- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 21 October 2019 16:12
- Hits: 13127
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
กลยุทธ์วันนี้ >> Selective and Earnings Play
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index แกว่งตัว Sideways ตามคาดโดยระหว่างวันมีจังหวะอ่อนตัวลงแรงหลุดกรอบล่าง 1,625 จุดก่อนที่จะรีบาวด์กลับขึ้นมาและปิดลบเล็กน้อย 1.37 จุด ณ สิ้นวัน แรงขายหลักมาจากนักลงทุนต่างชาติซึ่งเร่งตัวขึ้นเป็น 1.7 พันลบ. ขณะที่สถาบันในประเทศขายสุทธิบางๆ
แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาดว่า SET Index จะแกว่งตัว Sideways โดยยังประเมินกรอบการเคลื่อนไหวบริเวณ 1,625-1,640 จุด ตลาดโดยยังต้องติดตามประเด็น Brexit ซึ่งยังมีความไม่แน่นอนหลังสภาล่างอังกฤษเลื่อนลงมติรับข้อตกลงออกไป ทำให้ยังสุ่มเสี่ยงว่าทันเส้นตาย 31 ต.ค. หรือไม่ อย่างไรก็ตามกลุ่ม Domestic Play คาดว่าจะเคลื่อนไหวได้ดีกว่าตลาดหลังกฎหมายงบประมาณรายจ่ายปี 2563 ผ่านในวาระแรก โดยรวมยังไม่มีประเด็นบวกที่ทำให้ตลาดปรับตัวขึ้นแรงในระยะสั้น เราจึงยังเน้น Selective Buy เป็นรายตัวโดยเฉพาะที่คาดมีกำไร 3Q19 แข็งแกร่ง
กลยุทธ์ : Selective Buy โดยเฉพาะหุ้นที่คาดมีกำไร 3Q19 แข็งแกร่ง
หุ้นเด่นเดือน ต.ค. : ADVANC, AOT, BCH, CPALL, ORI
หุ้นเด่นวันนี้: TCAP
แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 62 บาท
กำไร 3Q19 ดีกว่าเราและตลาดคาดราว 20% โดยเติบโต 30% Q-Q และ 32% Y-Y เป็น 2.47 พันลบ. จากกำไรจากเงินลงทุนและกำไรจากสินนทรัพย์รอการขายมากกว่าคาด และค่าใช้จ่ายที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยต่ำกว่าคาด ขณะที่การตั้งสำรองอยู่ในระดับต่ำ 0.6% ของสินเชื่อรวม
NPL ขยับขึ้นเพียงเล็กน้อยเป็น 2.49% จาก 2.40% ใน 2Q19 ส่วน Coverage ratio อยู่ที่ 104% จาก 115% ในไตรมาสก่อน ประเด็นที่แนะนำซื้อคือเงินปันผลจากผลประกอบการปกติและปันผลพิเศษหลังขาย TBANK เสร็จสิ้น
Fund Flow วานนี้กระแสเงินทุนไหลเข้าภูมิภาค US$4ล้าน เม็ดเงินส่วนใหญ่ไหลเข้าไต้หวัน US$196ล้าน ขณะที่ไหลออกจากเกาหลีใต้ US$110ล้านและไทย US$55ล้าน แนวโน้มของกระแสเงินทุนมีทิศทางไหลออกจากภูมิภาคจากความกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจโลกหลัง IMF ประกาศปรับลดตัวเลขคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกลงสู่ 3% จากเดิม 3.2% ซึ่งต่ำที่สุดตั้งแต่วิกฤตปี 2008
ประเด็นสำคัญวันนี้
(+) สภาผ่านร่างงบรายจ่ายวาระแรก ด้วยเสียง 251:0 ฝ่ายค้านงดออกเสียง 234 เสียง โดยงบด้านการศึกษา เกษตร ท่องเที่ยว ถูกตัด ต้องไปลุ้นต่อในชั้นกรรมาธิการวาระ 2 และ 3
(0) สภาอังกฤษเลื่อนโหวต Brexit ส่งผลให้นายกจอห์สันส่งจดหมายที่ไม่มีการลงนามตัวเองขอขยยเวลา Brext จาก EU เป็นครั้งที่ 3 ออกไป 3 เดือนถึง ม.ค. ปีหน้า
(0) กลุ่มแบงก์กำไรตามคาด โดย 8 แบงก์ยังไม่รวม KBANK มีกำไรสุทธิ 4.5 หมื่นลบ. +6% Q-Q, +2% Y-Y ส่วนกำไรปกติ ไม่รวมการขาย SCBLife อยู่ที่ 4.09 หมื่นลบ. ทรงตัวทั้ง Q-Q, Y-Y โดยรวมใกล้เคียงคาด กรลดดอกเบี้ย MOR, MRR ไม่ได้กระทบรายได้ดอกเบี้ยรับ รายได้ดอกเบี้ยรับยังเติบโตจากการปรับสัดส่วนสินเชื่อเป็น high-yield มากขึ้น ขณะที่รายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยทำได้ดีกว่าคาด จากการเติบโตของรายได้ค่าธรรมเนียม และกำไรจากเงินลงทุน ขณะที่แรงกดดันมาจากสำรองที่สูงขึ้น (รองรับความเสี่ยงของศก.) และ NPL ที่เพิ่มขึ้น และต้นทุนทางการเงินที่สูงขึ้นจากการออกหุ้นกู้ด้อยสิทธิในหลายธนาคาร และรายจ่ายสูงขึ้นเช่นค่ากรตลาด ค่าพนักงาน ธนคารที่กำไรออกมาดีกว่าคาดมี TCAP, BBL, KKP, TMB ส่วน BAY, KTB กำไรน้อยกว่าคาด สำหรับ TISCO, SCB กำไรเป็นไปตามคาด เรายังให้น้ำหนัก Neutral จากความกังวลต่อการฟื้นตัวของศก.ที่ช้า ปัจจัยบวกเดียวคือราคาที่ถูก ยังคงเลือก Top picks เป็น TISCO (เป้าปีหน้า 116 บาท) และ SCB (เป้าปีหน้า 150 บาท)
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
21 ต.ค. - ไทย: ส่งออก-นำเข้า (ก.ย.)
- ญี่ปุ่น: ส่งออก-นำเข้า (ก.ย.)
24 ต.ค. - เกาหลีใต้: 3Q19 GDP
- อินโดนีเซีย: ธนาคารกลางประชุม
- ยูโรโซน: ECB ประชุม, Markit Manufacturing PMI (ต.ค.)
- สหรัฐ: Markit Manufacturing PMI (ต.ค.)
29-30 ต.ค.- US: FOMC ประชุม
30 ต.ค. - US: 3Q19 GDP, ADP Report (ต.ค.)
- ยูโรโซน: Economic confidende & Consumer confidence (ต.ค.)
(-) ตลาดดาวโจนส์ ลดลง 255.68 จุด ปิดที่ 26,770.20 จุด กดดันจากข่าวลบของบริษัทจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน และบริษัทโบอิ้ง รวมถึงการเปิดเผยผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ใน 3Q19 ของจีนที่ขยายตัวต่ำกว่าที่ตลาดคาด
(-) ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบ จากคาดการณ์แนวโน้มยอดขายชะลอตัวของบริษัทเรโนลต์และบริษัทดานอนของฝรั่งเศส ขณะที่นักลงทุนจับตาการอภิปรายของรัฐสภาอังกฤษในวันเสาร์นี้ว่าจะรับรองข้อตกลงการถอนตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) ฉบับใหม่หรือไม่
(0) ตลาดเอเชียปรับตัวผสม ท่ามกลางนักลงทุนจับตาความไม่แน่นอนของประเด็น Brexit
(0) ค่าเงินบาทแกว่งตัวในกรอบแคบ ล่าสุดอยู่ที่บริเวณ 30.28 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
(-) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ลดลง 15 เซนต์ ปิดที่ 53.78 ดอลลาร์/บาร์เรล จากความกังวลเกี่ยวกับอุปสงค์ในตลาดน้ำมันที่ลดลง ท่ามกลางการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก
(-) ราคาทองคำ COMEX ลดลง 4.2 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,494.1 ดอลลาร์/ออนซ์ เนื่องจากนักลงทุนลดการถือครอง หลังราคาปรับขึ้นในช่วงก่อนหน้า
SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 924.63 / +6.44
Contact person : Jitra Amornthum Register : 014530
Contact person : Veeravat Virochpoka Register : 047077
www.fnsyrus.com
FB: Finansia Syrus Research