- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 07 October 2019 16:15
- Hits: 1449
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : Need to KNOW
Need to KNOW
ปัจจัยต่างประเทศ
- ภาคการผลิตชะลอตัวลงทั่วโลก ตัวเลข PMI ภาคการผลิตเดือนก.ย.ของยูโรโซนลดลงสู่ระดับ 45.7 (ต่ำสุดในรอบ 7 ปี), ของจีนอยู่ที่49.8, ของสหรัฐ (ISM) ลดเป็น 47.8 ต่ำสุดในรอบกว่า 10 ปี ซึ่งเป็นผลจากสงครามการค้าและโครงสร้างการบริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปทั้งนี้ดัชนีที่ต่ำกว่า 50 หมายถึงการหดตัว
- ประธานเฟดเห็นว่าเศรษฐกิจสหรัฐกำลังเผชิญความท้าทายในระยะยาว (โตน้อย เงินเฟ้อต่ำ ดอกเบี้ยต่ำ) ทำให้โอกาสที่เฟดจะลดดอกเบี้ยในการประชุม 30 ต.ค.นี้มีมากขึ้น
-/+ ตัวเลขภาคแรงงานสหรัฐแย่กว่าคาด โดยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนก.ย.62 ออกมา 1.36 แสนตำแหน่ง ต่ำกว่าคาดที่1.45 แสนตำแหน่ง แต่ก็ทำให้โอกาสที่เฟดจะลดดอกเบี้ยในการประชุม 29-30 ต.ค.62 มีมากขึ้น
• การเจรจาการค้าสหรัฐกับจีน 10-11 ต.ค.นี้ ตลาดลุ้นว่าสหรัฐอาจมีท่าทีอ่อนลงหลังจีนยกเว้นภาษีนำเข้าถั่วเหลืองจากสหรัฐ และมีการนำเข้าเพิ่มขึ้นในเดือนก.ย.ที่ผ่านมา
• Brexit : มีโอกาสเลื่อนออกไป สื่ออังกฤษระบุว่า EU อาจตัดสินใจยืดเส้นตาย Brexit ออกไปจาก 31 ต.ค.62 เป็น 15 ม.ค.63 โดยไม่ต้องได้รับความเห็นชอบจากนายกฯอังกฤษในกรณีที่ EU และอังกฤษยังไม่สามารถบรรลุข้อตกลงกันได้
- ความไม่สงบในตะวันออกกลาง ยังเป็นประเด็นที่นักลงทุนกังวล
ปัจจัยในประเทศ
+/- Preview ผลประกอบการ 3Q19F ในเบื้องต้นหุ้นกลุ่มพลังงานอาจมีกำไรสุทธิ 3Q19 ต่ำกว่าคาด เพราะมีค่าใช้จ่ายในการปิดซ่อมบำรุงและขาดทุนสต๊อก ส่วนกลุ่มธนาคารก็มีรายได้ค่า Feeลดลง YoY มีค่าใช้จ่ายลงทุนในระบบไอทีสูง (คาดกำไรสุทธิ3Q19F -13%YoY, -8%QoQ) กลุ่มอิเลคทรอนิกส์ ส่งออก อสังหาฯยังอ่อนแอ กลุ่มสื่อสาร ค้าปลีก และท่องเที่ยวเติบโตได้แต่ไม่มากส่วนกลุ่มที่คาดจะมีกำไรขยายตัวดี YoY จะเป็น โรงพยาบาล (หุ้นเด่น CHG, RJH), ไก่ส่งออก (GFPT), ไฟแนนซ์ (AEONTS, MTC)
# หุ้นค้าปลีกและท่องเที่ยวได้อานิสงค์ทางบวกจากมาตรการกระตุ้น คือ กิน ชอป ใช้ และท่องเที่ยวเมืองรอง แต่ก็ควรระวังว่าราคาหุ้นอาจปรับขึ้นจำกัด เพราะมาตรการอาจส่งผลดีช่วงสั้นเท่านั้น
• หุ้น AWC จะเข้าซื้อขายในตลาดฯ และเข้า SET50 เกณฑ์Fast Track ซึ่งตลาดคาดว่า KKP จะถูกถอดออกจาก SET50 ซึ่งเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ราคาหุ้นร่วงต่อเนื่อง แต่ที่ราคาปัจจุบัน 64บาท ให้ Dividend yield กว่า 6% ต่อปี แนะนำทยอยซื้อสะสม KKP
• ปัจจัยติดตาม 1) การเซ็นสัญญารถไฟเชื่อม 3 สนามบิน ซึ่งกลุ่มซีพี&พันธมิตรชนะประมูล, 2) การต่ออายุสัญญาสัมปทานทางด่วนBEM (จะหมดอายุก.พ.63), 3) การเข้ามาซื้อขายของ TMB-T1ภายในเดือนต.ค.นี้ ซึ่งจะมีระยะเวลาซื้อขายเพียง 1 สัปดาห์กว่าๆ
กลยุทธ์การลงทุน
สรุปภาพรวม : ระยะสั้นมีโอกาสความเป็นไปได้มากขึ้นที่เฟดจะลดดอกเบี้ยในการประชุม 29-30 ต.ค.นี้ หลังเศรษฐกิจสหรัฐถูกกดดันจากปัจจัยเสี่ยงต่างๆ ซึ่งอาจทำให้ตลาดรีบาวด์...แต่ระยะทางอาจไม่มากถ้าผลการเจรจาการค้าสหรัฐกับจีนออกมาไม่ดี สำหรับกำไรบริษัทจดทะเบียนไทยงวด 3Q19F คาดว่าจะหดตัว YoY ด้านนักลงทุนต่างชาติยังขายสุทธิในตลาดหุ้นไทยต่อเนื่อง
กลยุทธ์ลงทุน : เลือกซื้อเป็นรายบริษัท (Selective Buy) เน้นหุ้นธุรกิจมั่นคง, Defensive, หุ้นที่จ่ายปันผลได้ดีและสม่ำเสมอ
การวิเคราะห์เทคนิค : ระยะสั้นมากสัญญาณเป็นลบ (ปิดใต้SMA10) แต่อยู่ในพื้นที่ Oversold + Divergence จึงมีลุ้นรีบาวด์ การซื้อใหม่เน้นตามด้วยค่าบวกของดัชนีและราคาหุ้น แนวต้านระยะสั้น1615-1620 ต่ำกว่า 1605 ลดพอร์ตตาม แนวรับ 1590-1580
หุ้น Top Picks รายสัปดาห์
หุ้นพื้นฐานเด่นสำหรับสัปดาห์นี้ประกอบด้วย
GFPT – คาดกำไรสุทธิ 3Q19F จะเติบโตได้ทั้ง YoY และ QoQ ซึ่งมาจากการส่งออกที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะตลาดจีน มาร์จิ้นดีขึ้นหลังใช้วัตถุดิบต้นทุนต่ำ ให้ราคาพื้นฐาน 20.10 บาท
RJH – คาดกำไรสุทธิ 3Q19F โตเลขสองหลัก YoY จากรายได้และมาร์จิ้นที่ดีขึ้น คาด Core profit ปีนี้ +39%YoY ส่วนโรงพยาบาลใหม่ที่สระบุรี (100 เตียง) จะเปิดปลายปี 2021…ให้ราคาพื้นฐาน 33บาท
TCAP – หลังปรับโครงสร้างกิจการคาดว่าจะมี ROE สูงขึ้น มีโครงการซื้อหุ้นคืน และจะจ่ายปันผลพิเศษ 4 บาท/หุ้นประมาณก.พ.ปีหน้า ซึ่งจะทำให้ Dividend Yield ปี 2020 จะสูงราว 10% ทางDBS ให้ราคาพื้นฐาน 59.50 บาท
***หุ้น Top Picks สัปดาห์ก่อนคือ CPALL, DREIT, RJH ให้ Returnเฉลี่ย -1.3% ดีกว่า SET Index ที่ -2.3%***
นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค– [email protected]