- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 11 October 2019 16:17
- Hits: 2023
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
“เจรจาการค้าดีขึ้น แต่ธปท.จะมีมาตรการสกัดบาทแข็ง”
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : BH (จาก Fully Valued เป็นถือ), PTTGC (จากซื้อเป็นถือ)
ภาวะตลาดและปัจจัย : SET วานนี้ -8.68 จุด ปิดที่ 1607.5 จุด มูลค่าการซื้อขายปานกลางเป็น 51.1 พันล้านบาท ดัชนีฯบ้านเรา SET อยู่ในแดนลบตลอดวัน กังวลเจรจาการค้า XD หุ้น ปตท. และ AWC ปรับเหนืองจองเพียงเล็กน้อย สถาบันและโบรกเกอร์ขายสุทธินำ ซื้อสุทธิเป็นต่างชาติและรายย่อย ตั้งแต่ต้นเดือนถึงปัจจุบันต่างชาติขายสุทธิลดลงเป็น 4.1 พันล้านบาท ด้านแนวโน้มตลาดและกลยุทธ์คือ
# ปัจจัยสำคัญ: เจรจาการค้า และ Brexit แนวโน้มดีขึ้น เพื่อนบ้านบวกถ้วนหน้า แต่ธปท.จะมีมาตการสกัดบาทแข็ง สหรัฐกล่าวการเจรจาราบรื่นขึ้น ปฏิเสธข่าวจีนกลับก่อนกำหนด 15 ต.ค.สำคัญ หากไม่สำเร็จจีนเริ่มถูกเก็บภาษี ดาวโจนส์และน้ำมันทั้งตลาด spot และล่วงหน้าปรับขึ้นได้ ตลาดเพื่อนบ้านเช้านี้บวกสดใสถ้วนหน้าดัชนีความกังวลดลง แต่ต้องติดตามมาตรการ ธปท.สกัดเงินบาท ส่วนใหญ่เป็นลบกับตลาดหุ้น สกัดเงินไหลเข้า นักลงทุนเข้าหาสินทรัพย์เสี่ยงมากขึ้น ทองคำปรับลง
# ระยะสั้นคาด SET- สดใสขึ้นจากเจรจาการค้า และ Brexit แนวโน้มดีขึ้น AWC เข้า SET50 16 ต.ค. ด้าน KKP และ BEAUTY ถูกจัดไปเป็นหุ้นสำรองใน SET50และ SET100 ตามลำดับ วันนี้ติดตามลูกหุ้น GPSC ต้นทุนต่ำ เข้าซื้อขายจำนวนมาก ติดตามจะมีแรงขายทำกำไรหรือไม่ อาจมีการเก็งกำไรหุ้นส่งออก หุ้นเด่นเป็นกลุ่มเดินทาง-ท่องเที่ยว และพาณิชย์ จากมาตรการส่งเสริมจากรัฐ การลงทุนยังเน้นหุ้น Defensive ปันผลสูง และ Domestic Play หลังเศรษฐฺกิจชะลอ คาด SET ซื้อขายในกรอบ 1590-1625 จุด แนวต้านเป็น 1615-1625 จุด แนวรับอยู่ที่ 1600-1590 จุด การเข้าเก็งกำไรควรเข้าไว-ออกไว กลยุทธ์ คือ เลือกลงทุนทยอยสะสม เป็นรายกลุ่มและรายตัว (Selective) ตาม Theme หุ้นได้ประโยชน์มาตรการรัฐ-CPALL,BJC,AMATA,WHA,CK,STEC ดอกเบี้ยขาลง- DIF,CRYSTAL,TPRIME ปันผลสูง-KKP,TISCO,LALIN,SC หุ้น DEFENSIVE- ADVANC,BTS,BEM อุปโภค-บริโภค ได้ประโยชน์ IMO 2020- TOP ตัวเลขนักท่องเที่ยวจีนฟื้นตัว รัฐกระตุ้นท่องเที่ยว-AOT,ERW,MINT กลุ่มการแพทย์ 3Q ฤดูกาลดีที่สุดในรอบปี อากาศผันผวน - CHG,RJH,RPH
# Stock Pick Today : DELTA ยอดขายรถยนต์ในสหรัฐดีขึ้น ยอดขายในเดือนก.ค.และส.ค.62 ของสหรัฐกลับมาเติบโตได้ โดยยอดขายรถยนต์นั่งและรถบรรทุก +2.4%และ +10.5% ในเดือนดังกล่าวตามลำดับ ซึ่งเป็นสัญญาณบวก ทาง DELTA คาดว่าคำสั่งซื้อชิ้นส่วนสำหรับรถยนต์ EV ในสหรัฐจะฟื้นตัวได้ใน 2H62 และช่วยให้มาร์จิ้นบริษัทดีขึ้นด้วย ด้านการขยายเครือข่าย 5G เป็นบวกในระยะ 3 ปีข้างหน้า ทางบริษัทได้ขยายกำลังการผลิตชิ้นส่วนเพื่อรองรับการเติบโตของเทคโนโลยี 5G และเราคาดว่าชิ้นส่วนนี้จะเป็น Key Growth ของบริษัทในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า ให้ราคาพื้นฐานไว้ที่ 55 บาท อิงกับ P/E ปี 63F ที่ 14 เท่า (-1SD) แนะนำ ซื้อเก็งกำไร แต่ด้านพื้นฐานแนะนำเพียง ถือ
การวิเคราะห์ทางเทคนิค: ระยะสั้น สัญญาณ Candlestick & Indicators เปลี่ยนกลับมาเป็นลบอีกครั้ง {“ปิดลบ” ใต้“SMA10วัน” (โดยถูกกดดันจาก“โครงสร้างขาลง –ระยะกลาง”)} ชี้ความน่าจะเป็นของตลาดฯวันนี้“แกว่งลง”เป็นหลัก แต่“ค่าบวก” (ถ้ามี / โดยมี Oversold + Divergence ในกราฟรายนาที(เดิม)“หนุน”) จะช่วยให้มีรีบาวด์ฯสั้นๆก่อน(แล้วจึงลงต่ำ,ตามมา)ได้ แนวต้าน 1615 – 1625 (หรือ 1630) จุด {แนวตัดขาดทุน “ต่ำกว่า 1605” (แนวรับย่อย “1600 – 1590 / 1580” จุด)} หุ้นที่มีสัญญาณบวกทางเทคนิคหรือมีโอกาสทำ New High มีดังนี้ หุ้นที่เข้ามาใหม่คือ SAWAD,DELTA,EA,PRM หุ้นที่ยังอยู่ใน List EGCO,JWD,TASCO,JMT,M,TOP,BCH หุ้นที่หลุด ListPTG และหุ้นที่อยู่ในพื้นที่หาจังหวะ Take Profit CKP
Thailand Research Team : reseach-th.dbs.com
Inside Story
Key Drivers TODAY : ปัจจัยต่างประเทศ / ปัจจัยในประเทศ
Trading Strategy : ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคก.ย.ต่ำสุดในรอบ 3 ปี
Company Guide : BH (ถือ -ราคาพื้นฐาน 136.00)
PTTGC (ถือ -ราคาพื้นฐาน 55.00)
TKN (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 13.00)
Flash Note : CHG (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 2.70)
Key Drivers TODAY
ปัจจัยต่างประเทศ
+ เจรจาการค้าสหรัฐ-จีน: มีทิศทางดีขึ้น ประชุมสุดท้ายวันนี้ ปฎิเสธจีนกลับก่อนแผน
# ปธน.ทรัมป์กล่าวว่า เขาจะพบปะกับนายหลิว เหอ รองนายกรัฐมนตรีจีนที่ทำเนียบขาวในวันนี้ นอกจากนี้ ปธน.ทรัมป์ยังได้แสดงมุมมองด้านบวกว่า การเจรจาวันแรกระหว่างเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐและจีน เป็นไปอย่างราบรื่น
#ทั้งนี้ การเจรจาระดับรัฐมนตรีระหว่างสหรัฐและจีนได้เริ่มขึ้นในวันพฤหัสบดี และจะมีการหารือกันต่อในวันศุกร์ตามเวลาสหรัฐ โดยนายหลิว เหอ รองนายกรัฐมนตรีจีน เป็นผู้นำคณะเจรจาการค้าของจีน ขณะที่ฝ่ายสหรัฐนำโดยนายสตีเวน มนูชิน รมว.คลังสหรัฐ และนายโรเบิร์ต ไลท์ไฮเซอร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐ (USTR) ปฏิเสธข่าวจีนจะเดินทางกลับก่อนกำหนด
• เจรจาการค้าสหรัฐ-จีน: จีนจะรอดพ้นจากการถูกเก็บภาษีเพิ่มหรือไม่
# สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า สหรัฐกำลังพิจารณาระงับการปรับขึ้นภาษีต่อสินค้านำเข้าจากจีนในวันที่ 15 ต.ค.เพื่อแลกกับการทำข้อตกลงด้านปริวรรตเงินตรากับจีน
#ทั้งนี้ สหรัฐมีกำหนดเพิ่มการเรียกเก็บภาษีต่อสินค้านำเข้าจากจีนวงเงิน 2.5 แสนล้านดอลลาร์ สู่ระดับ 30% ในวันที่ 15ต.ค. จากเดิมที่ระดับ 25% และมีกำหนดเก็บภาษี 15% ต่อสินค้านำเข้าจากจีนวงเงิน 1.6 แสนล้านดอลลาร์ ในวันที่ 15ธ.ค.
+/- สหรัฐ: ตัวเลขยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง ขณะที่ CPI ก.ย.อ่อนแอลง
# กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 10,000 ราย สู่ระดับ210,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะทรงตัวที่ระดับ 219,000 ราย
# กระทรวงแรงงานสหรัฐยังเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ทั่วไปทรงตัว หรือเพิ่มขึ้น 0% ในเดือนก.ย. เมื่อเทียบรายเดือน ซึ่งเป็นการปรับตัวที่อ่อนแอที่สุดนับตั้งแต่เดือนม.ค. หลังจากเพิ่มขึ้น 0.1% ในเดือนส.ค. การชะลอตัวของดัชนี CPIทั่วไปได้รับแรงกดดันจากการดิ่งลงของราคาพลังงาน และรถยนต์ แม้ว่าราคาอาหารปรับตัวขึ้น
+ Brexit: มีแนวโน้มจะออกมาด้านดี
# ตลาดมีความหวังในการทำข้อตกลง Brexit หลังจากนายกรัฐมนตรีของอังกฤษและไอร์แลนด์กล่าวว่า มีความเป็นไปได้ในการทำข้อตกลงดังกล่าว หลังจากเสร็จสิ้นการประชุมที่มีวัตถุประสงค์เพื่อผลักดันกระบวนการ Brexit อย่างเป็นระเบียบ
+ เฟด : รายงานการประชุม 17-18 ก.ย.ระบุเฟดกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจของสหรัฐ คาดปรับลดดอกเบี้ย
# คริส โลว์ นักวิเคราะห์จากเอฟทีเอ็น ไฟแนนเชียล กล่าวว่า ตลาดยังได้ปัจจัยหนุนจากการที่นักลงทุนคาดการณ์ว่า เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก 0.25% ในการประชุมนโยบายการเงินในวันที่ 29-30 ต.ค.นี้ เพื่อกระตุ้นการขยายตัวทางเศรษฐกิจ หลังจากรายงานการประชุมเมื่อวันที่ 17-18 ก.ย.ระบุว่า กรรมการเฟดมีความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจของสหรัฐ รวมทั้งความเสี่ยงที่เศรษฐกิจจะเผชิญภาวะขาลง หรืออาจร้ายแรงถึงขั้นถดถอย อันเนื่องมาจากผลกระทบของข้อพิพาทการค้า และการชะลอตัวของเศรษฐกิจทั่วโลก
+ ดัชนีหุ้นสหรัฐ: ปรับเพิ่ม คาดหวังเจรจาการค้าออกมาดี
# ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 26,496.67 จุด เพิ่มขึ้น 150.66 จุด หรือ +0.57% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่2,938.13 จุด เพิ่มขึ้น 18.73 จุด หรือ +0.64% ส่วนดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,950.78 จุด เพิ่มขึ้น 47.04 จุด หรือ +0.60%
# ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (10 ต.ค.) หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ประกาศว่าจะพบปะกับนายหลิว เหอ รองนายกรัฐมนตรีจีน ซึ่งเป็นผู้นำคณะเจรจาการค้าของจีนในวันนี้ ซึ่งข่าวดังกล่าวทำให้นักลงทุนมีความหวังว่าการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนจะมีความคืบหน้า นอกจากนี้ การพุ่งขึ้นของราคาหุ้นแอปเปิลยังเป็นอีก
ปัจจัยที่ช่วยหนุนตลาด
+ น้ำมัน: WTI ปรับขึ้น กลุ่มโอเปกให้คำมั่นรักษาเสถียรภาพราคาน้ามัน หวังเจรจาการค้าออกมาดี
# สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ย. เพิ่มขึ้น 96 เซนต์ หรือ 1.8% ปิดที่ 53.55 ดอลลาร์/บาร์เรล
# สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 78 เซนต์ หรือ 1.3% ปิดที่ 59.10 ดอลลาร์/บาร์เรล
# สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (10 ต.ค.) หลังจากกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน(โอเปก) ให้คำมั่นว่าจะพิจารณาทุกทางเลือกในการสร้างเสถียรภาพตลาดน้ำมัน นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยหนุนจากความหวังที่ว่า การเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนจะคืบหน้าด้วยดี
+ ทองคำ: ปรับลง หลังแนวโน้มเจรจาการค้าดีขึ้น
# สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. ร่วงลง 11.9 ดอลลาร์ หรือ 0.79% ปิดที่1,500.9 ดอลลาร์/ออนซ์ ซึ่งเป็นระดับปิดต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.
# สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบกว่า 1 สัปดาห์เมื่อคืนนี้ (10 ต.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย และเข้าซื้อสินทรัพย์เสี่ยงที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่า หลังจากมีกระแสคาดการณ์ว่าการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนจะมีความคืบหน้า
• ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่จะประกาศวันนี้
# ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในวันนี้ได้แก่ ราคานำเข้าและส่งออกเดือนก.ย. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนต.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน
ปัจจัยในประเทศและข่าวหลักทรัพย์
- เงินบาท: ธปท.เล็งออกมาตรการดูแลค่าบาทใน 1-2 เดือน พร้อมสกัดแรงกระแทกจากการค้าทองคำต่อค่าเงิน
# นายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า ธปท.อยู่ระหว่างเตรียมออกมาตรการเพิ่มเติมเพื่อูแลค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นมากในขณะนี้ ซึ่งมีปัจจัยหลักมาจากต่างประเทศ โดยคาดว่าจะประกาศใช้ในช่วง 1-2 เดือนนี้
# มาตรการประกอบด้วย 1) จะเปิดเสรีให้คนไทยไปลงทุนในต่างประเทศได้มากขึ้น 2) จะส่งเสริมให้มีผู้ประกอบธุรกิจให้บริการด้านการโอนเงินและแลกเปลี่ยนเงินตราระหว่างประเทศให้เข้ามาทำธุรกิจได้เพิ่มมากขึ้น 3) จะนำมาตรการออกมาใช้เพื่อลดแรงกระแทกของ flow ทองคำที่มีต่อค่าเงินบาท แต่จะไม่ใช่มาตรการที่ไปสกัดกั้นการซื้อขายทองคำ และ4) ดูแลในเชิงโครงสร้างที่มีผลต่อการเกินดุลบัญชีเดินสะพัดในระดับสูง
-ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค: ก.ย. อยู่ที่ 72.2 ลดลงต่อเนื่อง-ต่ำสุดในรอบ 3 ปี
# ม.หอการค้าฯ เผยดัชนีความเชื่อมั่นศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค เดือน ก.ย.62 อยู่ที่ระดับ 72.2 จาก 73.6 ในเดือนส.ค.62 โดยเป็นการปรับตัวลดลงในรอบ 39 เดือนและต่ำสุดในรอบ 3 ปี
# ขณะที่ ดัชนีความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจโดยรวมเดือน ก.ย.62 อยู่ที่ระดับ 59.3 จาก 60.9 ในเดือนส.ค.62 ส่วนดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับโอกาสในการหางานทำ อยู่ที่ระดับ 68.5 จาก 69.7 และดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับรายได้ในอนาคต อยู่ที่ระดับ 88.9 จาก 90.4
-GPSC: ลูกหุ้นจำนวนมากเข้าวันนี้จะมีแรงขายหรือไม่
# ในวันนี้หรือ 11 ต.ค.62 จะมีลูกหุ้นเข้ามากถึง 1,321.4 ล้านหุ้น เกิดจากหุ้นเพิ่มทุนให้ผู้ถือหุ้นเดิม ที่ราคาเพียง 56.00บาท และคิดเป็นสัดส่วนถึง 46.9% จากจำนวนหุ้นทั้งหมด ขณะที่ราคาหุ้นตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบัน (YTD) ปรับขึ้นมาแล้ว43% จากราคาปัจจุบันราว 75.00 บาท
# ผลกระทบ: คาดว่าอาจจะมีแรงขายทำกำไรออกมาบางส่วนได้ เพราะจากการพิจารณาต้นทุนผู้ถือหุ้นด้วยค่าเฉลี่ย(Moving Average) 10 วัน ย้อนไปจากวัน XR คือ 3 ก.ย.62 เป็น 65.86 บาท ด้านราคาพื้นฐาน DBS เป็น 70.00 บาท ซึ่งอยู่ระหว่างการทบทวน ส่วนราคาพื้นฐานตาม IAA Consensus ค่า Median เป็น 70.00 บาท สูงสุดที่ 77.00 บาท และต่ำสุด 66.00 บาท ราคาหุ้นปัจจุบันถือว่าอยู่ในช่วงสูง อีกทั้งราคาหุ้นเพิ่มทุนก็เป็นเพียง 56.00 บาท หากนำมาคำนวณตามสัดส่วนการจัดสรรหุ้นเพิ่มทุน ต้นทุนเฉลี่ยเป็น 61.24 บาท ต่ำกว่าราคาหุ้นปัจจุบัน 18.3% ดังนั้นระยะสั้นจึงอาจจะต้องระมัดระวังแรงขายที่อาจจะเกิดขึ้นได้
นักวิเคราะห์&กลยุทธ์ : สมบัติ เอกวรรณพัฒนา : [email protected]