WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

logo aceบล.เออีซี : Daily Focus
AECS Daily Focus
--------------
Market Outlook
•    วันนี้คาด SET Index จะเริ่มชะลอการปรับตัวลงตามระดับแนวรับ 1,620 และ 1,615 จุด เพื่อสร้างฐานการรีบาวด์ หลังภาพปัจจัย ตปท. Trade War มี Sentiment เชิงบวกมากขึ้น  ขณะที่ปัจจัยในประเทศติดตามผลการประชุมของ กนง.ต่อท่าทีการกำหนดนโยบายอัตราดอกเบี้ยนโยบายในวันพรุ่งนี้  นอกจากนี้ ลุ้นการทำWindow dressing ช่วงโค้งสุดท้ายก่อนปิดไตรมาส ประเมินกรอบเคลื่อนไหว 1,615-1,630 จุด
•    Market Factor
•    (+) จีนสั่งนำเข้าถั่วเหลืองจากสหรัฐฯ จำนวน 10 คาร์โกหรือราว 600,000 ตัน ทำให้ตลาดคาดหวังการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีนในช่วงต้นเดือน ต.ค. ในทิศทางเชิงบวกมากขึ้น
•    (+) กระทรวงพาณิชย์ กำหนด 3 นโยบายหลักขับเคลื่อนเศรษฐกิจ  ครอบคลุมมาตรการกระตุ้นทั้งเศรษฐกิจจากระดับฐานรากขึ้นสู่ระดับบน (Bottom up) และเศรษฐกิจมหาภาค (Top Down) พร้อมหนุนภาคธุรกิจให้ปรับตัวทันกับเศรษฐกิจสมัยใหม่ เช่น เร่งแก้ไขปัญหาราคาสินค้าเกษตรตกต่ำใน 5 พืชเกษตรสำคัญ เช่น ข้าว ยางพารา มันสำปะหรัง มะพร้าว และข้าวโพด เร่งรัดการส่งออกผ่านยุทธศาสตร์ ขยายตลาดเก่า เปิดตลาดใหม่ และฟื้นตลาดเดิม (กรุงเทพธุรกิจ)
•    (watch) ติดตามผลการประชุมของ กนง.วันที่ 25 ก.ย.นี้ ต่อทิศทางอัตราดอกเบี้ยนโยบาย
•    Consensus ปรับลดประมาณการ EPS โดยข้อมูลจาก Bloomberg Consensus พบว่าเมื่อต้นปี EPS ปี 62 ที่ 115.14 บาท ขณะที่ปัจจุบันเหลือเพียง 99.10 บาท หรือลดลง 13.93%YTD
•    Update Flow เมื่อวานที่ผานมาต่างชาติคงขายสุทธิในตลาดหุ้นไทยอีก 1,564.6 ลบ.ส่งผลภาพรวม MTD ต่างชาติขายสุทธิรวม 7,917.88 ลบ.(ขณะที่รายย่อยและสถาบันซื้อสุทธิรวมกัน 4,618.06 ลบ.)
•    Investment Strategy
•    สัปดาห์นี้ เราประเมิน SET Index ซึมลงต่อในกรอบ 1,610-1,640 จุด หลังขาดปัจจัยหนุนใหม่จากต่างประเทศ ขณะที่มีประเด็นที่ต้องติดตามในเรื่อง Trade war ที่จะมีการเจรจาในช่วงต้นเดือนหน้า บวกกับติดตามผลประชุม กนง. (ล่าสุดนักเศรษฐศาสตร์ 12 ท่าน จาก Bloomberg Consensus มองแบงก์ชาติยังคงอัตราดอกเบี้ยที่ 1.5%) อย่างไรก็ดี อาจมีประเด็นหนุนจากการทำ Window Dressing ในช่วงปลายสัปดาห์ ดังนั้นในช่วงที่ตลาดปรับลง เราแนะนำให้นักลงทุนทยอยเก็บหุ้น 4 กลุ่ม ดังนี้
•    หุ้นกลุ่มที่จะได้ประโยชน์จากแผนกระตุ้นศก.ของรัฐฯ: แนะนำหุ้นที่ได้ประโยชน์และมี Upside ได้แก่ BJC (ช่วง  2H62 คาดเห็นการฟื้นตัวHoHจากการขยายสาขาBigCมากขึ้นจากสาขาทั้งในประเทศ 7 สาขาและสาขาที่กัมพูชา 1 สาขาBigC Food Place 1 สาขาและ Mini BigCราว 200 สาขา), SEAFCO (แม้ช่วง 2H62 คาดรับรู้งานลดลง แต่ยังมี Backlog 2.3 พัน ลบ. คาด Secured Revenue 100% ในช่วงที่เหลือของปีนี้ บวกกับยังมี Upside Risk จากงานประมูลใหม่อีก 1.9 หมื่นลบ.), CPALL (ช่วง 3Q62 แม้เข้าสู่ Low Season แต่ด้วยการจัดโปรโมชั่น แสตมป์จัดหนักกระตุ้นยอดขาย และการได้ประโยชน์จากฐานที่ต่ำของปีก่อนจะหนุน SSSG เติบโตต่อเนื่อง พร้อมยังคงเป้าขยายสาขาร้านสะดวกซื้อปีนี้ที่ 700 สาขา), ERW (ช่วง 2H62 หลังคาดฟื้นตัวจากปัจจัยฤดูกาล บวกกับการกลับมาเปิดโรงแรมใหม่ 9 แห่ง อีกทั้งมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวจาก ครม.และมีสัญญาณฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวชาวจีน หลังจำนวนนักท่องเที่ยวจีนเดือน ส.ค. โต 15.6%YoY)
•    กลุ่ม Defensive Stock: เราเลือกหุ้นที่มีอัตราจ่ายปันผลน่าดึงดูดบวกกับกำไรช่วง 2H62 มีแนวโน้มโตดี แนะนำ ASK (ช่วง 2H62 คาดกำไรสุทธิมีแนวโน้มโตต่อ หนุนด้วยสินเชื่อรถพาณิชย์ที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตามงานก่อสร้างภาครัฐฯที่จะทยอยเร่งตัวขึ้นบวกกับคาดได้ประโยชน์จากการทยอยเปลี่ยนรถตู้เป็นรถมินิบัสของผู้ประกอบการรถโดยสารสาธารณะตามมาตรการของ ขสมก.
•    กลุ่มที่คาดผลดำเนินงานมีแนวโน้มดีต่อเนื่อง: เหมาะกับการทยอยซื้อสะสม โดยเน้นหุ้นที่กำไรช่วง 2Q62 คาดโต YoYและช่วง 2H62 โตต่อ แนะนำSAWAD (คาดกำไรปี 62 โต 30.8%YoY หนุนด้วยเป้าพอร์ตสินเชื่อโต 20-30% และอีก 300 สาขา,  Asset Yield ฟื้นตัวตามสัดส่วนการรับรู้รายได้ผ่านสัญญาเงินกู้ผ่าน BFIT ที่มากขึ้นโดยล่าสุด SAWAD รายงานการถือครองหุ้น BFIT หลัง Tender Offer ที่ 82.04% บวกกับต้นทุนทางการเงินที่ปรับลงหลังได้รับเงินเพิ่มทุนจากพันธมิตร), SELIC (คาดปี 62 เห็นการ Turnaround ของกำไรหลังเริ่มรวมงบการเงินกับ PMCT ซึ่งคาดเห็น Synergy ชัดเจนขึ้นจากการพัฒนาสินค้าใหม่และการขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่มใหม่), III (ช่วง 2Q62 กำไรโต 45.8%YoY หนุนด้วยธุรกิจขนส่งสินค้าทางอากาศและธุรกิจบริหารจัดการโลจิสติกส์ บวกกับมีส่วนแบ่งกำไรที่โต 364%YoY จากธุรกิจที่เข้าซื้อกิจการสิงคโปร์และฮ่องกงในปี 61-62 ตามลำดับ)
•    หุ้นที่ได้ประโยชน์จากน้ำท่วมในภาคเหนือ/อีสาน: เราเลือก SPC, DOHOME, GLOBAL, DCC
•    Trading Idea
•    กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง : แนะนำเก็งกำไร หลัง ครม.เศรษฐกิจจะมีการประชุมในวันที่ 20 ก.ย.โดยเน้นประเด็นในเรื่องของกระทรวงคมนาคม โดยเฉพาะโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน และ Mega Project เราเลือก CK, STEC ซึ่งมีโอกาสเข้าร่วมประมูลงานขนาดใหญ่ และ SEAFCO ซึ่งมีBacklog secure revenue ในปีนี้แล้วบวกกับรอรับงานจากผู้รับเหมารายใหญ่
    23-Sep-19    Change (pts.)    20-Sep-19
SET Index    1,622.79    -13.41    1,636.20
SET50 Index    1,078.65    -10.39    1,089.04
SET100 Index    2,374.28    -22.10    2,396.38
 
High    1,636.16    Gainers    496
Low    1,620.77    Unchanged    396
Value (Bt m)    45,153.56    Losers    1,059
Volume (*000)    14,271,562         
Market Valuation
SET Data    2019F    2020F    Long Term
Fwd PER (x)    16.5    14.9    14.9
EPS Growth (%)    13.9    9.3    -0.8
EV/EBITDA (x)    11.8    10.8    10.3
FWD PBV (x)    1.8    1.7    1.6
Dividend Yield (%)    3.1    3.3    3.6
ROE    10.7    10.9    11.0
Net Buy/Sell by Investor Types
Unit : M Bt    23-Sep-19    WTD    MTD    YTD
Institution    (438.07)    (438.07)    (6,338.90)    26,079.74
Proprietary    (575.40)    (575.40)    3,299.81    10,708.45
Foreign     (1,564.60)    (1,564.60)    (7,917.89)    (1,488.94)
Individual    2,578.07    2,578.07    10,956.98    (35,299.25)
AECS ( Fundamental and Strategic Team )
จิรภัทร  โบสุวรรณ (ID. 040051)    [email protected]
ภัทรพล จันทร์อินทร์ (ID. 089932)    [email protected]
ธีรยุทธ  ฤทธิเผ่าพันธุ์    ผู้ช่วยนักวิเคราะห์
สุวรรณา อัศวเหล่าวรพงศ์    Data Support / Secretary

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!