WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

FSSบล.ฟินันเซีย ไซรัส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
กลยุทธ์วันนี้ >> Accumulate at 1,600//Stay in Defensive and Defensive Play
          ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index ปรับตัวขึ้นเด่นในช่วงเปิดตลาดโดยสามารถทะลุระดับ 1,620 จุดได้ระหว่างวัน อย่างไรก็ตามเนื่องจากยังไม่มีปัจจัยบวกใหม่ที่ชัดเจนทำให้ดัชนีอ่อนตัวลงมาและปิดลบเล็กน้อย 1.54 จุด ณ สิ้นวัน สถาบันในประเทศเป็นฝ่ายซื้อสุทธิ 1.5 พันลบ. ขณะที่นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 842 ลบ. (ส่วนตลาดฟิวเจอร์สถานะรายกลุ่มโดยรวมไม่มีนัยยะนัก)
          แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาดว่า SET Index จะอ่อนตัวลงทดสอบแนวรับบริเวณ 1,600 จุดอีกครั้งจากบรรยากาศการลงทุนที่ไม่สดใสหลังสหรัฐฯขึ้นบัญชีดำบริษัทและหน่วยงานจีน 28 แห่งซึ่งทำลายความคาดหวังเชิงบวกในการเจรจาการค้าของเจ้าหน้าที่ระดับสูงช่วงปลายสัปดาห์ลง ส่วนประเด็น Brexit ยังคงมีความไม่แน่นอน ขณะที่ผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน 3Q19 ของบ้านเราที่จะทยอยประกาศในช่วงสัปดาห์หน้าเป็นต้นไปโดยรวมไม่สดใสนักทำให้ตลาดขาดปัจจัยหนุนระยะสั้น เรายังมองแนวรับสำคัญบริเวณ 1,600 จุดยังเป็นจังหวะในการสะสมหุ้นโดยยังเน้นพักเงินในหุ้น Defensive และ Dividend Play
          กลยุทธ์ : ทยอยสะสมหุ้นพื้นฐานบริเวณ 1,600 จุด//พักเงินใน Defensive และ Dividend Play
          หุ้นเด่นเดือน ต.ค. :  ADVANC, AOT, BCH, CPALL, ORI
หุ้นเด่นวันนี้: ADVANC
          - แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมายปี 2020 ที่ 260 บาท
          - กลับมาแนะนำอีกครั้งในฐานะหุ้นปลอดภัยในยามความเสี่ยงภายนอกประเทศสูงขึ้น ขณะที่ทิศทางกำไร 2H19 ต่อเนื่องถึงปีหน้าเป็นขาขึ้นจากการแข่งขันที่ผ่อนคลายลง การควบคุมต้นทุนและรายจ่ายที่ทำได้ดี อุตสาหกรรมอยู่ในช่วงเก็บเกี่ยวประโยชน์จากการลงทุนโครงข่าย 4G ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา
          - การระงับข้อพิพาทและตกลงซื้ออุปกรณ์ 2G จาก TOT ทำให้ ADVANC ใช้เงินซื้ออุปกรณ์เพียง 250 ลบ. เทียบกับที่เคยจ่ายค่าเช่าราวปีละ 2 พันลบ. ประหยัดต้นทุนไปได้เกือบ 2 พันลบ./ปีซึ่งเรายังไม่ได้รวมในประมาณการ    
          Fund Flow วานนี้กระแสเงินทุนไหลเข้าภูมิภาค US$442ล้าน เม็ดเงินส่วนใหญ่ไหลเข้าไต้หวัน US$327ล้าน ขณะที่ไหลออกจากไทย US$28ล้าน แนวโน้มของกระแสเงินทุนในวันนี้มีทิศทางไหลออกจากภูมิภาคจากความกังวลต่อท่าทีสหรัฐและจีนที่ตึงเครียดขึ้นอาจส่งผลต่อการเจรจาทางการค้าที่ไม่เป็นดังหวัง
ประเด็นสำคัญวันนี้
          (-) ความหวังเลือนลาง การเจรจาของ จนท.ระดับ รมช.สหรัฐและจีนที่เริ่มตั้งแต่วันจันทร์ส่อเค้าตึงเครียด ขณะที่สหรัฐแบนวีซ่าเจ้าหน้าที่จีนและขึ้นบัญชีดำบริษัทเทคในจีน 28 แห่ง ส่วนจีนลดระดับความสำคัญของเจรจา โดยนายหลิวเหอจะไม่มีตำแหน่ง "ผู้แทนพิเศษ" กลบข่าวดีที่เฟดเตรียมเพิ่มขยายงบดุล
          (-) IMF เตรียมปรับลด GDP growth ของโลกปี 2020 ลง 0.8% (ปัจจุบันคาด 3.5%) หรือ US$7 แสนล้านที่หายไปเพราะความขัดแย้งทางการค้า ขณะที่ GDP ปีนี้จะโตต่ำสุดในรอบ 10 ปี
          (0) KTC แนวโน้มกำไร 3Q-4Q19 ไม่สดใสอย่างที่เคยคาดจากการตั้งสำรองฯสูงรองรับการ write-off NPL โดยคาดกำไร 3Q19 ที่ 1.39 พันลบ. +5% Q-Q, ทรงตัว Y-Y เราปรับกำไรปีนี้ลง 11% เป็น 5.7 พันลบ. +11% Y-Y แต่สถานการณ์จะดีขึ้นในปี 2020 คาดกำไรสุทธิ 6.9 พันลบ. +21% Y-Y เพราะสำรองฯลดลง รายได้ดอกเบี้ยเพิ่มจากการรับรู้รายได้ตามมาตรฐานใหม่ ยังไม่รวมการกลับรายการสำรองฯส่วนเกิน (ถ้ามี) เราปรับมาใช้ราคาเป้าหมายปี 2020 ที่ 48 บาท การ write-off ใน 2H19 เป็นเหตุชั่วคราวที่กดดันราคาหุ้นระยะสั้น ราคาอ่อนตัวลงเป็นโอกาสซื้อ  
          (+) ORI ยอด Presales 3Q19 เด่นกว่ากลุ่ม อยู่ที่ 1 หมื่นลบ. +40% Q-Q, -7% Y-Y จากความสำเร็จของการเปิดตัว 5 คอนโดใหม่อย่าง 1) The Origin 3 โครงการ (ลาดพร้าว 15, รัชดา-ลาดพร้าว, สุขุมวิท 105) มูลค่า 2.4 พันลบ. 2) Park Origin ราชเทวี มูลค่า 2.9 พันลบ. 3) Kensington ระยอง มูลค่า 1 พันลบ. ทั้งหมดได้รับการตอบรับดี ทำยอดขายได้กว่า 70% และมี 2 โครงการ Sold Out แกร่งกว่ารายอื่นที่ทำยอดขายคอนโดเปิดใหม่เพียง 20% ยอดขาย 9M19 คิดเป็น 83% ของเป้าทั้งปีที่ 2.8 หมื่นลบ. (+2% Y-Y) เชื่อว่าทำได้ไม่ยาก หุ้นปัจจุบันมี PE ปี 2019-20 เพียง 5.3 เท่าและ Dividend yield 7% ยังแนะนำซื้อ เป้าปีนี้ 10.10 บาท
          (-) ตลาดดาวโจนส์ ลดลง 313.98 จุด ปิดที่ 26,164.04 จุด เนื่องจากนักลงทุนกังวลเกี่ยวกับการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนในสัปดาห์นี้ หลังสหรัฐประกาศระงับการออกข้อจำกัดทางวีซ่าให้กับเจ้าหน้าที่จีนที่มีส่วนในการละเมิดสิทธิมนุษยชนชาวมุสลิมในมณฑลซินเจียง
          (-) ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบ จากความตึงเครียดด้านการค้าระหว่างสหรัฐ-จีน และความไม่แน่นอนที่อังกฤษจะถอนตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) แบบมีข้อตกลง
          (-) ตลาดเอเชียปรับลง ท่ามกลางความไม่แน่นอนของการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีน
          (+) ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้น ล่าสุดอยู่ที่บริเวณ 30.36 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
          (-) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ลดลง 12 เซนต์ ปิดที่ 52.63 ดอลลาร์/บาร์เรล  จากความกังวลต่อการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีน รวมถึง สำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของอุปสงค์น้ำมันในตลาดโลกปีนี้และปีหน้า
          (-) ราคาทองคำ COMEX ลดลง 50 เซนต์ ปิดที่ 1,503.90 ดอลลาร์/ออนซ์ จากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์
          SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 923.76 / +-
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
9 ต.ค.    - สหรัฐ: Powell speaks at NABE conference in Denver, FOMC Minutes
10 ต.ค.   - สหรัฐ-จีน: รื้อฟื้นการเจรจาการค้า
          - ไทย: ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (ก.ย.)
          - สหรัฐ: เงินเฟ้อ CPI (ก.ย.)
14 ต.ค.   - จีน: ส่งออก-นำเข้า (ก.ย.)
          - สิงคโปร์: 3Q19 GDP
15 ต.ค.   - ยูโรโซน: ZEW Survey Expectations (ต.ค.)
          Contact person : Jitra  Amornthum  Register : 014530
          Contact person : Veeravat Virochpoka Register : 047077
          www.fnsyrus.com
          FB: Finansia Syrus Research
   

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!