WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

FSSบล.ฟินันเซีย ไซรัส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
กลยุทธ์วันนี้ >> Selective and Earnings Play
          ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index ปรับตัวลงอ่อนแอกว่าที่เราคาด ปิดลบ 10.65 จุด ณ สิ้นวันและหลุดกรอบล่าง 1,625 จุดลงมา ตลาดถูกถ่วงโดยหุ้นขนาดใหญ่กระจายในเกือบทุกกลุ่มยกเว้นกลุ่มสื่อสารฯที่แข็งแรงกว่าตลาด แรงขายส่วนใหญ่มาจากสถาบันในประเทศซึ่งขายสุทธิ 1.5 พันลบ. ขณะที่นักลงทุนต่างชาติพลิกมาซื้อสุทธิ 600 ลบ. (และ Long Index Futures เล็กน้อย 2.6 พันสัญญา)
          แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาดว่า SET Index จะแกว่งตัว Sideways พักฐานหลังไร้ปัจจัยบวกใหม่เข้ามาหนุน ตลาดยังรอดูพัฒนาการทั้งประเด็นการลงนามข้อตกลงทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน รวมถึง Brexit ว่าจะสามารถผ่านการลงมติในสภาล่างและทันเส้นตายวันที่ 31 ต.ค. หรือไม่ ขณะที่แนวโน้มผลประกอบการ 3Q19 ของบริษัทจดทะเบียนของไทยโดยรวมคาดว่าไม่มีกลุ่มใดโดดเด่นเป็นพิเศษ เราจึงยังเน้น Selective Buy หุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัวและคาดคาดมีกำไร 3Q19 แข็งแกร่ง
          กลยุทธ์ : Selective Buy หุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัวและคาดมีกำไร 3Q19 แข็งแกร่ง
          หุ้นเด่นเดือน ต.ค. :  ADVANC, AOT, BCH, CPALL, ORI
หุ้นเด่นวันนี้: TACC
          แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 6 บาท
          ได้ประโยชน์จากงาน Event ใหญ่ของปีที่สยามพารากอนจะจัดในธีม Rilakkuma World Happiness Town 24 ต.ค.-10 พ.ย. 2019 ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
          TACC จะมีรายได้ 2 ทาง จากรายได้ค่าธรรมเนียมใช้ตัวการ์ตูน Rilakkuma และส่วนแบ่งรายได้ของการขายสินค้าพรีเมี่ยมในงาน หนุนรายได้ธุรกิจ Character ใน 4Q19 ที่เป็น high season อยู่แล้ว ให้เพิ่มขึ้นอีก
          ราคาหุ้นในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา -2.8% laggard กว่ากลุ่มเครื่องดื่มเฉลี่ย +1% ทั้งที่กำไรปีนี้โดดเด่นกว่ากลุ่ม เราคาด +109% Y-Y เป็น 143 ลบ.
Fund Flow วานนี้กระแสเงินทุนไหลเข้าภูมิภาค US$87ล้าน เม็ดเงินส่วนใหญ่ไหลเข้าไต้หวัน US$191ล้าน และไทย US$20ล้าน ขณะที่ไหลออกจากเกาหลีใต้ US$118ล้าน แนวโน้มของกระแสเงินทุนมีทิศทางกลับมาไหลเข้าจากความคาดหวังการเจรจาทางการค้าสหรัฐและจีนที่คืบหน้าไปได้ด้วยดี
ประเด็นสำคัญวันนี้
          (-) ส่งออกของไทยเดือน ก.ย. -1.4% Y-Y แม้ดีขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ -4% Y-Y แต่ต่ำกว่า consensus ที่คาด +2.7% Y-Y ถ้าไม่รวมทองคำที่ยังไม่ขึ้นรูป ส่งออก -2.8% Y-Y สินค้าหลักที่หดตัวคือสินค้าเกษตร (ข้าว ยางพารา) และ น้ำมันสำเร็จรูปและเคมีภัณฑ์ ตลาดที่หดตัวแรง Y-Y คือตลาดอาเซียน, CLMV และ EU เป้าทั้งปีของธปท.ที่ -1% พอมีหวัง (3 เดือนที่เหลือต้องส่งออกเฉลี่ย US$2.13 หมื่นล้าน)
          (+) KBANK กำไร 3Q19 ใกล้เคียงคาดแต่ PPOP ทำได้ดีกว่าคาดโดย +11% Q-Q, +10% Y-Y ในไตรมาสนี้มี NPL เพิ่มขึ้น 4% Q-Q หรือราว 3 พันลบ. และ NPL ratio ขยับขึ้นเป็น 3.53% จาก 3.4% ใน 2Q19 เหตุที่ยังอยู่ในระดับสูงเพราะธนาคารยืนยันเก็บ NPL ไว้จัดการเองเพราะได้ประโยชน์มากกว่าการขายออก สำหรับกำไร 9M19 -4.8% Y-Y แนวโน้ม 4Q19 น่าจะต่ำสุดของปี เรายังคงประมาณการกำไรปี 2019-20 คงเป้าปีหน้า 184 บาท แนะนำซื้อลงทุน
          (+) EPG เราคาดกำไร 2Q20 (ก.ค.-ก.ย.2019) ฟื้นต่อเนื่องในทุกธุรกิจโดยเฉพาะ Aeroflex (ฉนวน) เพราะเข้า high season ในตปท. และ EPP (บรรจุภัณฑ์พลาสติก) ที่ได้ประโยชน์จากต้นทุนเม็ดพลาสติกทั้ง HDPE, PP ปรับลงเพราะ supply ใหม่เข้ามา เราคาดกำไรสุทธิ 270 ลบ. +25% Q-Q, +3% Y-Y ปรับกำไรปี 2020-21 ขึ้น 3-6% ปรับไปใช้เป้าปี 2021 (สิ้นสุด มี.ค. 2021) ที่ 10 บาท ยังคงแนะนำซื้อ
          (-) ICHI กำไรปีนี้ผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว เราคาดกำไร 3Q19 -34% Q-Q เหลือ 91 ลบ. แต่ +279% Y-Y จากฐานต่ำในปีก่อน แนวโน้ม 4Q19 ชะลอต่อเพราะ low season เรายังคงคาดกำไรปีนี้โต 9 เท่าจากปีก่อน แต่เริ่มกังวลกับการเติบโตในปีหน้าเพราะเริ่มมีสัญญาณการอ่อนตัวของรายได้ส่งออกไปกัมพูชาและลาว ขณะที่ชาเขียวพรีเมี่ยมที่โตดีในช่วงก่อนหน้า ตอนนี้เริ่มทรง ส่วนตลาดจีนอยู่ในช่วงทดลองตลาด เราปรับกำไรปี 2020 ลง 7% เหลือโต 4% Y-Y ปรับไปใช้เป้าปี 2020 ที่ 6.80 บาท ราคาหุ้นสะท้อนข่าวดีไปหมดแล้ว ยังคงแนะนำขาย
          (+) ตลาดดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 57.44 จุด ปิดที่ 26,827.64 จุด จากการเปิดเผยผลประกอบการใน 3Q19 ที่แข็งแกร่ง รวมถึงรับปัจจัยบวกจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และนายหลิว เหอ รองนายกรัฐมนตรีจีน ที่ออกมาส่งสัญญาณว่าการเจรจาระหว่างสหรัฐและจีนมีความคืบหน้าอย่างมาก
          (+) ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวก จากความคาดหวังว่าอังกฤษจะสามารถหลีกเลี่ยงการถอนตัวออกจากสหภาพยุโรปแบบไม่มีข้อตกลง (no-deal Brexit)
          (+) ตลาดเอเชียปรับขึ้น หนุนจากความคืบหน้าของการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีน
          (0) ค่าเงินบาทแกว่งตัวในกรอบแคบ ล่าสุดอยู่ที่บริเวณ 30.26 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
          (-) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ลดลง 47 เซนต์ ปิดที่ 53.31 ดอลลาร์/บาร์เรล จากความกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจโลก และความต้องการใช้น้ำมัน ขณะที่นักลงทุนจับตาการเปิดเผยรายงานสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐในวันพรุ่งนี้ และสัญญาณจากสมาชิกกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ก่อนการประชุมในเดือนธ.ค.นี้
          (-) ราคาทองคำ COMEX ลดลง 6 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,488.1 ดอลลาร์/ออนซ์ จากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์
          SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 924.63 / +-
          Contact person : Jitra  Amornthum  Register : 014530
          Contact person : Veeravat Virochpoka Register : 047077
          www.fnsyrus.com
          FB: Finansia Syrus Research
 

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!