- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 17 October 2019 16:02
- Hits: 4803
บล.ทิสโก้ : ENERGY ค่าขนส่งน้ำมันดิบเพิ่มขึ้น
ENERGY : ค่าขนส่งน้ำมันดิบเพิ่มขึ้น
ค่าขนส่งน้ำมันดิบเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
ต้นทุนการขนส่งน้ำมันดิบเพิ่มขึ้นสูงสุดนับจากปี 2008 หลังสหรัฐฯ แบนการเดินเรือของบริษัทเดินเรือจีนและบริษัทลูกในเดือน ก.ย. ที่ผ่านมา อีกทั้งยังมีการโจมตีเรือขนน้ำมันของอิหร่าน โดยราคา Dirty VLCC จากอาหรับไปยังสิงคโปร์ทำจุดสูงสุดใหม่ที่ 5.14 ดอลลาร์/บาร์เรล และ MTD เพิ่มขึ้นกว่า 3 เท่านับจากเดือน ก.ย. เรามองว่าต้นทุนการขนส่งที่เพิ่มขึ้นจะกระทบต่อราคาในตลาดโลก และเป็นความเสี่ยงต่อกลุ่มโรงกลั่น
ผลกระทบอาจไม่มากหากคุมสถานการณ์ได้เร็ว
เราเชื่อว่า ผลกระทลต่อกลุ่มโรงกลั่นของไทยจะไม่มาก เนื่องจากได้มีการล็อคต้นทุนการขนส่งไว้แล้วใน 4Q19 แต่หากยังไม่มีความคืบหน้าสำคัญระหว่างสหรัฐฯ และจีนจะทำให้กลุ่มโรงกลั่นได้รับผลกระทบในปีหน้า ทำให้ในตลาดเริ่มมีความกังวลว่าจะลดกำลังการผลิต แต่ยังไม่มากพอที่จะชดเชยต้นทุนการขนส่งที่เพิ่มขึ้น และการลดกำลังการผลิตอาจทำได้ไม่นาน และไม่มากนัก โดยกลุ่ม Sinopec ได้วางแผนลดกำลังการผลิตในเดือน พ.ย. แต่ยังมีปัจจัยบวกอยู่บ้างจากกลุ่มเดินเรือที่หนุนโดย HSFO ที่มีการเร่งติดตั้งมากขึ้นจากประเด็นด้านสิ่งแวดล้อม
มอง TOP มีความได้เปรียบ
ในมุมมองของเรา TOP มีความได้เปรียบจากคู่แข่ง เนื่องจากมีน้ำมันเพียง 25-30% เท่านั้นที่กระทบจากค่าขนส่งที่เพิ่มขึ้น และ TOP เองก็มี VLCC อยู่ 3 ลำภายใต้บริษัทลูก ทำให้ TOP สามารถควบคุมต้นทุนในระยะยาวได้ 70-75% โดยสัญญาจะเริ่มหมดอายุในปี 2021F และปัจจัยนี้จะกระทบต่อโรงกลั่นที่ใช้น้ำมันดิบจากภายนอกเป็นหลัก โดยเรามองว่าทุก GRM ที่ลดลง 1 ดอลลาร์ จะทำให้ผลประกอบการของหุ้นในกลุ่มลดลง 8 - 30%
เรายังระวังกลุ่มโรงกลั่น
เราแนะนำให้ "ถือ" PTTGC, TOP, IRPC แต่แนะนำให้ "ซื้อ" PTTEP และ SCC โดยมีมูลค่าที่เหมาะสม 148 บาท และ 498 บาทตามลำดับ มีความเสี่ยงคือ ความผันผวนของราคาน้ำมันดิบ, ความผันผวนของค่าการกลั่น และการผลิตที่น้อยกว่าคาด
Market Insight
E- mail :[email protected]