- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 26 September 2019 15:56
- Hits: 1376
บล.ทิสโก้ : M a r k e t I n s i g h t
สรุปภาวะตลาดวันก่อน: SET -2.12 จุด วิตกการเมืองในสหรัฐฯ, กนง.คงดบ.ตามคาด
SET แกว่งอิงแดนลบในกรอบ 1621-30 ถูกกดดันจากหลายปัจจัยในตปท. ทั้งข่าวถอดถอนปธน.ทรัมป์, วิตกเจรจาสหรัฐฯ-จีนอาจล้มเหลว และความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐฯ ที่แย่ลงมาก ด้านผลประชุม กนง. คงดบ.ตามคาด ปรับลดศก.ปีนี้ลงเหลือโต 2.8% ต่างชาติขายสุทธิ 176 ลบ. 4 วันติด และพลิก Short S50 Futures 6,453 สัญญา
ทิศทางตลาดวันนี้: รีบาวด์ ทรัมป์ระบุดีลการค้ากับจีนจะเร็วกว่าที่หลายคนคิดไว้
หุ้นโลกเมื่อวาน (25 ก.ย.) ปิดสวนทางกัน หุ้นยุโรปร่วงจากความกังวลการเมืองในสหรัฐฯ จากข่าวสภาเตรียมถอดถอนปธน.ทรัมป์ และความไม่แน่นอนของการเจรจาการค้าสหรัฐฯ-จีน แต่หุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวขึ้น ขานรับปธน.ทรัมป์ระบุ ดีลการค้ากับจีนจะเร็วกว่าที่หลายคนคิดไว้ รวมทั้งยังประกาศตกลงดีลการค้ากับญี่ปุ่นสำเร็จในเบื้องต้นด้วย โดยจะช่วยเปิดตลาดสินค้าเกษตรให้สหรัฐฯ ราว 7 พันล้านดอลลาร์ฯ ด้านราคาน้ำมันดิบ WTI ร่วงต่อ 1.4% หลังตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 2 สัปดาห์ติด มอง SET มีโอกาสรีบาวด์ สัญญาณเชิงบวกทางการค้าช่วยกลบข่าวการถอดถอนปธน.ทรัมป์ ซึ่งเรามองต้องใช้เวลาเป็นปีและไม่คาดว่าจะทำสำเร็จด้วย แต่กรอบการฟื้นตัวยังจำกัดจากแนวโน้มศก.ที่ชะลอตัว เมื่อวานนี้ ธปท.ปรับลดคาดการณ์ GDP ปีนี้ลงจาก 3.3% เหลือโต 2.8% vs เราคาดโต 2.9% จากแนวโน้มการส่งออกที่ติดลบและการท่องเที่ยวที่ชะลอตัว มองตลาดจะเลือกลงทุนหุ้นเป็นรายตัวที่มีเป็นประเด็นบวกสนับสนุน และหุ้นที่เข้าข่าย "Window Dressing" แนวรับ 1620-25 แนวต้าน 1635 (เน้น), 1640
กลยุทธ์การลงทุน: Wait&See รอประเมินรอบใหม่, เด้งเป็นจังหวะขายลดพอร์ต
แนะนำโหมด Wait&See เป็นกลยุทธ์หลัก หาก SET รีบาวด์จนสามารถปิดเหนือ 1640 จะทำให้ Sentiment ช่วงสั้นๆ ดีขึ้น แต่ยังมองการรีบาวด์ไม่เกินระดับ 1650-60 และเป็นจังหวะในการขายลดพอร์ตเพื่อลดความเสี่ยง
- ประเด็นหุ้นน่าสนใจ Fundamental Pick AOT - จำนวนผู้โดยสารจีนที่สนามบินต่างๆ ของ AOT +17.3% ใน ส.ค. vs +4.3% ใน ก.ค. และ -7.4% ใน มิ.ย. น่าจะสะท้อนแนวโน้มที่ดีขึ้นต่อเนื่องจนถึงสิ้นปีนี้ โดยในต้นเดือนหน้าจะเป็น "Golden Week" คาดจะเห็นจำนวนนทท.จีนหลั่งไหลเข้ามาอีกเป็นจำนวนมาก, เป้าพื้นฐาน 82 บ. / B-W5 เข้าเทรดวันนี้ - 1:1 @ 0.35 บ. 290 m. อายุ 1 ปีครึ่ง, เราประเมินมูลค่าที่เหมาะสม 8 สต. / SCC - เราปรับลดประมาณการกำไรปี 2019-21F ลง 11-12% จากการปรับสมมติฐานการเติบโตธุรกิจซีเมนต์ วัสดุก่อสร้าง และปิโตรเคมี ปรับเป้าพื้นฐานลงเป็น 498 บ. จากเดิม 530 บ. ยังแนะนำ "ซื้อ" / เราปรับลดประมาณการกำไรปี 19-20F ของหุ้นกลุ่มพัฒนาอสังฯ ลงราว 5.7-8.5% จากภาวะอุตฯ ที่อ่อนแอ หุ้นที่เราชอบสุดในกลุ่มนี้ คือ SPALI, AP รวมทั้ง LH, QH จากเงินปันผลที่สูงและระดับการประเมินมูลค่าที่ถูกมาก / หุ้นที่คาดว่าจะได้ประโยชน์จากโดยตรงจากรัฐบาลอินเดียประกาศลดภาษีนิติบุคคลเหลือ 22% ทางตรง - CPF, DELTA, TASCO ทางอ้อม - MEGA, PSL / หุ้นรับอานิสงส์ "ชิมช้อปใช้" เริ่ม 27 ก.ย. - 30 พ.ย. ชอบ BJC, CPALL, ERW, MINT, SPA / หุ้นได้ประโยชน์-เพิ่มความน่าสนใจช่วงดบ.ขาลง ลีสซิ่ง & สินเชื่อส่วนบุคคล AEONTS, MTC, THANI หุ้นขนส่งมวลชน BEM, BTS หุ้นปันผล EASTW, INTUCH, LH, MAJOR, MCS, NYT, SPALI และกองทุนอสังหาฯ-โครงสร้างพื้นฐาน CPNREIT, DIF, JASIF, TFFIF / หุ้นเก็งกำไร Window Dressing - BJC, CPNREIT, GLOBAL, GULF, MBK, RATCH, SEAFCO / หุ้นรับมาตรการรัฐกระตุ้นบริโภคฐานราก - CPALL, BJC, AEONTS, KTC, MTC / การลงทุน - AMATA, ROJNA, WHA, EASTW, CK, SEAFCO, PYLON การท่องเที่ยว - AOT, MINT, ERW
- หุ้นเด่น ก.ย. (Smart Tactics) AOT, BDMS, CK, EASTW, PLANB, SABINA
ปัจจัยติดตาม
วันที่ ปท. เหตุการณ์
26 ก.ย. EU, US ปริมาณเงิน (M3) สหภาพยุโรปใน ส.ค., GDP สหรัฐฯ ใน 2Q19 (สุดท้าย)
US สต็อกสินค้าภาคค้าส่ง, ยอดขายบ้านรอปิดการขายสหรัฐฯ ใน ส.ค., ผู้ขอรับสวัสดิการฯ
27 ก.ย. CH, EU ผลกำไรภาคอุตฯ จีนใน ส.ค., ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหภาพยุโรปใน ก.ย. (สุดท้าย)
US รายได้, การใช้จ่าย และการเปลี่ยนแปลงค่าใช้จ่ายส่วนบุคคลสหรัฐฯ ใน ส.ค.
US ดัชนีเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐฯ ใน ก.ย.(สุดท้าย), คำสั่งซื้อสินค้าคงทนใน ส.ค. (เบื้องต้น)
ที่มา : Bloomberg, TISCO Research
อภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 18171
02-633-6467
ธนพล บำรุงพงศ์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 46537
02-633-6471
บล.ทิสโก้ : NewsBrief
กระแสข่าวเด่นในประเทศ
CK : ซิวงานใหม่สภากาชาดไทยมูลค่า 2.16 พันล.
CK คว้างานสภากาชาดไทยมูลค่า 2,160 ล้านบาท เติม Backlog เพิ่ม ด้านโบรกคาดมีลุ้นผลประมูลงานตั้งแต่ปัจจุบันจนถึงไตรมาส 1/2563 มูลค่ากว่า 1 หมื่นล้านบาท เน้นประมูลรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้และสีส้ม ส่วนรายได้ปีนี้ได้ BEM-CKP หนุนโต (ข่าวหุ้น)
COM7 : เริ่มเปิดเคอร์รี่ Q4 ไอโฟน 11 หนุนรายได้ฟู
COM7 เจาะ COM7 ผู้บริหารแย้มไตรมาส 4/2562 โตแรง กำลังซื้อเพิ่มรับผลบวกจากการเปิดตัว APPLE 11 ดันรายได้ 10% ตามเป้าที่ตั้งไว้ เล็งเพิ่มสินค้าเฮาส์แบรนด์เกี่ยวกับที่อยู่อาศัย หรือเครื่องใช้ภายในบ้าน รวมถึงสินค้าสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า ประกาศพร้อมให้บริการเคอร์รี่ ในช่วงไตรมาส 4/2562 (ทันหุ้น)
EGCO : รุกธุรกิจขนส่งน้ำมันทุ่ม 3 พันล. ซื้อหุ้น TPN 44.6%
EGCO แตกไลน์ธุรกิจใหม่ ทุ่มงบลงทุน 3 พันล้านบาท ซื้อหุ้น 44.6% ใน TPN จากกลุ่ม PSTC รุกธุรกิจบริการขนส่งน้ำมันทางท่อไปยังภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เพิ่มความสามารถในการแข่งขันและสร้างโอกาสในการพัฒนาโครงการอื่นๆ ในอนาคต (ทันหุ้น)
EFORL : เพิ่มทุน 8.05 พันล.หุ้นปลดภาระหนี้-ลุยขยายธุรกิจ
EFORL เพิ่มทุน 8.05 พันล้านหุ้น ขายผู้ถือหุ้นเดิมอัตราส่วน 4:1 ในราคาหุ้นละ 0.05 บาท นำเงินชำระหนี้ เพิ่มสภาพคล่องทางการเงิน และโอกาสในการขยายธุรกิจในอนาคต พร้อมฉายภาพครึ่งปีหลังสดใส บริษัทลูกเริ่มทำรายได้ (ทันหุ้น)
HMPRO : ซ่อมแซมบ้านดันยอดขาย Q4 พุ่ง-กำไรนิวไฮ
HMPRO รับอานิสงส์ซ่อมแซมบ้านหลังน้ำลด คาดรายได้ครึ่งปีหลังฟื้น ยอดขายสาขาเดิมยังโต เร่งอัดแคมเปญกระตุ้นยอดขาย หวังงาน HMPRO EXPO สร้างรายได้ราว 600 ล้านบาท เตรียมเปิดสาขา MEGA HOME อีก 2 สาขา ในเดือนพฤศจิกายนนี้ คงเป้ารายได้ทั้งปีเติบโต 5-7% ฟากโบรกประเมินไตรมาส 4/2562 กำไรนิวไฮ (ทันหุ้น)
ICN : คว้างานกฟภ.จัดซื้อติดตั้งระบบรับทรัพย์ 275.80 ล.
ICN ยิ้มแก้มปริชนะการประมูลโครงการของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ในงานจัดซื้อพร้อมติดตั้งระบบวิทยุสื่อสารแบบดิจิทัล มูลค่า 275.80 ล้านบาท เติมแบ็กล็อกปัจจุบันที่มีอยู่ 1.18 พันล้านบาท คาดทยอยรับรู้ปีนี้ 300-400 ล้านบาท (ทันหุ้น)
TU : กำไร 5 พันล. ต้นทุนทูน่าลดดันลูกเข้า SET
TU จับตา TU ปี 2562 ปั๊มกำไรปกติอยู่ที่ 5.3 พันล้านบาท เติบโต 38% รับผลดีจากต้นทุนราคาปลาทูน่าที่อยู่ในระดับต่ำ รวมถึงสิทธิประโยชน์จากการที่อินเดียลดภาษีเงินได้นิติบุคคล จ่อนำ "ไทยยูเนี่ยน ฟีดมิลล์" เข้า SET ขาย IPO จำนวน 109.30 ล้านหุ้น (ทันหุ้น)
กระแสข่าวเด่นต่างประเทศ
ADB หั่นคาดการณ์เศรษฐกิจเกาหลีใต้ปีนี้ลงเหลือ 2.1%
ธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งเอเชีย (ADB) ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวทางเศรษฐกิจของเกาหลีใต้ในปีนี้ลงสู่ระดับ 2.1% ซึ่งลดลงจากตัวเลขคาดการณ์ในเดือนเม.ย.ที่ระดับ 2.5% พร้อมทั้งคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจเกาหลีใต้จะขยายตัว 2.4% ในปี 2563 ADB ระบุว่า มีความเสี่ยงที่เศรษฐกิจเกาหลีใต้จะเผชิญกับภาวะขาลง อันเนื่องมาจากปัจจัยภายนอก เช่น ความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐและจีน รายงานระบุว่า ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2562 เศรษฐกิจเกาหลีใต้ชะลอตัวลง 0.4% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า ก่อนที่จะขยายตัวเพิ่มขึ้น 1% ในไตรมาส 2 ขณะที่ในช่วงครึ่งปีแรก เศรษฐกิจเกาหลีใต้ขยายตัว 1.9% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว (อินโฟเควสท์)
ADB คาดเศรษฐกิจเวียดนามโต 6.8% ปีนี้ หลังพุ่งทะลุ 7% ปีที่แล้ว สูงสุดรอบ 10 ปี
ธนาคารเพื่อการพัฒนาเอเชีย (ADB) ประกาศคงตัวเลขคาดการณ์การขยายตัวทางเศรษฐกิจของเวียดนามในรายงานแนวโน้มเศรษฐกิจเอเชียประจำปี ADB คาดว่าเวียดนามจะมีการขยายตัวทางเศรษฐกิจ 6.8% ในปีนี้ และ 6.7% ในปีหน้า แม้เผชิญเศรษฐกิจโลกที่อ่อนแอ ADB ระบุว่า แม้มีการชะลอตัวของการส่งออก และการค้าโลก แต่เศรษฐกิจเวียดนามยังคงมีความแข็งแกร่ง โดยได้แรงหนุนจากอุปสงค์ภายในประเทศ และการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ ทั้งนี้ เศรษฐกิจเวียดนามมีการขยายตัว 7.08% ในปีที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 10 ปี สูงกว่าที่รัฐบาลตั้งเป้าที่ระดับ 6.5-6.7% ขณะที่มีการตั้งเป้าการขยายตัวในปีนี้ที่ระดับ 6.6-6.8% (อินโฟเควสท์)
สหรัฐเผยจำนวนผู้ขอสินเชื่อจำนองดิ่งลงสัปดาห์ที่แล้ว เหตุดอกเบี้ยเงินกู้ปรับตัวขึ้น
สมาคมนายธนาคารเพื่อการจำนอง (MBA) ของสหรัฐ เปิดเผยว่า จำนวนผู้ยื่นขอสินเชื่อเพื่อการจำนองดิ่งลง 10.1% ในสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่อัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนองดีดตัวขึ้น อย่างไรก็ดี เมื่อเทียบรายปี จำนวนผู้ยื่นขอสินเชื่อเพื่อการจำนองเพิ่มขึ้น 46% ในสัปดาห์ที่แล้ว ทั้งนี้ จำนวนผู้ที่ยื่นขอสินเชื่อเพื่อการรีไฟแนนซ์ลดลง 15% ในสัปดาห์ที่แล้ว แต่พุ่งขึ้น 104% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ส่วนผู้ยื่นขอสินเชื่อเพื่อการซื้อที่อยู่อาศัยลดลง 3% ในสัปดาห์ที่แล้ว แต่เพิ่มขึ้น 9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว อัตราดอกเบี้ยเงินกู้เฉลี่ยเพื่อการจำนองแบบคงที่ระยะเวลา 30 ปี สำหรับวงเงินกู้ไม่เกิน 484,350 ดอลลาร์ เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 4.02% ในสัปดาห์ที่แล้ว จากระดับ 4.01% ในสัปดาห์ก่อนหน้านี้ (อินโฟเควสท์)
สหรัฐเผยยอดขายบ้านใหม่พุ่งเกินคาดในเดือนส.ค.
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ยอดขายบ้านใหม่เพิ่มขึ้น 7.1% ในเดือนส.ค. เมื่อเทียบรายเดือน สู่ระดับ 713,000 ยูนิต และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 660,000 ยูนิต หลังจากแตะระดับ 666,000 ยูนิตในเดือนก.ค. ยอดขายบ้านใหม่เพิ่มขึ้นในเดือนส.ค. โดยได้แรงหนุนจากการปรับตัวลงของอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนอง ยอดขายบ้านพุ่งขึ้นในภาคตะวันตก และภาคใต้ เมื่อเทียบรายปี ยอดขายบ้านใหม่เพิ่มขึ้น 18% ในเดือนส.ค.นอกจากนี้ ราคาเฉลี่ยของบ้านใหม่เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 328,400 ดอลลาร์ในเดือนส.ค. ส่วนสต็อกบ้านใหม่ลดลงสู่ระดับ 326,000 ยูนิตในเดือนส.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.ย.ปีที่แล้ว เมื่อพิจารณายอดขายบ้าน และสต็อกบ้านในตลาด พบว่า ผู้ขายบ้านต้องใช้เวลา 5.5 เดือนในการขายบ้านจนหมดสต็อกในตลาด จากระดับ 5.9 เดือนในเดือนก.ค. (อินโฟเควสท์)
Market Insight
E- mail :[email protected]
บล.ทิสโก้ : ECONOMICS : ธปท. หั่นคาดการณ์เศรษฐกิจไทยลง
กระแสเศรษฐกิจ
ECONOMICS : ธปท. หั่นคาดการณ์เศรษฐกิจไทยลง
ธปท. คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 1.50%
การประชุม กนง .เมื่อวานนี้ (25 ก.ย.) มีสาระสำคัญดังนี้ (1) มีมติเป็นเอกฉันท์ 7:0 เสียง ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 1.50% เป็นไปตามคาดการณ์ (2) ปรับประมาณการเติบโตทางเศรษฐกิจในปีนี้และปีหน้าลง จากการชะลอตัวตามภาคการส่งออกที่หดตัว (3) กนง. ยังคงมีความกังวลต่อสถานการณ์เงินบาทที่แข็งค่าเมื่อเทียบกับประเทศคู่ค้าคู่แข่ง รวมถึงความเปราะบางต่อเสถียรภาพระบบการเงิน เช่น พฤติกรรมแสวงหาผลตอบแทนที่สูงขึ้น และหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง (4) ยังคงไม่มีสัญญาณที่ชัดเจนต่อมุมมองอัตราดอกเบี้ยนโยบายในระยะข้างหน้า อย่างไรก็ตาม กนง.ระบุพร้อมที่จะพิจารณาใช้นโยบายทางการเงินเพิ่มเติมหากมีความจำเป็น (รายละเอียดเพิ่มเติมใน Figure 3)
ธปท. ปรับประมาณการเติบโตทางเศรษฐกิจลง ตามมุมมองภาคส่งออกที่หดตัวมากขึ้น
ธปท. หั่นประมาณการจีดีพีตามที่เราคาดการณ์ โดยในปีนี้ลดลงเหลือ 2.8% (vs. 3.3% ในครั้งที่แล้ว) และในปีหน้าที่ 3.3% (vs. 3.7% ในครั้งที่แล้ว) จากกำลังซื้อจากต่างประเทศที่อ่อนแอลงกว่าที่คาด ซึ่งกระทบการใช้จ่ายในประเทศให้เปราะบางลง อย่างไรก็ดี ยังต้องการมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐเป็นส่วนช่วยในการสนับสนุน ทั้งนี้ เราประมาณการเติบโตของจีดีพีที่ 2.9% ในปี 2019F และ 3.1% ในปี 2020F สำหรับในปี 2019 ธปท. ได้หั่นประมาณการส่งออกลงมาอยู่ที่ -1.0% (vs. 0.0% ในครั้งที่แล้ว) และแนวโน้มการขยายตัวที่ต่ำลงในการลงทุนภาคเอกชน (3.0% vs. 3.8% ในครั้งที่แล้ว) และการลงทุนภาครัฐ (2.5% จาก 3.8% ในครั้งที่แล้ว) ในขณะเดียวกัน ธปท. คาดการณ์อัตราเงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ยในปีนี้ที่ 0.8% ซึ่งต่ำกว่ากรอบเป้าหมายเงินเฟ้อที่ 1-4% จากราคาพลังงานและอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานที่ลดลง อย่างไรก็ตาม ธปท. ยังคาดหวังอัตราเงินเฟ้อทั่วไปจะฟื้นตัวในปีหน้ามาแตะระดับล่างของกรอบเป้าหมายเงินเฟ้อที่ 1%
เราคงมุมมองกรณีฐานว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายจะอยู่ที่ 1.50% จนสิ้นปี
แม้เราไม่เชื่อว่าการปรับลดอัตราดอกเบี้ยจะสิ้นสุดลงแล้ว แต่ในกรณีฐานเราคาดว่า กนง. จะยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 1.50% ในช่วงที่เหลือในปีนี้ จาก (1) ขีดจำกัดของนโยบายการเงิน (ณ ปัจจุบันอัตราดอกเบี้ยนโยบายอยู่สูงกว่าในอดีตที่เคยต่ำสุดเพียง 25bps) และเพื่อสำรองในการป้องกันความเสี่ยงทางเศรษฐกิจ (2) การปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่เหนือความคาดหมายในเดือน ส.ค. ส่งผลอย่างมีประสิทธิผลผ่านการปรับลดอัตราดอกเบี้ยกู้ยืม MOR/MRR และ (3) มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่เพิ่งออกโดยรัฐบาล อย่างไรก็ตาม หากความเสี่ยงด้านลบบานปลาย (เช่น ข้อพิพาททางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนรุนแรงขึ้น) เรามองว่ามีโอกาสที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีก 25bps ในไตรมาส 4 โดยยังเหลือการประชุม กนง. อีกสองครั้งในปีนี้ คือ วันที่ 6 พ.ย. และ 18 ธ.ค. สำหรับสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน หากทั้งสองประเทศปรับขึ้นภาษีตามที่ได้ประกาศไว้ เราคาดว่าเศรษฐกิจโลกและการค้าจะชะลอตัวลงอีก (อย่างไรก็ตาม ยังมีความหวังในการเจรจากันในครั้งต่อไปในต้นเดือน ต.ค.) ซึ่งทำให้เรามองว่า IMF จะปรับลดประมาณการเติบโตทางเศรษฐกิจโลกในรายงาน WEO ฉบับเดือน ต.ค.นี้ โดยเฉพาะในปี 2020 บนสมมติฐานการปรับขึ้นภาษีนำเข้าได้ถูกบังคับใช้ทั้งหมด ดังนั้น ทำให้เรามองว่าผลจากความเสี่ยงด้านลบดังกล่าว จะทำให้โอกาสการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีหน้ายังคงอยู่ในระดับสูง
ที่มา : TISCO ECONOMIC STRATEGY UNIT ( ESU )
Market Insight
E- mail :[email protected]