- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 17 October 2019 15:47
- Hits: 2545
บล.บัวหลวง : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
รอบด้านตลาดหุ้น
ภาพตลาดและแนวโน้ม
Market wrap & Outlook
เมื่อวานดัชนีฯยืนบวกได้ตลอดวัน : จากแรงซื้อหุ้นโรงไฟฟา ส่วนใหญ่ GPSC BGRIM WHAUP GULF EGCO RATCH ผสมโรงด้วย OSP AWC BTS INTUCH SCB KKP SAWAD MTC และ หุ้นลงยังคงเป็น "หุ้นขาประจำ" ของรอบนี้ ได้แก่ ปิโตร โรงกลั่น, ส่วนหุ้นกลาง-เล็ก บวกแรง STPI SGP DOHOME TFG / ลงแรง TKN ANAN AAV เป็นต้น ท่ามกลางกระแสข่าว ความเสี่ยงเศรษฐกิจโลก ถดถอย ยังคงกดดัน หุ้นกลุ่ม โรงกลั่น ปิโตร
วันนี้ คาดแกว่งในกรอบ : 1628-1640 จุด คาดตลาดวันนี้พักฐาน และเป็นโอกาสของหุ้นแถวสอง วิ่งขึนเก็บแต้ม แทนหุ้นบูลชิพใหญ่ที่คาดว่าจะพักตัวลงเล็กน้อย
What to watch
(*/-) มุมมองเชิงลบต่อเศรษฐกิจโลก : หลังจาก IMF ปรับเปา GDP โลกลง (ปี 2019-20 คาดโตเหลือ 3-3.4%) นักเศรษฐศาสตร์จากมูดี้ส์ ออกมาตอกย้ำโอกาสเศรษฐกิจโลกเข้าสู่ภาวะถดถอยในอีก 12-18 เดือน มีเพิ่มมากขึ้น (นิยามของการถดถอยคือเศรษฐกิจโลกขยายต่ำกว่า 2.5%)
กลยุทธ์ มองว่า ไม่ใช่ประเด็นใหม่ และ ตลาดปรับพอร์ตรออยู่ก่อนแล้ว ดูได้จาก การปรับการถือครองหุ้นอย่าง โรงไฟฟา มือถือ Utilities เพิ่ม และ ลดพอร์ตหุ้น ปิโตรฯ โรงกลั่น มาตลอดทาง
(0/+) สศค.ชง ชิมช้อปใช้ เฟส 2 เข้า ครม. 22 ตค. เปิดลงทะเบียนทันที 23 ตค.นี้ พร้อมทั้งปรับสิทธิ์กระเป๋า 2 คืนเงินทันที 20% (ไม่ต้องรอลดหย่อนภาษีปีหน้า)
เสริมด้วย มาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศ ททท.เปิด ลงทะเบียน ร้อยเดียวเที่ยวทั่วไทย สามารลงทะเบียนเลือกซื้อสินค้า 100 บาท ไม่ว่าจะเป็น รร.3-5 ดาว, ตั๋วเครื่องบิน รถทัวร์ สินค้าอื่นๆ โดยมีให้เลือกกว่า 4 หมื่นรายการ
หุ้นแนะนำวันนี้
PLANB แนวรับ 8.7 ต้าน 9.2 Stop loss 8.4
JMART แนวรับ 9.1 ต้าน 9.6 stop loss 8.5
DTAC ดูรายงานวันนี้ กำไรหลักดีกว่าคาด
Weekly port
ถอด CENTEL
วิกิจ ถิรวรรณรัตน์ Tel. (662) 618-1336
นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน/ปัจจัยทางเทคนิค
ธนัท พจน์เกษมสิน,นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน
นภนต์ ใจแสน, นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน
รายงานวันนี้
DTAC หุ้นเด่นกลุ่มสื่อสาร ประกาศกำไรดีกว่าคาด
รายงานกำไรสุทธิ 1.8 พันล้านบาท และกำไรหลักที่ 1.75 พันล้านบาท (เพิ่มขึ้นจากกำไร 1 ล้านบาทใน 3Q18) กำไรสุทธิมากกว่าที่เราคาด 12% และกำไรหลักมากกว่าที่เราคาด 5% แนวโน้ม 4Q19 คาดเห็นกำไรแข็งแกร่งต่อเนื่อง จากรายได้ค่าบริการ เราปรับกำไรขึ้น 15% และปรับราคาเปาหมายขึ้นเป็น 75 บาท แนะนำ ซื้อ
มุมมองกลยุทธ์: ด้วย DTAC เป็นหุ้นประเภท Defensive ที่มีโอกาสจะเล่นขึ้นดีกว่าตลาดในช่วงที่ นลท.กลัวเศรษฐกิจโลกถดถอยอยู่เป็นทุนเดิม บวกกับกำไร 3Q19 ที่ดีกว่าคาด และ มีโอกาสจะดีขึ้นอีก 4Q19-2020 จากรายได้ค่าบริการที่ฟืนตัวดี เห็นได้จากรายได้หลักที่เติบโต y-y เป็นครั้งแรก และการประหยัดค่าใช้จ่ายฯ
กลยุทธ์ แนะนำ ซื้อตามน้ำ โดยมองกรอบการขึ้นรอบนี้บริเวณ 65 บาท เป็นจุด ทำกำไรระยะสั้น และ Trailing stop กรณีหลุด 53 บาท ลงมา
PTTGC คาดกำไรฟื้นตัวใน 3Q19 แต่กลับมาปรับตัวลดลงใน 4Q19
เราคาดกำไรสุทธิ 3Q19 ที่ 2.9 พันล้านบาท ลดลง 77% YoY แต่เพิ่มขึ้น 34% QoQ หากไม่รวมรายการพิเศษ (คาดมีการบันทึกขาดทุนจากสินค้าคงคลัง 100 ล้านบาท, กำไรจากการปองกันความเสี่ยงราคาน้ำมัน 150 ล้านบาท และกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน 104 ล้านบาท) คาดกำไรหลักอยู่ที่ 2.8 พันล้านบาท ลดลง 77% YoY แต่เพิ่มขึ้น 31% QoQ ซึ่งคาดกำไรลดลงจาก GRM ลดลง, ส่วนต่างผลิตภัณฑ์เคมิคอลปรับตัวลดลง และ ส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วม/ย่อย ลดลง สำหรับภาพกำไรหลักใน 4Q19 เราคาดลดลง YoY และ QoQ จากอัตราการใช้กำลังการกลั่นที่ลดลง และ อัตรากำไรกลุ่มเคมิคอลที่อ่อนตัว เรามีการปรับประมาณการกำไรปี 2019 ลง 26% และปี 2020 ลง 13% ปรับราคาเปาหมายลงจาก 68 บาทเป็น 60 บาท แต่ ณ ระดับราคาปัจจุบันถือว่าค่อนข้างถูก เรายังคงคำแนะนำ ถือ
มุมมองกลยุทธ์: ราคาหุ้นได้ปรับลงมาตลอดปีนี้ จากความที่ PTTGC เป็นหุ้นที่มีความเสี่ยงจากราคาสินค้าปิโตรเคมี ซึ่งเชื่อมโยงกับ อุปสงค์-อุปทาน ในตลาดโลก ที่กำลังเผชิญความเสี่ยงจากเศรษฐกิจโลกถดถอย แม้ว่าราคาหุ้นจะถูกมากในเชิงพื้นฐาน แต่ กลยุทธ์เรายังคงคาดว่า ราคาหุ้นจะมีโอกาสถูกเรื้อรัง (เล่นเด้งได้ไม่ไกล) จนกว่า ภาวะเศรษฐกิจโลกจะมีความชัดเจน ว่าไม่เกิดการถดถอย ในปีหน้า
กลยุทธ์ แนะนำ Wait and see / สำหรับใครที่มีหุ้นอยู่-ลงทุนแบบ VI แนะนำใช้ SBL ในการช่วยสร้างผลตอบแทน / ส่วนนักเล่นรอบ แนะนำ Wait and see
GLOBAL 4Q19 ฟื้นตัวช้า แต่คาดปีหน้าเติบโตแข็งแกร่ง
เราคาดอัตราการเติบโตของยอดขายสาขาเดิมปรับตัวเพิ่มขึ้น 1% YoY ใน 3Q19 ซึ่งชะลอตัวจาก 6.5% ใน 1Q19 และ 5% ใน 2Q19 จากผลกระทบของน้ำท่วม อัตรากำไรขั้นต้นคาดปรับตัวดีขึ้นจากการบริหารสินค้าคงคลัง แต่คาดอัตรส่วน SG&A ต่อยอดขายจะปรับตัวเพิ่มขึ้น จากการเปิดสาขาใหม่ที่สตูล และภูเก็ต โดยรวมเราคาดกำไรหลักที่ 402 ล้านบาท ลดลง 9% YoY และ 24% QoQ จากภาพกำไรใน 9M19 เรามีการปรับประมาณการกำไรปี 2019 และ 2020 ลง 4-5% เรามองว่าราคาหุ้นน่าจะเริ่มฟืนตัวได้ช่วง ธ.ค. หลังจากการปรับประมาณการกำไรของตลาดสะท้อนไปในราคาหุ้นหมดแล้ว รวมถึงรับกลับการฟืนตัวของกำไรใน 2020 เรายังคงคำแนะนำ ซื้อเก็งกำไร ปรับราคาเปาหมายไป ณ สิ้นปี 2020 ที่ 17.80 บาท
มุมมองกลยุทธ์: ด้วยความเสี่ยงจากอุกทภัยตามธรรมชาติ ซึ่งควบคุมไม่ได้ อาจมีผลต่องบ 3Q19 อยู่บ้าง จากกำลังซื้อที่ลดลงไป แต่ในระยะ 3-6 เดือน เราเห็นเป็นโอกาสในการเข้าซื้อลงทุน เพราะเมื่อผ่านช่วง 3Q เป็นต้นไป คาดความต้องการซ่อมแซมที่อยู่อาศัย ในต่างจังหวัด ที่โดนน้ำท่วม จะเพิ่มขึ้น โดยกำลังซื้อส่วนหนึ่งที่เพิ่มขึ้นจะมาจาก เงินอุดหนุนเยียมยาจากภาครัฐฯ และเงินจะวนกลับมาเพิ่มยอดขายให้ GLOBAL ตั้งแต่ 4Q19-2Q20 เป็นต้นไป บวกกับ SG&A ที่คาดว่าจะลดลงจากนวัตกรรมบริหารจัดการคลังสินค้าอันทันสมัยที่เริ่มใช้จะยิ่งเห็นผลดีในปีหน้า
กลยุทธ์ แนะนำ ซื้อเมื่ออ่อนตัว ลงมารับ งบ 3Q19 คาด Downside ไม่ควรลึกไปกว่าบริเวณ 14.5 และ 14 บาท เป็นจุด Stop loss ของรอบ
หุ้นมีข่าว
AWC
* GIC PRIVATE LIMITED เข้าเก็บหุ้น AWC หนุนถือหุ้น 7.4191% สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) แจ้งว่าเมื่อวันที่ 10 ต.ค.ที่ผ่านมา GIC PRIVATE LIMITED ได้มาซึ่งหลักทรัพย์บมจ.แอสเสท เวิรด์ คอร์ป (AWC) จำนวน 7.4191% ของสิทธิออกเสียงทั้งหมดของกิจการ ส่งผลมีจำนวนหลักทรัพย์ภายหลังการได้มา คิดเป็น 7.4191% ของสิทธิออกเสียงทั้งหมดของกิจการ (ที่มา กลต.)
EPCO
+ บริษัทอยู่ระหว่างเจรจาร่วมทุนกับพันธมิตรเพื่อลงทุนพลังงานทดแทนในประเทศเวียดนาม 3 โครงการรวม 700 MW (400 MW,150 MW,150 MW) โดยบริษัทจะถือหุ้นไม่น้อยกว่า 50% คาดจะเซ็นสัญญาภายในเดือน พ.ย. 62 นี้
พร้อมกันนี้บริษัทอยู่ระหว่างศึกษาการเข้าซื้อกิจการ (เทกโอเวอร์)โรงไฟฟาในประเทศไทย คาดว่าจะเห็นความชัดเจนภายในเร็วๆนี้ ซึ่งการเดินหน้าลงทุนโรงไฟฟาอย่างต่อเนื่องนั้น เพื่อบรรลุเป้าหมายภายในปี 64 มีโรงไฟฟาภายใต้การบริหารไม่ต่ำกว่า 1,000 MW
ส่วนแนวโน้มผลงานไตรมาส 3/62 จะเติบโตต่อเนื่อง เพราะบริษัทจะรับรู้รายได้จากกำลังการผลิตในมือรวม 533 MW ประกอบกับบริษัทมีการบริหารจัดการต้นทุนที่ดี ทำให้ความสามรถในการทำกำไรเพิ่มขึ้น ส่วนไตรมาส 4/62 มั่นใจกำไรสุทธิจะเติบโต "หลายเท่าตัว" เพราะบริษัทจะบันทึกกำไรพิเศษจากการขายหุ้น SPM ให้ BGC เข้ามา 500 ล้านบาท ในไตรมาส 4
"EP" ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ EPCO ซึ่งถือหุ้นในสัดส่วน 75% ได้ขายหุ้นและหนี้ทั้งหมดของ "บ.โซล่าร์ พาวเวอร์ แมเนจเม้นท์ (ประเทศไทย) หรือ SPM" ให้ "บ.บีจี คอนเทนเนอร์ กล๊าสหรือ BGC มูลค่า 1.25 พันล้านบาท โดย EPได้รับเงินมัดจำเข้ามาแล้ว 125.90 ล้านบาท และเดือน พ.ย.62 นี้จะได้เงินส่วนที่เหลืออีก 1.13 พันล้านบาท ดังนั้นทำให้บริษัทจะบัญทึกกำไรจากการขายหุ้น SPM เข้ามาในช่วงไตรมาส 4/62 คาดกำไรจากการลงทุนครั้งนี้อยู่ที่ 500 ล้านบาท" (ที่มา ASPEN)
SGP
+ SGP แจ้งว่าที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทเมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2562 อนุมัติให้ซื้อเงินลงทุนในหุ้นของ บริษัท ไทยพับลิคพอร์ต จำกัด (TPP) คิดเป็น 100% ของจำนวนหุ้นทั้งหมด คิดเป็นมูลค่ารวมไม่เกิน 3,360 ล้านบาท เพื่อเป็นการลงทุนในโครงการคลังน้ำมันและท่าเรือ บริเวณเกาะสีชัง อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี โดยมี บริษัท สยาม แอลเอ็นจี จำกัด (SLNG) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่บริษัทถือหุ้นในสัดส่วน 99.99% ของทุนจดทะเบียน เป็นผู้ลงทุน
โดย SLNG ได้เข้าซื้อเงินลงทุนในหุ้นของ TPP จาก บริษัท ธานินทร์ โฮลดิ้ง จำกัด บริษัท อรรฐนี อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด บริษัท อัครพร็อพเบอร์ตี้ จำกัด และ บริษัท ศรีเสรีขนส่ง จำกัด คิดเป็น 40.51% ของทุนชำระแล้วของ TPP เมื่อวันที่ 26 กันยายน 2562 และต่อมาในวันที่ 16 ตุลาคม 2562 คณะกรรมการบมจ.อาร์พีซีจี (RPC) ได้มีมติอนุมัติให้ RPC ขายเงินลงทุนในหุ้นของ TPP จำนวน 30% ของทุนชำระแล้วของ TPP ให้แก่ SLNG ซึ่งในส่วนนี้คิดเป็นมูลค่า 1,000 ล้านบาท โดยจะดำเนินการโอนหุ้นที่กระทรวงพาณิชย์ภายในวันที่ 18 ตุลาคม 2562 (ที่มา ASPEN)
SCB
+ SCB เปิดบริการ'มีตังค์'แก้ปญหาช็อตเงิน นายอรพงศ์ เทียนเงิน ผู้จัดการใหญ่ ธนาคารไทยพาณิชย์ เปิดเผยว่า ธนาคารได้เปิดบริการมีตังค์บนแอพพลิเคชั่นเอสซีบีอีซี่ เพื่อให้พนักงานรายได้ประจำได้เบิกเงินเดือนล่วงหน้าตลอด 24 ชั่วโมง โดยสามารถเบิกเงินเดือนได้เท่ากับจำนวนวันที่ได้ทำงานจริงมาแล้วในเดือนนั้น ๆ สูงสุดไม่เกิน 50% ของเงินเดือน หรือไม่เกิน 20,000 บาทต่อเดือน ซึ่งช่วงแรกนำร่องกับ 2 บริษัท ได้แก่บริษัท วิลล่า มาร์เก็ท เจพี จำกัด และบริษัท อำพลฟูดส์ โพรเซสซิ่ง จำกัด มีพนักงานรวมกันกว่า 2,500 คน คาดว่าปีนี้จะทำให้ขยายบัญชีเงินเดือนเพิ่มกว่า 20% หรือ 4 แสนบัญชี จากปัจจุบันอยู่ที่ 2 ล้านบัญชี และตั้งเป้าหมายปี 63 ขยายฐานบัญชีเงินเดือนกว่า 20% เช่นกัน (ที่มา เดลินิวส์)
BEM
0/- จากข้อสรุปผลการเจรจาเพื่อยุติข้อพิพาทก่อนหน้านี้ รมว.คมนาคม เห็นว่า เป็นการนำข้อพิพาทระหว่าง กทพ.และ BEM ที่มีทั้งหมดมาพิจารณา และใช้สมมุติฐานที่ว่าทางเอกชนจะชนะกทพ.ทุกคดี แต่ข้อเท็จจริงล่าสุดพบว่า มีคดีที่ศาลเพิ่งตัดสิน ให้กทพ.ชนะเอกชน เท่ากับ ตอนนี้ไม่ใช่ว่าเอกชนจะชนะทุกคดีแล้ว เมื่อข้อเท็จจริงเปลี่ยนไป ดังนั้น ผลสรุปการเจรจาเดิมคงใช้ไม่ได้
โดยหลังจากนี้ จะนำข้อมูลที่คณะทำงานชุดที่มีนายพิศักดิ์ จิตวิริยะวศิน รองปลัดกระทรวงคมนาคม เป็นประธาน มาพิจารณาอย่างรอบคอบ และต้องตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างละเอียดว่าข้อกฎหมายในแต่ละคดี มีความคล้ายหรือแตกต่างกันอย่างไร โดยจะสรุปข้อมูลได้แล้วเสร็จภายในเดือนต.ค.นี้
สำหรับข้อพิพาทล่าสุดซึ่งรมว.คมนาคม ระบุว่า เป็นคดีที่กทพ.ชนะเอกชนนั้น เป็นคำวินิจฉัย ศาลปกครองกลาง เมื่อวันที่ 19 ก.ย. 2562 โดยพิพากษาเพิกถอนคำชี้ขาดอนุญาโตตุลาการ เมื่อวันที่ 20 ธ.ค.2556 ที่สั่งให้ กทพ. ชำระเงินค่าก่อสร้างและค่าใช้จ่ายต่างๆ ในการดำเนินการก่อสร้างโครงการระบบทางด่วนขั้นที่ 2 ในส่วนงานที่มีการเปลี่ยนแปลงเพิ่ม 3 จุด ได้แก่ จุดเชื่อมต่อถนนงามวงศ์วาน จุดเชื่อมต่อถนนแจ้งวัฒนะ และจุดเชื่อมต่อถนนพระราม 9 แก่ BEM เป็นเงินจำนวนทั้งสิ้น 382,546,492 บาท (ที่มา อินโฟเควสท์) (ที่มา ASPEN)
MARKET
+ กลต.จ่อเพิ่มขั้นต่ำ นายจ้าง 'สมทบ' สำรองเลี้ยงชีพ ชี้นายจ้างในสมาคมกองทุนสำรองเลี้ยงชีพเห็นด้วยการปรับเพิ่มเงินสมทบขั้นต่ำให้ลูกจ้างจากเดิมที่ระดับ 2% เหตุส่วนใหญ่จ่ายเฉลี่ยระดับ 5% พร้อมดันกองทุน PVD เติบโตเฉลี่ยกว่า 5% ต่อปี ลุ้นคลังจ่อดันกฎหมายกบช.เข้าที่ประชุมครม.เร็วๆ นี้ (ที่มา กรุงเทพธุรกิจ)
กระตุ้นลูกจ้างออม'พีวีดี' น.ส.รื่นวดี สุวรรณมงคล เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ บริษัทนายจ้างที่มีกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (พีวีดี) ต้องเข้ามามีบทบาทกระตุ้นให้ลูกจ้างสะสมเงินเต็มสิทธิ 15% ของเงินเดือน เนื่องจากที่ผ่านมาพบว่า สมาชิกพีวีดีในวันเกษียณอายุกว่า 60% ได้รับเงินก้อนไม่ถึง 1 ล้านบาท สวนทางผลวิจัยที่ระบุว่า คนไทยที่เกษียณอายุควรมีเงิน 3-5 ล้านบาท ถึงจะเพียงพอต่อการดำรงชีวิต สะท้อนให้เห็นว่าคนไทยส่วนใหญ่มีเงินไม่เพียงพอ สะท้อนให้เห็นว่าคนไทยส่วนใหญ่ยังขาดความรู้ความเข้าใจกับการออมและลงทุนเพื่อวัยเกษียณ (ที่มา เดลินิวส์)
Trend Forecasting
SET Index ปิด 1,634.46 (+0.46%) มูลค่าการซื้อขาย 5.8 หมื่นล้านบาท
แนวโน้มระยะสั้นมอง
SET Index แนวรับ 1,630 แนวต้าน 1,645/ SET100 รับ 2,395 ต้าน 2,415
BSET100 รับ 10.62 ต้าน 10.70 / BMSCITH รับ 11.88 ต้าน 11.98
หัวข้อ: SET Index ผ่านด่านสำคัญ เป้าหมายถัดไปที่....และใครจะเป็นผู้นำกลุ่ม!
กลยุทธ์เทคนิค:
ดัชนีทะลุผ่านด่านแนวต้าน 1630 จุดแบบนิ่มๆ สบายๆ ก็ต้องบอกว่าเครื่องมือวัดโมเมนตัมที่วิเคราะห์ไปช่วงก่อนแม่นทีเดียว อาทิเช่น Volume, Trend bearkout, MACD ,Stochastic และ RSI มาพร้อมกัน โอกาสผิดเป็นไปได้หรือไม่... เอาเป็นว่ารอบนี้จะใช้วิธี Traling stop เข้ามาช่วย หากดัชนีขึ้นต่อก็ ถือหุ้นได้อย่างสบายใจ กันผิดพลาดหากหลุดแนวรับ 1625 จุด ก็ต้องยอม โดยให้น้ำหนักการขึ้นไปต่อ ส่วนเปาดัชนีจะขึ้นไปที่ใด... กลุ่มไหนจะเป็นผู้นำ ติดตามต่อมุมมองทางเทคนิคด้านล่างได้เลยครับ
มุมมองทางเทคนิค:
Fibonacci retracement แสดงตำแหน่งแนวรับ-ต้านของดัชนี ปัจจุบันกำลังผ่านจุดต้านแรก 23.6% เปาหมายถัดไปจะอยู่ที่ 38.2% = 1650 จุด หากดัชนียังแรงขึ้นต่อก็ไปถึงแนวต้านถัดไปที่ 1670 จุดนั่นเอง ถ้าจะถามว่ารอบนี้ไปถึงไหน ส่วนตัวขอให้วิ่งไปให้สุดเลยที่ 1670 ส่วนกลุ่มอุตสาหกรรมเด่น Hero เมื่อวานเลือก กลุ่มโรงไฟฟา, ไฟแนนซ์ และสื่อสาร เนื่องจากดัชนีทำจุดสูงสุดใหม่ในรอบ 1 เดือนและล่าสุดเพิ่มเข้ามาอีก 1 คือกลุ่มขนส่ง แน่นอนหุ้น AOT เป็นผู้นำแล้วยังเป็นหุ้นที่แนะนำซื้อต่อเนื่องมา 2 วัน ส่วนจะมีกลุ่มอื่นๆตามมาอีกหรือไม่ โปรดติดตามตอนต่อไป....
วิธีการเลือกหุ้น:
โครงสร้างกำลังเข้าสู่จุดกลับตัวเป็นขาขึ้นแนะใช้เครื่องมือทางเทคนิคจับจังหวะการเทรดได้แม่นย้ำเหมาะกับภาวะตลาดในปัจจุบัน เช่น EMA, Stochastic, MACD, Volume , Price pattern
*1-month high * Utility, Finance, ICT, Transport sectors
โมเดลพอร์ตทางเทคนิค:
สรุปผลตอบแทนการลงทุน Year to date +9.59% สูงกว่าตลาดที่ +4.04%
*Addition(หุ้นเพิ่ม): EPG, STPI, RS
*Deletion(หุ้นออก): BCH, BEM,TASCO
หุ้นคงเหลือ: STEC, BGRIM, SPCG, JWD, CPALL, MTC, ADVANC, CPF, AOT, IVL, M, TFG, KKP, MONO
ธนรัตน์ อิศรกุลนักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์และปัจจัยทางเทคนิค
[email protected] +662-618-1334
Track with Technical: "Buy signal"
EPG
แนวโน้ม เปลี่ยนเป็นขาขึ้น
รับ 7.70
ต้าน 9.50-10.00
เหตุผล ทะลุต้านใหญ่ ยืนยันด้วยวอลุ่มบ่งชี้สัญญาณกลับตัวและโอกาสมาแรงอีกครั้ง หลังจากทะลุ high ในรอบสัปดาห์
STPI
แนวโน้ม ลงมาให้ซื้อ
รับ 6.50
ต้าน 8.00
เหตุผล สู้บนแนวรับสำคัญ 6 บ. ขณะที่ RSI แสดงจุดซื้อประเมินทิศทางฟืนตัวจากการลงแรง
RS
แนวโน้ม Bull กำลังจะมา
รับ 15.30
ต้าน 17.50
เหตุผล EMA กำลังจะเกิดสัญญาณซื้อขึ้นอีกครั้งนอกจากนี้ราคาหุ้นยังอยู่ที่ฐานแนวรับใหญ่ 15 บ. ลุ้นขึ้นได้ไม่ยาก