- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 09 October 2019 13:42
- Hits: 1327
บล.เออีซี : Daily Focus
AECS Daily Focus
--------------
Market Outlook
• วันนี้มอง SET Index ปรับตัวลงทดสอบแนวรับ 1,600 จุด หลังประเด็นความเสี่ยงการเจรจาสงครามการค้าสหรัฐฯ-จีนปลายสัปดาห์ ถูกกดดันจากกรณีที่สหรัฐฯ ประกาศระงับการออกวิซ่าให้กับเจ้าหน้าที่จีน และการแบนบริษัทเทคโนโลยีของจีน โดยกล่าวอ้างว่าบริษัทจีนละเมิดสิทธิมนุษยชนของชาวมุสลิมในเขตปกครองซินเจียง สร้าง Sentiment เชิงลบช่วงสั้นต่อตลาด
• Market Factor
• (-) การเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีนเกิด sentiment ในเชิงลบ หลังสหรัฐฯ กล่าวหาว่าจีนละเมิดสิทธิมนุษยชนของชาวมุสลิมในมนทลซินเจียงทำให้สหรัฐฯ แบนบริษัทเทคโนโลยีของจีน 28 แห่งบวกกับแบน วีซ่าเจ้าหน้าที่จีนที่เกี่ยวข้องกับประเด็นนี้
• (+) ประธาน Fed นายเจอโรม พาวเวล จะเริ่มขยายงบดุลอีกครั้ง ผ่านทางการซื้อพันธบัตรรัฐบาลระยะสั้นของสหรัฐฯ
• (+) ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเห็นชอบร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 ที่วงเงิน 3.2 ล้านล้านบาท เพื่อเตรียมเข้าสู่ขั้นตอนพิจารณาของสภาฯในรายละเอียดต่อไป (ผู้จัดการออนไลน์)
• (-) องค์กรการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ปรับลดคาดการณ์ GDP ไทยปีนี้ลงมาที่ 2.9% และปี 2563 อยู่ที่ 3.0% จากเดิมที่คาดโต 4.1% เพื่อให้สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัว (สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย)
• (watch) ติดตามมาตรการกระตุ้นจาก ครม.เศรษฐกิจ สัปดาห์นี้ โดยมีวาระประชุม 3 เรื่องหลัก 1.การติดตามสภาวะเศรษฐกิจ 2.การแก้ไขปัญหาอุปสรรคด้านการท่องเที่ยว และ 3.การติดตามภาวะการส่งออกของประเทศ (กรุงเทพธุรกิจ)
• Consensus ปรับลดประมาณการ EPS โดยข้อมูลจาก Bloomberg Consensus พบว่าเมื่อต้นปี EPS ปี 62 ที่ 115.13 บาท ขณะที่ปัจจุบันเหลือเพียง 98.85 บาท หรือลดลง 14.14%YTD
• Update Flow เมื่อวานนี้ต่างชาติกลับมาขายสุทธิในตลาดหุ้นไทยต่อ 841.62 ลบ.ส่งผลภาพรวม MTD.ต่างชาติขายสุทธิรวม 6,182.15 ลบ.(ทิศทางเดียวกับสถาบันที่ขายสุทธิ MTD รวม 4,729.49 ลบ. ขณะที่รายย่อยซื้อสุทธิรวม 10,102.44 ลบ.)
• Investment Strategy
• สัปดาห์นี้ เรามองดัชนีมีโอกาส Sideway down โดยช่วงต้นสัปดาห์มองการแกว่งตัวในกรอบ 1,590-1,620 จุด เพื่อติดตามประเด็นการเจรจา Trade war สหรัฐฯ-จีน ที่จะมีในวันที่ 10-11 ต.ค. / BREXIT / มุมมองการลดดอกเบี้ย Fed จากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ อย่างไรก็ดี คาดมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจด้านการส่งออกและท่องเที่ยวออกมาช่วยหนุนตลาดได้ ซึ่งเป็นปัจจัยที่ต้องติดตาม ดังนั้นแนะนำชะลอการลงทุนและติดตามประเด็นสำคัญต่างๆข้างต้นและSelective Buy หุ้นที่มีประเด็นบวกและคาดผลการดำเนินงานดีใน 5 กลุ่ม ดังนี้
• หุ้นกลุ่มที่จะได้ประโยชน์จากแผนกระตุ้น ศก.ของรัฐฯทั้งมาตรการท่องเที่ยว, ชิมช้อปใช้และงานประมูลภาครัฐฯ: แนะนำหุ้นที่ได้ประโยชน์และมี Upside ได้แก่ BJC (ช่วง 2H62 คาดเห็นการฟื้นตัวHoHจากการขยายสาขาBigCมากขึ้นจากสาขาทั้งในประเทศ 7 สาขาและสาขาที่กัมพูชา 1 สาขาBigC Food Place 1 สาขา และ Mini BigC ราว 200 สาขา), SEAFCO (แม้ช่วง 2H62 คาดรับรู้งานลดลง แต่ยังมี Backlog 2.3 พัน ลบ. คาด Secured Revenue 100% ในช่วงที่เหลือของปีนี้ บวกกับยังมี Upside Risk จากงานประมูลใหม่อีก 1.9 หมื่น ลบ.), ERW (ช่วง 2H62 หลังคาดฟื้นตัวจากปัจจัยฤดูกาล บวกกับการกลับมาเปิดโรงแรมใหม่ 9 แห่ง อีกทั้งมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวจาก ครม.และมีสัญญาณฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวชาวจีน หลังจำนวนนักท่องเที่ยวจีนเดือน ส.ค. โต 15.6%YoY)
• กลุ่ม Defensive Stock: เราเลือกหุ้นที่มีอัตราจ่ายปันผลน่าดึงดูดบวกกับกำไรช่วง 2H62 มีแนวโน้มโตดี แนะนำ ASK (ช่วง 2H62 คาดกำไรสุทธิมีแนวโน้มโตต่อ หนุนด้วยสินเชื่อรถพาณิชย์ที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตามงานก่อสร้างภาครัฐฯ ที่จะทยอยเร่งตัวขึ้นบวกกับคาดได้ประโยชน์จากการทยอยเปลี่ยนรถตู้เป็นรถ มินิบัสของผู้ประกอบการรถโดยสารสาธารณะตามมาตรการของ ขสมก.
• กลุ่มที่คาดผลดำเนินงานมีแนวโน้มดีต่อเนื่อง: เหมาะกับการทยอยซื้อสะสม โดยเน้นหุ้นที่กำไรช่วง 2Q62 คาดโต YoYและช่วง 2H62 โตต่อ แนะนำSAWAD (คาดกำไรปี62 โต 30.8%YoY หนุนด้วยเป้าพอร์ตสินเชื่อโต 20-30% และอีก 300 สาขา, Asset Yield ฟื้นตัวตามสัดส่วนการรับรู้รายได้ผ่านสัญญาเงินกู้ผ่าน BFIT ที่มากขึ้นโดยล่าสุด SAWAD รายงานการถือครองหุ้น BFIT หลัง Tender Offer ที่ 82.04% บวกกับต้นทุนทางการเงินที่ปรับลงหลังได้รับเงินเพิ่มทุนจากพันธมิตร), SELIC (คาดปี 62 เห็นการ Turnaround ของกำไรหลังเริ่มรวมงบการเงินกับ PMCT ซึ่งคาดเห็น Synergy ชัดเจนขึ้นจากการพัฒนาสินค้าใหม่และการขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่มใหม่), III (ช่วง 2Q62 กำไรโต 45.8%YoY หนุนด้วยธุรกิจขนส่งสินค้าทางอากาศและธุรกิจบริหารจัดการโลจิสติกส์ บวกกับมีส่วนแบ่งกำไรที่โต 364%YoY จากธุรกิจที่เข้าซื้อกิจการสิงคโปร์และฮ่องกงในปี 61-62 ตามลำดับ), ARROW (ช่วง 2H62 คาดกำไรฟื้นตัวหลังมาร์จิ้นเหล็กดีขึ้นตามต้นทุนเหล็กที่ลดลงและราคาขายที่ดี คาดหนุนกำไรทั้งปีโต 10.3%YoY บวกกับมี Backlog 1.1 พัน ลบ. และมีโอกาสได้งานใหม่ๆ เพิ่ม)
• หุ้นที่ได้ประโยชน์จากน้ำท่วมในภาคเหนือ/อีสาน: เราเลือก DOHOME, GLOBAL, DCC
• หุ้นกลุ่ม ร.พ.ขนาดกลางที่คาดกำไรช่วง 3Q62 โตเด่น เข้าสู่ High Season: เราเลือก BCH (ช่วง3Q62 คาดกำไรโตทั้ง QoQ และ YoY หนุนด้วยการเข้าสู่ช่วง High Season บวกกับการบันทึกรายได้ส่วนเพิ่มของภาระเสี่ยงขณะที่ผู้ป่วยตะวันออกกลางคาดกลับมาฟื้นตัวหลังมีการเพิ่มชม.การทำงานของแพทย์ด้านเบาหวาน, CHG (ช่วง 2H62 คาดกำไรโต YoY หนุนด้วยสัญญาณฟื้นตัวจาก รพ.ที่เพิ่งเปิดใหม่ทั้ง รพ.จุฬารัตน์ 304 อินเตอร์ และ รพ.รวมแพทย์ฉะเชิงเทรา บวกกับอาจมีการขอเพิ่มสัดส่วนโควต้าประกันสังคมหลังมีผู้ประกันตนราว 432,640 คน (จากโควต้า 440,000 คน)
8-Oct-19 Change (pts.) 7-Oct-19
SET Index 1,612.17 -1.54 1,613.71
SET50 Index 1,071.95 -2.05 1,074.00
SET100 Index 2,362.04 -2.94 2,364.98
High 1,623.56 Gainers 566
Low 1,609.27 Unchanged 565
Value (Bt m) 36,544.37 Losers 803
Volume (*000) 16,212,087
Market Valuation
SET Data 2019F 2020F Long Term
Fwd PER (x) 16.3 14.6 14.6
EPS Growth (%) 13.9 9.3 -1.3
EV/EBITDA (x) 0.0 0.0 0.0
FWD PBV (x) 1.8 1.7 1.6
Dividend Yield (%) 3.1 3.4 3.8
ROE 10.5 10.8 10.8
Net Buy/Sell by Investor Types
Unit : M Bt 8-Oct-19 WTD MTD YTD
Institution 1,453.84 2,002.54 (4,729.49) 19,525.56
Proprietary (252.06) (99.92) 809.22 14,305.40
Foreign (841.62) (714.05) (6,182.16) (11,411.01)
Individual (360.16) (1,188.57) 10,102.44 (22,419.95)
AECS ( Fundamental and Strategic Team )
จิรภัทร โบสุวรรณ (ID. 040051) [email protected]
ภัทรพล จันทร์อินทร์ (ID. 089932) [email protected]
ธีรยุทธ ฤทธิเผ่าพันธุ์ ผู้ช่วยนักวิเคราะห์
สุวรรณา อัศวเหล่าวรพงศ์ Data Support / Secretary