- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 15 October 2019 16:55
- Hits: 1051
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
“กลับมาไม่มั่นใจ ดีลการค้า จีนขอเจรจาเพิ่ม”
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : --
ภาวะตลาดและปัจจัย : SET วันศุกร์ +18.50 จุด ปิดที่ 1626.0 จุด มูลค่าการซื้อขายสูงขึ้นเป็น 61.6 พันล้านบาท ได้รับผลบวกแนวโน้มการเจรจาการค้าที่ดีขึ้น หุ้นโรงไฟฟ้าเด่น และมีข่าวเรือบรรทุกน้ำมันอิหร่านถูกโจมตี หุ้นพลังงานดีดขึ้น รายย่อยและโบรกเกอร์ขายสุทธินำ ซื้อสุทธิเป็นต่างชาติและรายย่อย ตั้งแต่ต้นเดือนถึงปัจจุบันต่างชาติขายสุทธิลดลงเป็น 3.8 พันล้านบาท ด้านแนวโน้มตลาดและกลยุทธ์คือ
# ปัจจัยสำคัญ: เจรจาการค้ากลับมากังวล จีนขอเจรจาเพิ่ม ดาวโจนส์กลับมาปรับลง 29 จุด จากวันศุกร์ทะยาน 320 จุด รับข่าวเจรจาการค้าคืบหน้าจะมีการลงนามเฟส 1 เลื่อนเก็บภาษีต.ค. เพราะจีนอยากเจรจาเพิ่มก่อนลงนาม และขอยกเว้นภาษี ธ.ค.62 ด้วย ติดตามผลประกอบการสหรัฐ 3Q62 ส่วน Brexit กลับมาไม่แน่นอน น้ำมันสป็อตและล่วงหน้าปรับลดหลัง EIA ลดคาดการณ์ความต้องการใช้น้ำมัน เข้าหาสินทรัพย์ปลอดภัย ทองคำปรับขึ้น ตลาดหุ้นเพื่อนบ้านเช้านี้ขึ้นเล็กน้อย ดาวโจนส์ล่วงหน้าปรับขึ้น บาทแข็ง ดัชนีความกังวลปรับลง
# ระยะสั้นคาด SET- สดใสขึ้นจากเจรจาการค้า ยังไม่รับข่าวช่วงหยุด แม้จีนขอเจรจาเพิ่ม AWC เข้า SET50 16 ต.ค. ด้าน KKP และ BEAUTY ถูกจัดไปเป็นหุ้นสำรองใน SET50 และ SET100 ตามลำดับ ล่าสุดเข้า FTSE วันที่ 18 ต.ค.ด้วย และ TMB-T1 เริ่มซื้อขายวันนี้ กลุ่ม BBS ชนะอู่ตะเภา อาจมีการเก็งกำไรหุ้นส่งออก หุ้นเด่นเป็นกลุ่มเดินทาง-ท่องเที่ยว และพาณิชย์ จากมาตรการส่งเสริมจากรัฐ การลงทุนยังเน้นหุ้น Defensive ปันผลสูง และ Domestic Play หลังเศรษฐฺกิจชะลอ คาด SET ซื้อขายในกรอบ 1615-1640 จุด แนวต้านเป็น 1630-1640 จุด แนวรับอยู่ที่ 1615-1610 จุด การเข้าเก็งกำไรควรเข้าไว-ออกไว กลยุทธ์ คือเลือกลงทุนทยอยสะสม เป็นรายกลุ่มและรายตัว (Selective) ตาม Theme เป้าหมายดัชนีปีนี้ 1680 ราคาน้ำมันปรับขึ้นจากความไม่สงบตอ.กลาง- PTT,PTTEP หุ้นได้ประโยชน์มาตรการรัฐ-CPALL,BJC,AMATA,WHA,CK,STEC ดอกเบี้ยขาลง- DIF,CRYSTAL,TPRIME,MTC,SAWAD ปันผลสูง- KKP, TISCO,LALIN, SC หุ้น DEFENSIVE- ADVANC,BTS,BEM ได้ประโยชน์ IMO 2020- TOP ตัวเลขนักท่องเที่ยวจีนฟื้นตัว รัฐกระตุ้นท่องเที่ยว- AOT,ERW,MINT กลุ่มการแพทย์ 3Q ฤดูกาลดีที่สุดในรอบปี อากาศผันผวนสูง - CHG,RJH,RPH โรคอหิวาต์แอฟริกันในสุกร (ASF)- GFPT
# Stock Pick Today : IVL คงคำแนะนำซื้อ ให้ราคาพื้นฐาน 48 บาท ทั้งนี้แนวโน้มผลประกอบการ 2H62 ไปได้ดี โดยปริมาณขายและมาร์จิ้นเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบ HoHและราคาหุ้นที่อ่อนลงได้สะท้อนความกังวลเรื่องการแบนพลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวของอินเดียไปแล้วซึ่งคาดว่าจะ กระทบกับ IVL จำกัด เพราะมีโรงงาน PET 2 แห่งในอินเดีย กำลังการผลิตรวม 6.96 แสนตันต่อปี แต่มีปริมาณการผลิตจริงราว 3.48 แสนตันต่อปี คิดเป็น 3% ของปริมาณผลิตรวมที่ 13 ล้านตันต่อปีของบริษัท
Thailand Research Team : reseach-th.dbs.com
Inside Story
Key Drivers TODAY : ปัจจัยต่างประเทศ / ปัจจัยในประเทศ
Trading Strategy : TMB (ราคาปิด 1.49 บาท) : TMB-T1 เข้าทำการซื้อขาย 15-24 ต.ค.นี้
Industry Focus : ขนส่ง และรับเหมาก่อสร้าง
Company Guide : IRPC (ถือ -ราคาพื้นฐาน 4.20)
Flash Note : CPALL (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 92.50)
HMPRO (ถือ -ราคาพื้นฐาน 17.50)
In The News : NOBLE (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 32.94)
Turnover List Watch : TKN หมดอายุใช้ Cash Balance
New Listing : TMB-T1
Key Drivers TODAY
ปัจจัยต่างประเทศ
-/• เจรจาการค้าสหรัฐ-จีน: จีนขอเจรจาเพิ่ม ก่อนจะมีการลงนามเฟส 1
# จีนต้องการเจรจาเพิ่มเติมกับสหรัฐอีกอย่างเร็วที่สุดในช่วงปลายเดือนต.ค.นี้ เพื่อสรุปรายละเอียดของข้อตกลงการค้าขั้นแรกก่อนที่ผู้นำทั้งสองจะลงนามร่วมกัน สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานโดยอ้างแหล่งข่าวว่า ทางฝั่งจีนอาจส่งคณะผู้แทนเจรจา ซึ่งนำโดยรองนายกรัฐมนตรี หลิว เหอ ไปสรุปข้อตกลงเป็นลายลักษณ์อักษรเพื่อให้ผู้นำทั้งสองประเทศลงนามร่วมกันได้ในการประชุมสุดยอดผู้นำความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชียแปซิฟิก (เอเปค) ในเดือนหน้าที่ประเทศชิลี
# นอกจากนี้ แหล่งข่าวระบุด้วยว่า จีนยังต้องการให้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ล้มเลิกแผนการขึ้นภาษีนำเข้าในเดือนธ.ค.ด้วย นอกเหนือไปจากที่เสนอว่าจะยกเลิกการขึ้นภาษีตามกำหนดการในสัปดาห์นี้
+/- สหรัฐ: เริ่มทยอยประกาศผลการดำเนินงาน 3Q62
# นักลงทุนจับตาผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน โดยธนาคารรายใหญ่ของสหรัฐมีกำหนดเปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 3 ในวันนี้ ซึ่งได้แก่ เจพีมอร์แกน เชส, โกลด์แมน แซคส์, ซิตี้กรุ๊ป และเวลส์ฟาร์โก ขณะที่บริษัทจอห์นสัน แอนด์จอห์นสัน และยูไนเต็ดเฮลธ์ กรุ๊ป มีกำหนดเปิดเผยผลประกอบการในวันนี้เช่นกัน
- Brexit: มีความไม่แน่นอนในการทำข้อตกลง
# นักลงทุนวิตกเกี่ยวกับความไม่แน่นอนในการทำข้อตกลงถอนตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) หลังจากที่อังกฤษและสหภาพยุโรป (EU) เปิดเผยในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า ยังจำเป็นต้องดำเนินการอีกมากเพื่อทำข้อตกลงBrexit
- ดัชนีหุ้นสหรัฐ: ปรับลง หลังจีนขอเจรจาการค้าเพิ่ม
# ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 26,787.36 จุด ลดลง 29.23 จุด หรือ -0.11% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่2,966.15 จุด ลดลง 4.12 จุด หรือ -0.14% ส่วนดัชนี Nasdaq ปิดที่ 8,048.65 จุด ลดลง 8.39 จุด หรือ -0.10%
# ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (14 ต.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเริ่มกลับมากังวลเกี่ยวกับสถานการณ์การค้าระหว่างสหรัฐกับจีนอีกครั้ง หลังมีรายงานว่าจีนต้องการเจรจาเพิ่มก่อนที่จะลงนามในข้อตกลงขั้นแรกกับสหรัฐขณะเดียวกันนักลงทุนจับตารายงานผลประกอบการประจำไตรมาส 3 ของบริษัทจดทะเบียน รวมทั้งข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้
- น้ำมัน: WTI ปรับลง EIA ปรับลดคาดการณ์ความต้องการใช้น้ำมันในตลาดโลก
# สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ย. ร่วงลง 1.11 ดอลลาร์ หรือ 2% ปิดที่ 53.59 ดอลลาร์/บาร์เรล
# สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนธ.ค. ดิ่งลง 1.16 ดอลลาร์ หรือ 1.9% ปิดที่ 59.35 ดอลลาร์/บาร์เรล
# สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (14 ต.ค.) หลังจากสำนักงานพลังงานสากล (IEA)ได้ปรับลดตัวเลขคาดการณ์ความต้องการน้ำมันในตลาดโลกในปีนี้และปีหน้า เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจมีแนวโน้มชะลอตัวลง นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากความไม่มั่นใจเกี่ยวกับสถานการณ์การค้าระหว่างสหรัฐและจีน หลังจากมีรายงานว่า จีนต้องการเจรจาเพิ่มเติมกับสหรัฐก่อนที่จะลงนามในข้อตกลงการค้าขั้นแรกกับสหรัฐ
- ทองคำ: ปรับขึ้น หลังแนวโน้มเจรจาการค้าไม่แน่นอน
# สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 8.9 ดอลลาร์ หรือ 0.6% ปิดที่1,497.6 ดอลลาร์/ออนซ์
# สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (14 ต.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัยท่ามกลางความวิตกกังวลเกี่ยวกับความไม่แน่นอนด้านการค้าระหว่างสหรัฐและจีน หลังมีรายงานว่าจีนต้องการเจรจาเพิ่มเติมก่อนลงนามในข้อตกลงขั้นแรกกับสหรัฐ
• ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่จะทยอยประกาศสัปดาห์นี้
# นักลงทุนยังรอดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ดัชนีภาคการผลิต (Empire State ManufacturingIndex) เดือนต.ค. จากเฟดนิวยอร์ก ยอดค้าปลีกเดือนก.ย., สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนส.ค., ดัชนีตลาดที่อยู่อาศัยเดือนต.ค.จากสมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติ (NAHB), รายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ หรือ Beige Book จากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด), จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาตก่อสร้างเดือนก.ย.,ดัชนีการผลิตเดือนต.ค.จากเฟดฟิลาเดลเฟีย, การผลิตภาคอุตสาหกรรม-อัตราการใช้กำลังการผลิตเดือนก.ย. และดัชนีชี้นำเศรษฐกิจเดือนส.ค.จาก Conference Board
ปัจจัยในประเทศและข่าวหลักทรัพย์
+ กระตุ้นการท่องเที่ยว: ครม.เศรษฐกิจอนุมัติ 16 มาตรการดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติ
# นายโชติ ตราชู ปลัดกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา เผยที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจวันนี้ มีมติอนุมัติมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยว 16 มาตรการ โดยรอบนี้เน้นมาตรการดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างประเทศ เพื่อให้จำนวนนักท่องเที่ยวได้ตามเป้า39.8 ล้านคนในปีนี้ หลังช่วง 8 เดือนแรก (ม.ค.-ส.ค.62) มีจำนวนนักท่องเที่ยวเข้ามาแล้ว 26.5 ล้านคน ดังนั้นช่วง 4 เดือนที่เหลือยังต้องการอีกกว่า 13 ล้านคน
# ผลกระทบ: รัฐบาลปรับเปลี่ยนยุทธศาสตร์มาเน้นการท่องเที่ยว ชดเชยการส่งออกชะลอตัวลง เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ มีความเป็นไปได้ที่จะทำได้ตามเป้าหมาย เพราะกำลังเข้าสู่ไฮ ซีซั่น หลักทรัพย์เดินทางท่องเที่ยวที่แนะนำ ซื้อ คือ AOT,ERW และ MINT
+ GDP ไทยปี 62: รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีมั่นใจปีนี้โตได้ 3% +/- ยังมีมาตรการกระตุ้นเพิ่มช่วงปลายปี
# นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี มั่นใจว่าอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจ (GDP) ของไทยในปีนี้จะอยู่ในระดับ 3% (+/-) ส่วนที่หน่วยงานอื่นมองว่า GDP ปีนี้อาจเติบโตได้แค่ 2.7% หรือ 2.8% อาจเป็นเพราะยังไม่รวมมาตรการต่างๆ ที่รัฐบาลจะดำเนินการในช่วงปลายปี ดังนั้นจึงเร็วเกินไปที่จะปรับเป้าหมาย GDP ส่วนปีหน้าคงต้องขอรอดูสถานการณ์โลกที่ร้อนแรงขึ้นเรื่อยๆ ในขณะนี้ก่อน แต่รัฐบาลก็ต้องการเลี้ยงเศรษฐกิจให้ดีขึ้น
# นอกจากนั้นนายกอบศักดิ์ ภูตระกูล รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี เผยการประชุม ครม.เศรษฐกิจ ในสัปดาห์หน้าจะมีการหารือเรื่องมาตรการกระตุ้นการส่งออก รวมทั้งการจัดตั้งกองทุนหมื่นล้านเพื่อช่วย SMEs
+ TMB: ประกาศวัน TMB-T1 เข้าซื้อขายวันนี้ 15 ต.ค. และจ่ายปันผลระหว่างกาล 0.03 บาท
# กำหนดวันเข้ามาซื้อขายของ TMB-T1 ตั้งแต่ 15-24 ต.ค.62 ถือว่าซื้อขายสั้นมากราว 7 วัน คาดว่ามูลค่า TMB-T1 อยู่ที่0.09 บาท ซึ่งคำนวณจากราคาปิด TMB เทียบกับราคาใช้สิทธิ์ที่ 1.40 บาท ซึ่งไม่ให้ค่าของเวลา เพราะอายุสั้นมาก
# สำหรับปันผลระหว่างกาลเป็น 0.03 บาท XD 29 พ.ย.62 อัตราผลตอบแทนปันผลอยู่ที่ 2% เป็นปันผลในรอบ 9M62และเนื่องจากระยะเวลาการใช้สิทธิ์ซื้อหุ้น TMB 8-22 พ.ย.62 ซึ่งทันวัน XD จึงได้ปันผลด้วย
# คำแนะนำ: มีนักลงทุนสอบถามว่าควรขาย TMB-T1 ออกไป หรือ ควรไปแปลงเป็น TMB เราเห็นว่าระยะสั้นราคาปิดTMB ช่วงนี้มีผลต่อการตัดสินใจมาก คือ หากราคายังปรับลงจนเข้าใกล้ราคาใช้สิทธิ์ที่ 1.40 บาท หรือปรับลงราว 6% จากนี้ ความน่าสนใจแปลงจะน้อยลง คือ การแปลงไม่ได้ช่วยให้ต้นทุนเฉลี่ยของผู้ถือหุ้นลดลงมากนัก แต่หากไม่ได้ปรับลงมากขนาดนั้น การขาย TMB-T1 ออกไป จะได้เงินน้อย 0.09 บาท แต่หากถือไปก็จะได้ปันผล 0.03 บาท และถือรอการเกิดsynergy ระหว่าง TMB กับ TBANK คือ TMB เด่นด้านเงินฝาก และ TBANK เด่นด้านสินเชื่อรถยนต์ คำแนะนำ ถือ TMBราคาพื้นฐานล่าสุด 2.00 บาท
นักวิเคราะห์&กลยุทธ์ : สมบัติ เอกวรรณพัฒนา : [email protected]