- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 27 September 2019 13:28
- Hits: 3052
บล.เออีซี : Daily Focus
AECS Daily Focus
--------------
Market Outlook
• วันนี้คาด SET Index ลุ้นรีบาวด์หลังมีการกำหนดวันเจรจาประเด็นสงครามการค้าช่วง 10-11 ต.ค.นี้ คาดสร้าง Sentiment เชิงบวกต่อตลาดระยะสั้น ขณะที่ปัจจัยในประเทศยังขาดปัจจัยหนุนใหม่ ประเมินการรีบาวด์จำกัดที่แนวต้าน 1,645 และ 1,650 จุด ตามลำดับ
• Market Factor
• (+) การเจรจาการค้าได้กำหนดวันแล้วโดยจะมีการเจรจากันในวันที่ 10-11 ต.ค. ที่กรุงวอชิงตัน ประเทศสหรัฐฯ โดยจะมีนาย หลิว เหอ รองนายกรัฐมนตรีจีนเป็นตัวแทนในการเข้าร่วมเจรจาจากทางฝั่งจีน
• (-) ตัวเลข GDP สหรัฐฯ ช่วง 2Q62 ประกาศออกมาที่ระดับ 2%QoQ ต่ำกว่าช่วง 1Q62 ที่ระดับ 3.1%QoQ อย่างไรก็ดียังอยู่ในระดับที่ตลาดคาดและเท่ากับประมาณการ GDP ครั้งที่ 2 ที่ออกช่วงเดือน ส.ค.
• (-) สศค.เผยอยู่ระหว่างรวบรวมข้อมูลจากเหตุความเสียหายปัญหาอุทกภัยหลายพื้นที่ในภาคอีสาน เพื่อประกอบการพิจารณาการปรับลดประมาณการเศรษฐกิจปี 2562 ใหม่ภายในเดือน ต.ค.นี้ ประกอบกับเศรษฐกิจโลกชะลอตัวกระทบภาคการส่งออกของไทย โดยตัวเลขการส่งออก 8 เดือนแรก ของปี ติดลบร้อยละ 2.2 จากเป้าทั้งปี 2562 ที่วางไว้ลบร้อยละ 0.9 (แนวหน้า)
• Consensus ปรับลดประมาณการ EPS โดยข้อมูลจาก Bloomberg Consensus พบว่าเมื่อต้นปี EPS ปี 62 ที่ 115.14 บาท ขณะที่ปัจจุบันเหลือเพียง 99.06 บาท หรือลดลง 13.97%YTD
• Update Flow เมื่อวานนี้ต่างชาติพลอกซื้อสุทธิในตลาดหุ้นไทย 318.32 ลบ.ส่งผลภาพรวม MTD ต่างชาติขายสุทธิอยู่ที่ 8,736.69 ลบ.(ขณะที่รายย่อยและสถาบันซื้อสุทธิรวมกัน 6,784.94 ลบ.)
• Investment Strategy
• วันนี้ถึงสัปดาห์หน้า เราคาด SET Index จะมีสัญญาณรีบาวด์ เพื่อกลับมาแกว่งในกรอบ 1,630-1,660 จุด หนุนโดยการกำหนดวัน เจรจาเรื่อง Trade war สหรัฐฯ-จีน แต่อย่างไรก็ดี เรามองตลาดสัปดาห์หน้ายังคง Sideway เพื่อติดตามประเด็นหลักจากการเจรจาดังกล่าว ขณะที่ประเด็นบวกในไทยยังต้องติดตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของจากครม.เศรษฐกิจในวันนี้และสัปดาห์หน้า เรามองการรีบาวด์ครั้งนี้เป็นเพียงการรีบาวด์ในช่วงสั้นแนะนำนักลงทุนที่ทยอยรับหุ้นมาก่อนหน้านื้ทยอยขายทำกำไรหุ้นที่ปรับขึ้นมาบางส่วน นอกจากนี้ในภาพการลงทุนจนถึงสิ้นปี เรายังคงแนะนำให้ นักลงทุนทยอยเก็บหุ้น 4 กลุ่ม ดังนี้
• หุ้นกลุ่มที่จะได้ประโยชน์จากแผนกระตุ้นศก.ของรัฐฯ: แนะนำหุ้นที่ได้ประโยชน์และมี Upside ได้แก่ BJC (ช่วง 2H62 คาดเห็นการฟื้นตัวHoHจากการขยายสาขาBigCมากขึ้นจากสาขาทั้งในประเทศ 7 สาขาและสาขาที่กัมพูชา 1 สาขา BigC Food Place 1 สาขาและ Mini BigC ราว 200 สาขา), SEAFCO (แม้ช่วง 2H62 คาดรับรู้งานลดลง แต่ยังมี Backlog 2.3 พัน ลบ. คาด Secured Revenue 100% ในช่วงที่เหลือของปีนี้ บวกกับยังมี Upside Risk จากงานประมูลใหม่อีก 1.9 หมื่นลบ.), CPALL (ช่วง 3Q62 แม้เข้าสู่ Low Season แต่ด้วยการจัดโปรโมชั่น แสตมป์จัดหนักกระตุ้นยอดขาย และการได้ประโยชน์จากฐานที่ต่ำของปีก่อนจะหนุน SSSG เติบโตต่อเนื่อง พร้อมยังคงเป้าขยายสาขาร้านสะดวกซื้อปีนี้ที่ 700 สาขา), ERW (ช่วง 2H62 หลังคาดฟื้นตัวจากปัจจัยฤดูกาล บวกกับการกลับมาเปิดโรงแรมใหม่ 9 แห่ง อีกทั้งมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวจาก ครม.และมีสัญญาณฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวชาวจีน หลังจำนวนนักท่องเที่ยวจีนเดือน ส.ค. โต 15.6%YoY)
• กลุ่ม Defensive Stock: เราเลือกหุ้นที่มีอัตราจ่ายปันผลน่าดึงดูดบวกกับกำไรช่วง 2H62 มีแนวโน้มโตดี แนะนำ ASK (ช่วง 2H62 คาดกำไรสุทธิมีแนวโน้มโตต่อ หนุนด้วยสินเชื่อรถพาณิชย์ที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตามงานก่อสร้างภาครัฐฯที่จะทยอยเร่งตัวขึ้นบวกกับคาดได้ประโยชน์จากการทยอยเปลี่ยนรถตู้เป็นรถมินิบัสของผู้ประกอบการรถโดยสารสาธารณะตามมาตรการของ ขสมก.
• กลุ่มที่คาดผลดำเนินงานมีแนวโน้มดีต่อเนื่อง: เหมาะกับการทยอยซื้อสะสม โดยเน้นหุ้นที่กำไรช่วง 2Q62 คาดโต YoYและช่วง 2H62 โตต่อ แนะนำSAWAD (คาดกำไรปี62 โต 30.8%YoY หนุนด้วยเป้าพอร์ตสินเชื่อโต20-30% และอีก 300 สาขา, Asset Yield ฟื้นตัวตามสัดส่วนการรับรู้รายได้ผ่านสัญญาเงินกู้ผ่าน BFIT ที่มากขึ้นโดยล่าสุด SAWAD รายงานการถือครองหุ้น BFIT หลัง Tender Offer ที่ 82.04% บวกกับต้นทุนทางการเงินที่ปรับลงหลังได้รับเงินเพิ่มทุนจากพันธมิตร), SELIC (คาดปี 62 เห็นการ Turnaround ของกำไรหลังเริ่มรวมงบการเงินกับ PMCT ซึ่งคาดเห็น Synergy ชัดเจนขึ้นจากการพัฒนาสินค้าใหม่และการขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่มใหม่), III (ช่วง 2Q62 กำไรโต 45.8%YoY หนุนด้วยธุรกิจขนส่งสินค้าทางอากาศและธุรกิจบริหารจัดการโลจิสติกส์ บวกกับมีส่วนแบ่งกำไรที่โต 364%YoY จากธุรกิจที่เข้าซื้อกิจการสิงคโปร์และฮ่องกงในปี 61-62 ตามลำดับ), ARROW (ช่วง 2H62 คาดกำไรฟื้นตัวหลังมาร์จิ้นเหล็กดีขึ้นตามต้นทุนเหล็กที่ลดลงและราคาขายที่ดี คาดหนุนกำไรทั้งปีโต 10.3%YoY บวกกับมี Backlog 1.1 พัน ลบ. และมีโอกาสได้งานใหม่ๆ เพิ่ม)
• หุ้นที่ได้ประโยชน์จากน้ำท่วมในภาคเหนือ/อีสาน: เราเลือก DOHOME, GLOBAL, DCC
Trading Idea
• หุ้นกลุ่ม ร.พ.ขนาดกลางที่คาดกำไรช่วง 3Q62 โตเด่น และเข้าสู่ High Season : เราเลือก BCH, CHG
26-Sep-19 Change (pts.) 25-Sep-19
SET Index 1,636.75 8.37 1,628.38
SET50 Index 1,088.50 6.97 1,081.53
SET100 Index 2,398.38 15.58 2,382.80
High 1,638.26 Gainers 897
Low 1,630.81 Unchanged 476
Value (Bt m) 47,265.17 Losers 616
Volume (*000) 16,246,131
Market Valuation
SET Data 2019F 2020F Long Term
Fwd PER (x) 16.5 14.9 14.9
EPS Growth (%) 13.9 9.3 -0.9
EV/EBITDA (x) 12.7 11.6 11.0
FWD PBV (x) 1.8 1.7 1.6
Dividend Yield (%) 3.1 3.3 3.6
ROE 10.5 10.7 10.9
Net Buy/Sell by Investor Types
Unit : M Bt 26-Sep-19 WTD MTD YTD
Institution 126.63 (421.56) (6,322.38) 26,096.26
Proprietary (8.91) (1,923.48) 1,951.74 9,360.37
Foreign 318.32 (2,383.41) (8,736.70) (2,307.75)
Individual (182.79) 4,728.44 13,107.35 (33,148.88)
AECS ( Fundamental and Strategic Team )
จิรภัทร โบสุวรรณ (ID. 040051) [email protected]
ภัทรพล จันทร์อินทร์ (ID. 089932) [email protected]
ธีรยุทธ ฤทธิเผ่าพันธุ์ ผู้ช่วยนักวิเคราะห์
สุวรรณา อัศวเหล่าวรพงศ์ Data Support / Secretary