาก่อนหน้านี้ อย่างไรก็ดี เรายังคงแนะนำนักลงทุนระมัดระวังในการลงทุนและทยอยลงทุนในหุ้น 5 กลุ่ม ดังนี้
• หุ้นกลุ่มที่จะได้ประโยชน์จากแผนกระตุ้นศก.ของรัฐฯทั้งมาตรการท่องเที่ยว, ชิมช้อปใช้และงานประมูลภาครัฐฯ: แนะนำหุ้นที่ได้ประโยชน์และมี Upside ได้แก่ BJC (ช่วง 2H62 คาดเห็นการฟื้นตัว HoHจากการขยายสาขา BigC มากขึ้นจากสาขาทั้งในประเทศ 7 สาขาและสาขาที่กัมพูชา 1 สาขา BigC Food Place 1 สาขา และ Mini BigC ราว 200 สาขา), SEAFCO (แม้ช่วง 2H62 คาดรับรู้งานลดลง แต่ยังมี Backlog 2.3 พัน ลบ. คาด Secured Revenue 100% ในช่วงที่เหลือของปีนี้ บวกกับยังมี Upside Risk จากงานประมูลใหม่อีก 1.9 หมื่น ลบ.), ERW (ช่วง 2H62 หลังคาดฟื้นตัวจากปัจจัยฤดูกาล บวกกับการกลับมาเปิดโรงแรมใหม่ 9 แห่ง อีกทั้งมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวจาก ครม.และมีสัญญาณฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวชาวจีน หลังจำนวนนักท่องเที่ยวจีนเดือน ส.ค. โต 15.6%YoY), CPALL (ช่วง 3Q62 แม้เข้าสู่ Low Season แต่ด้วยการจัดโปรโมชั่น แสตมป์จัดหนักกระตุ้นยอดขาย และการได้ประโยชน์จากฐานที่ต่ำของปีก่อนจะหนุน SSSG เติบโตต่อเนื่อง พร้อมยังคงเป้าขยายสาขาร้านสะดวกซื้อปีนี้ที่ 700 สาขา)
• กลุ่ม Defensive Stock: เราเลือกหุ้นที่มีอัตราจ่ายปันผลน่าดึงดูดบวกกับกำไรช่วง 2H62 มีแนวโน้มโตดี แนะนำ ASK (ช่วง 2H62 คาดกำไรสุทธิมีแนวโน้มโตต่อ หนุนด้วยสินเชื่อรถพาณิชย์ที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตามงานก่อสร้างภาครัฐฯที่จะทยอยเร่งตัวขึ้นบวกกับคาดได้ประโยชน์จากการทยอยเปลี่ยนรถตู้เป็นรถ มินิบัสของผู้ประกอบการรถโดยสารสาธารณะตามมาตรการของ ขสมก.
• กลุ่มที่คาดผลดำเนินงานมีแนวโน้มดีต่อเนื่อง: เหมาะกับการทยอยซื้อสะสม โดยเน้นหุ้นที่กำไรช่วง 2Q62 คาดโต YoYและช่วง 2H62 โตต่อ แนะนำ SAWAD (คาดกำไรปี 62 โต 30.8%YoY หนุนด้วยเป้าพอร์ตสินเชื่อโต 20-30% และอีก 300 สาขา, Asset Yield ฟื้นตัวตามสัดส่วนการรับรู้รายได้ผ่านสัญญาเงินกู้ผ่าน BFIT ที่มากขึ้นโดยล่าสุด SAWAD รายงานการถือครองหุ้น BFIT หลัง Tender Offer ที่ 82.04% บวกกับต้นทุนทางการเงินที่ปรับลงหลังได้รับเงินเพิ่มทุนจากพันธมิตร), SELIC (คาดปี 62 เห็นการ Turnaround ของกำไรหลังเริ่มรวมงบการเงินกับ PMCT ซึ่งคาดเห็น Synergy ชัดเจนขึ้นจากการพัฒนาสินค้าใหม่และการขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่มใหม่), III (ช่วง 2Q62 กำไรโต 45.8%YoY หนุนด้วยธุรกิจขนส่งสินค้าทางอากาศและธุรกิจบริหารจัดการโลจิสติกส์ บวกกับมีส่วนแบ่งกำไรที่โต 364%YoY จากธุรกิจที่เข้าซื้อกิจการสิงคโปร์และฮ่องกงในปี 61-62 ตามลำดับ), ARROW (ช่วง 2H62 คาดกำไรฟื้นตัวหลังมาร์จิ้นเหล็กดีขึ้นตามต้นทุนเหล็กที่ลดลงและราคาขายที่ดี คาดหนุนกำไรทั้งปีโต 10.3%YoY บวกกับมี Backlog 1.1 พัน ลบ. และมีโอกาสได้งานใหม่ๆ เพิ่ม)
• หุ้นกลุ่ม ร.พ.ขนาดกลางที่คาดกำไรช่วง 3Q62 โตเด่น เข้าสู่ High Season: BCH (ช่วง3Q62 คาดกำไรโตทั้ง QoQ, YoY หนุนด้วยการเข้าสู่ช่วง High Season บวกกับการบันทึกรายได้ส่วนเพิ่มของภาระเสี่ยงขณะที่ผู้ป่วยตะวันออกกลางคาดกลับมาฟื้นตัวหลังมีการเพิ่ม ชม.การทำงานของแพทย์ด้านเบาหวาน, CHG (ช่วง 2H62 คาดกำไรโต YoYหนุนด้วยสัญญาณฟื้นตัวจากรพ.ที่เพิ่งเปิดใหม่ทั้ง รพ.จุฬารัตน์ 304 อินเตอร์ และ รพ.รวมแพทย์ฉะเชิงเทรา บวกกับอาจมีการขอเพิ่มสัดส่วนโควต้าประกันสังคมหลังมีผู้ประกันตนราว 432,640 คน (จากโควต้า 440,000 คน)
• หุ้นที่คาดกำไรช่วง 3Q62 โต YoY, QoQ และทั้งปี 62 ยังโตเด่น: SSP, BPP, JWD, SABINA, S11
Trading Idea
• มาตรการ “ชิมช้อปใช้เฟส 2” เป็น Sentiment เชิงบวกต่อหุ้นกลุ่มค้าปลีก : CPALL, BJC, COM7
24-Oct-19 Change (pts.) 22-Oct-19
SET Index 1,620.97 -10.49 1,631.46
SET50 Index 1,083.43 -5.92 1,089.35
SET100 Index 2,383.98 -13.78 2,397.76
High 1,637.49 Gainers 536
Low 1,617.59 Unchanged 397
Value (Bt m) 70,336.58 Losers 1,146
Volume (*000) 19,888,550
Market Valuation
SET Data 2019F 2020F Long Term
Fwd PER (x) 16.5 14.8 14.8
EPS Growth (%) 13.9 9.3 -2.2
EV/EBITDA (x) 0.0 0.0 0.0
FWD PBV (x) 1.8 1.7 1.6
Dividend Yield (%) 3.1 3.4 3.7
ROE 10.3 10.6 10.6
Net Buy/Sell by Investor Types
Unit : M Bt 24-Oct-19 WTD MTD YTD
Institution (4,523.44) (5,155.32) (5,932.74) 18,322.32
Proprietary 584.48 400.41 (1,194.80) 12,301.38
Foreign 2,826.16 2,861.05 (3,791.55) (9,020.39)
Individual 1,112.80 1,893.86 10,919.08 (21,603.30)
AECS ( Fundamental and Strategic Team )
จิรภัทร โบสุวรรณ (ID. 040051) [email protected]
ภัทรพล จันทร์อินทร์ (ID. 089932) [email protected]
ธีรยุทธ ฤทธิเผ่าพันธุ์ ผู้ช่วยนักวิเคราะห์
สุวรรณา อัศวเหล่าวรพงศ์ Data Support / Secretary