- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 24 October 2019 14:33
- Hits: 306
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน At The Open
กลยุทธ์การลงทุนรายวัน
Market Summary
วานนี้ SET แกว่งขึ้นขานรับความคาดหวังเชิงบวกต่อประเด็นสงครามการค้าที่มีโอกาสบรรลุการ โดยมีแรงซื้อมากในกลุ่มโรงไฟฟ้า (GPSC, GULF, BGRIM) โดย ณ สิ้นวัน SET ปิดที่ 1,631.5 (+10.6 จุด) มูลค่าการซื้อขาย 3.8 หมื่น ลบ. (เทียบกับวันก่อนหน้า 4.1 หมื่น ลบ.)
โดยนักลงทุนต่างชาติ ขายหุ้นไทย 564 ลบ. (นักลงทุนสถาบันซื้อ 821 ลบ.) ส่วนตลาด TFEX นักลงทุนต่างชาติเปิด Long Futures ที่ 8,999 สัญญา
Stock Picks & Trading Idea
VGI (ราคาเป้าหมาย 10.70 บาท/หุ้น) คาดกำไรสุทธิช่วง กค.-กย. ที่ 320 ล้านบาท (+5% QoQ และ +23% YoY) จากการ Upgrade ป้ายนิ่งเป็น Digital ในไตรมาสก่อน และอัตราการทำกำไรขั้นต้นที่อยู่ในระดับสูงราว 55% บวกกับการเข้าสู่ฤดูโฆษณาในช่วงปลายปี รวมถึงประโยชน์จากการ Synergy ของกลุ่มบริษัทในเครือ เช่น MACO, PLANB, Rabbit group และ Kerry จะเป็นแรงสนับสนุนผลการดำเนินเร่งขึ้นเด่นในช่วงถัดไป
Investment Theme
มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจยังคงทยอยออกมาอย่างต่อเนื่อง: การประชุม ครม.ในวันอังคารที่ผ่านมามีการอนุมัติมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงปลายปี นำโดย 1)มาตรการกระตุ้นการบริโภคผ่าน โครงการ "ชิมช้อปใช้ เฟส2" โดยยังคงแบ่งการใช้จ่ายออกเป็น 2 กระเป๋าเช่นเดิม ซึ่งกระเป๋าเงินแรก ภาครัฐฯจะมีการให้เงิน 1,000 บาท เพื่อใช้จ่ายตามจังหวัดที่เลือกไว้ ส่วนจุดที่แตกต่างคือกระเป๋าเงินที่ 2 ที่หากประชาชนใช้จ่ายผ่านกระเป๋านี้จะได้เงินคืน โดยการใช้จ่าย 30,000 แรกได้คืน 15% ส่วนยอดใช้จ่าย 30,000-50,000 บาท ได้เงินคืน 20% ซึ่งถือว่าเป็นจุดที่เพิ่มขึ้นจากเฟสแรก โดยสำหรับเฟส 2 จะเปิดลงทะเบียนเพิ่มเติมอีก 3 ล้านคน เริ่มลงทะเบียน 24 ตุลาคม (วันนี้) แบ่งเวลาลงทะเบียนเป็น 2 ช่วง คือ 6.00 น และ 18.00 น. 2) อนุมัติมาตรการลดภาระให้กับผู้ซื้อที่อยู่อาศัย เพื่อสนับสนุนและบรรเทาภาระให้แก่ประชาชนที่ต้องกานมีบ้าน โดย จะลดค่าธรรมเนียมการจดทะเบียนการโอนจากเดิมที่ 2% เหลือ 0.01% และลดค่าจดทะเบียนการจำนองอสังหาริมทรัพย์จาก 1% เหลือ 0.01% อีกทั้งยังมีการอนุมัติสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยของ ธอส. วงเงิน 5 หมื่นล้านบาทด้วย โดยทั้งหมดจะต้องเป็นการซื้อที่อยู่อาศัยไม่เกิน 3 ล้านบาท โดยรวมเรามองเป็นบวกเล็กน้อยเท่านั้น เนื่องจากจะเป็นการช่วยหนุนการเร่งโอนในช่วงปลายปี แต่ยังไม่สามารถแก้ปัญหาการปล่อยกู้ได้อย่างตรงจุด เนื่องจากยังมีประเด็น LTV กดดันอยู่ ส่วนปัจจัยที่น่าที่ติดตามวันนี้ คือ การประชุม ECB คาดคงอัตราดอกเบี้ยเงินฝากที่ -0.5% และแนะติดตามการรายงานตัวเลข PMI ของประเทศในกลุ่มยูโรโซน และ US ด้วย
Investment Strategy : วันนี้ประเมินแนวรับ SET ที่ 1620 และแนวต้าน 1640 จุด แนะเก็งหุ้นงบ 3Q62 เด่น "VGI, JMT, CHG"/ ปันผลสูง "KKP, MAJOR"/สะสมBig cap พื้นฐานดี "AOT, GPSC, STEC, BEM, BTS
Big Issue
เมื่อคืนที่ผ่านมา :
- สต๊อกน้ำมันดิบสหรัฐฯรายสัปดาห์ ลดลง 1.69 ล้านบาร์เรล สวนตลาดคาด จะเพิ่มขึ้น +2.75 หนุนราคาน้ำมันฟื้นตัว ราว 2.5%
- สหรัฐฯ จะยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรตุรกี หลังหยุดยิงในซีเรีย
Eyes on
ปัจจัยต่างประเทศ :
- ประชุม ECB 24 ตค.นี้ คาดคงดอกเบี้ยเงินฝากที่ -0.5%
- EU Econ: 24 ตค. ดัชนี PMI ภาคการผลิตและบริการ กลุ่มยูโรโซน
- US Econ: 24 ตค. ดัชนี PMI ภาคการผลิตและบริการ, ยอดขายบ้านใหม่
ปัจจัยในประเทศ :
- วันนี้จับตาการเซ็นสัญญารถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน
- การรายงานผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน 3Q62
Technical View
SET
แนวรับ : 1600/1615
แนวต้าน : 1640/1660
SET Index : หากผ่าน 1640 ได้ คาดมีโอกาสขึ้นทดสอบแนวต้านหลักที่ 1660 ดัชนีเปิดโดดและแกว่ง Sideway Up ตลอดทั้งวัน จากแรงซื้อหลักมาจากหุ้นกลุ่มพลังงาน อาหาร Leasing และค้าปลีก ทำให้ดัชนีปรับตัวขึ้นทดสอบแนวต้านเส้น Downtrend ระยะยาวที่ 1640+/- อีกครั้ง ระยะสั้นหากผ่านได้ คาดมีโอกาสปรับตัวขึ้นต่อเพื่อทดสอบแนวต้านที่ 1660(EMA200Dy) ซึ่งหากผ่านได้อีกแนวโน้มดัชนีจะเปลี่ยนจาก Sideway เป็นขาขึ้นอีกครั้ง
กลยุทธ์การลงทุน
มีหุ้น: หากผ่านที่แนวต้าน 1640 แนะนำ Let Profit Run มองแนวต้านถัดไปที่ 1660 แต่หากหลุด 1620 แนะนำ Lock Profit
ไม่มีหุ้น: จังหวะอ่อนตัวทยอยสะสมบริเวณ 1625+/- เพื่อ Trading
Tiger Picks :
JAS : ซื้อ
แนวรับ : 6.30-6.50
แนวต้าน : 6.75/7.00
ตัดขาดทุน : 6.20
BCH : ซื้อ
แนวรับ : 15.50-15.80
แนวต้าน : 16.40/17.00
ตัดขาดทุน : 15.30
ข่าว เด่น พร้อมคำแนะนำ
Retail sector
ชิมช้อปใช้เฟส 2 บูม ค้าปลีกเฮ (ทันหุ้น)
ความเห็น : ทำให้มีเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจมากขึ้น กระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยในช่วงไฮซีซั่น ส่งผลบวกต่อกลุ่มค้าปลีก คาดกำไรเติบโตดีใน 4Q62 แนะนำ ซื้อ BJC เป้าหมาย 64 บาท Trading Buy CPALL และ HMPRO เป้าหมาย 92 บาท และ 18.20 บาท ตามลำดับ
รับเหมา
ไฮสปีดฯ 'ซีพี - รฟท.'ลงนามสัญญาวันนี้ (กรุงเทพธุรกิจ)
ความเห็น : โครงการรถไฟความเร็วสูง (ไฮสปีด) เชื่อม 3 สนามบิน (ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา) มูลค่าลงทุนรวม 2.2 แสนล้านบาท กำหนดเซ็นสัญญาในวันที่ 24 ต.ค. นี้ คาดงานโยธาประมาณ 1.5 แสนล้านบาท จะแบ่งระหว่าง CK, ITD และ CRCC เราแนะนำ เลือกเก็งกำไรใน CK (เป้าหมาย 31 บาท) เนื่องจาก CK มี Backlog ในมือรวมงานใหม่ที่จะเซ็นต่ำ 5 หมื่นล้านบาท โครงการรถไฟความเร็วสูงจะช่วยเพิ่มงานให้ CK มี Backlog ขึ้นมากกว่าแสนล้านบาท และ CK ยังมีมูลค่าเงินลงทุนในบริษัทลูก คือ BEM, CKP, TTW ที่สูงถึง 7.7 หมื่นล้านบาท
WICE
ชูโมเดลขยายตลาดใหม่ขนส่งสินค้ารีเทล (ทันหุ้น)
ความเห็น : ในแง่ผลกำไรไตรมาส 3 ยังไม่สดใส ประเด็นสงครามการค้ากดดันต่อภาคส่งออกของไทยอยู่ เราคงน้ำหนักเพียง ถือ 4.20 บาท
MACO
จับตาปิดดีลใหม่ เคาะรายได้เข้าเป้าโต 35% (ทันหุ้น)
ความเห็น : ในแง่กำไรภาพปี ยังคงติดลบอยู่ เนื่องจากฐานที่สูงในปีก่อน และปีนี้ เป็นปีที่ลงทุน upgrade ป้าย และขยายงานในต่างประเทศ ทำให้ค่าใช้จ่ายมาก่อน แนะเพียง ซื้อเก็งกำไร 1.60 บาท
CHG
บุ๊กรพ.ใหม่ฟื้นมาร์จิ้นวางงบ 500 ล. ลุยโปรเจ็กต์เพิ่ม (ทันหุ้น)
ความเห็น : เราคาดว่า 2 รพ. ใหม่ จะมีผลประกอบการที่ดีขึ้นเรื่อยๆ ถึงแม้ 3Q/62 น่าจะยังขาดทุนอยู่ แต่ขาดว่า CHG 304 International จะเริ่มมีกำไรในไตรมาส 4Q/62 ส่วน รวมแพทย์ ฉะเชิงเทรา คาดจะมีกำไรได้ภายใน 1Q/63 เรายังคงแนะนำซื้อราคาเป้าหมาย 2.80 บาท
นักวิเคราะห์ : วิจิตร อารยะพิศิษฐ
Research Department Tel. 02-658-5000