- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 18 September 2019 16:18
- Hits: 2792
บล.เออีซี : Daily Focus
AECS Daily Focus
--------------
Market Outlook
• วันนี้คาด SET Index แกว่งพักตัวไม่หลุด 1,655 จุด เพื่อลุ้นรีบาวด์แนวต้าน 1,680 และ 1,695 จุดตามลำดับ คาดเจอแรงขายจากหุ้นกลุ่มพลังงาน หลังราคาน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวลงกว่า 5.7%DoD ขณะที่ นลท.ยังติดตามผลการประชุม FED วันนี้ เพื่อกำหนดแนวทางนโยบายทางการเงินประเมินกรอบเคลื่อนไหว 1,655-1,670 จุด
• Market Factor
• (-) สัญญาน้ำมันดิบWTI และBrent วานนี้ปรับลง 5.7%DoD และ 6.5%DoD หลังรัฐมนตรีพลังงานของ ซาอุฯ เชื่อว่าจะกลับมาผลิตน้ำมันดิบอย่างสมบูรณ์ภายในสิ้นเดือนนี้
• (watch) จับตาผลการประชุมFed ในคืนนี้หลังตลาดให้ความหวังในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลดลงจากCME FedWatch มีความน่าจะเป็นในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 51.9% จากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ออกมาแข็งแกร่ง
• (-) ส.อ.ท. เผยยอดส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปเดือน ส.ค.62 อยู่ที่ 81,549 คัน ลดลง 20.45%YoY เนื่องจากยอดขายรถในประเทศคู่ค้าลดลงจากผลกระทบเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวลง โดยมีมูลค่าการส่งออกอยู่ที่45,694.98 ลบ. ลดลง 18%YoY ขณะที่ยอดขายรถยนต์ในประเทศ เดือน ส.ค.62 มีจำนวนทั้งสิ้น 80,838 คัน ลดลง 6.9%YoY (อินโฟเควสท์)
• (-) ส.อ.ท.รายงาน ดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมในเดือน ส.ค.62 อยู่ที่ระดับ 92.8 ปรับตัวลดลงจากระดับ 93.5 ในเดือน ก.ค.62 ขณะที่ดัชนีฯ คาดการณ์ 3 เดือนข้างหน้าอยู่ที่ระดับ 102.9 (จาก 102.3 เดือน ก.ค.)จากผลบวกกิจกรรมส่งเสริมการขายและการเปิดตัวสินค้ารุ่นใหม่ รวมทั้งผลจากมาตรการกระตุ้นการบริโภคและการลงทุนภายในประเทศของภาครัฐ (อินโฟเควสท์)
• (+) กบง. มีมติเห็นชอบ ปรับลดเงินนำส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงในส่วนของเบนซิน 1 บาทต่อลิตร และดีเซล 60 สตางค์ต่อลิตร มีผลตั้งแต่วันที่ 18 ก.ย.เป็นต้นไป เพื่อบรรเทาผลกระทบจากเหตุการณ์ในซาอุฯ (ข่าวสด)
• Consensus ปรับลดประมาณการ EPS โดยข้อมูลจาก Bloomberg Consensus พบว่าเมื่อต้นปี EPS ปี 62 ที่ 115.14 บาท ขณะที่ปัจจุบันเหลือเพียง 99.14บาท หรือลดลง 13.90%YTD
• Update Flow เมื่อวานนี้ต่างชาติกลับมาขายสุทธิต่อในตลาดหุ้นไทย 886.13ลบ.ส่งผลภาพรวม MTD ต่างชาติขายสุทธิรวม 5,036.48ลบ.(ขณะที่รายย่อยและสถาบันซื้อสุทธิรวมกัน 1,198.88ลบ.)
• Investment Strategy
• สัปดาห์นี้ เราประเมิน SET Index เคลื่อนไหวในกรอบ 1,645-1,690 จุด โดยมีปัจจัยหลักที่ต้องติดตาม คือ ผลการประชุม Fed ในสัปดาห์นี้ (17-18 ก.ย.) ขณะที่นักลงทุนต่างชาติเริ่มกลับมา Short Future อีกครั้ง ดังนั้นเราแนะนำให้นักลงทุนระวังแรงขายทำกำไรกดดันตลาด และแนะนำทยอยเก็บหุ้น 4 กลุ่ม ที่ย่อตัวลงมา ดังนี้
• หุ้นกลุ่มที่จะได้ประโยชน์จากแผนกระตุ้น ศก.ของรัฐฯ: แนะนำหุ้นที่ได้ประโยชน์และมี Upside ได้แก่ BJC (ช่วง 2H62 คาดเห็นการฟื้นตัวHoHจากการขยายสาขา BigC มากขึ้นจากสาขาทั้งในประเทศ 7 สาขาและสาขาที่กัมพูชา 1 สาขา BigC Food Place 1 สาขา และ Mini BigCราว 200 สาขา), SEAFCO (แม้ช่วง 2H62 คาดรับรู้งานลดลง แต่ยังมี Backlog 2.3 พัน ลบ. คาด Secured Revenue 100% ในช่วงที่เหลือของปีนี้ บวกกับยังมี Upside Risk จากงานประมูลใหม่อีก 1.9 หมื่น ลบ.),CPALL (ช่วง 3Q62 แม้เข้าสู่ Low Season แต่ด้วยการจัดโปรโมชั่น แสตมป์จัดหนักกระตุ้นยอดขาย และการได้ประโยชน์จากฐานที่ต่ำของปีก่อนจะหนุน SSSG เติบโตต่อเนื่อง พร้อมยังคงเป้าขยายสาขาร้านสะดวกซื้อปีนี้ที่ 700 สาขา), ERW (ช่วง 2H62หลังคาดฟื้นตัวจากปัจจัยฤดูกาล บวกกับการกลับมาเปิดโรงแรมใหม่ 9 แห่ง อีกทั้งมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวจาก ครม.และมีสัญญาณฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวชาวจีน หลังจำนวนนักท่องเที่ยวจีนเดือน ส.ค. โต 15.6%YoY)
• กลุ่ม Defensive Stock: เราเลือกหุ้นที่มีอัตราจ่ายปันผลน่าดึงดูดบวกกับกำไรช่วง 2H62 มีแนวโน้มโตดี แนะนำ ASK (ช่วง 2H62 คาดกำไรสุทธิมีแนวโน้มโตต่อ หนุนด้วยสินเชื่อรถพาณิชย์ที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตามงานก่อสร้างภาครัฐฯที่จะทยอยเร่งตัวขึ้นบวกกับคาดได้ประโยชน์จากการทยอยเปลี่ยนรถตู้เป็นรถมินิบัสของผู้ประกอบการรถโดยสารสาธารณะตามมาตรการของ ขสมก.
• กลุ่มที่คาดผลดำเนินงานมีแนวโน้มดีต่อเนื่อง: เหมาะกับการทยอยซื้อสะสม โดยเน้นหุ้นที่กำไรช่วง 2Q62 คาดโต YoY และช่วง 2H62 โตต่อ แนะนำ SAWAD (คาดกำไรปี62 โต 30.8%YoY หนุนด้วยเป้าพอร์ตสินเชื่อโต20-30% และอีก 300 สาขา, Asset Yield ฟื้นตัวตามสัดส่วนการรับรู้รายได้ผ่านสัญญาเงินกู้ผ่าน BFIT ที่มากขึ้นโดยล่าสุด SAWAD รายงานการถือครองหุ้น BFIT หลังTender Offer ที่ 82.04% บวกกับต้นทุนทางการเงินที่ปรับลงหลังได้รับเงินเพิ่มทุนจากพันธมิตร), SELIC (คาดปี 62 เห็นการ Turnaround ของกำไรหลังเริ่มรวมงบการเงินกับ PMCT ซึ่งคาดเห็น Synergy ชัดเจนขึ้นจากการพัฒนาสินค้าใหม่และการขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่มใหม่), III (ช่วง 2Q62 กำไรโต 45.8%YoY หนุนด้วยธุรกิจขนส่งสินค้าทางอากาศและธุรกิจบริหารจัดการ โลจิสติกส์ บวกกับมีส่วนแบ่งกำไรที่โต 364%YoY จากธุรกิจที่เข้าซื้อกิจการสิงคโปร์และฮ่องกงในปี 61-62 ตามลำดับ)
• หุ้นที่ได้ประโยชน์จากน้ำท่วมในภาคเหนือ/อีสาน: เราเลือก SPC, DOHOME, GLOBAL, DCC
• Trading Idea
• กลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากการปรับขึ้นภาษีความหวานของเครื่องดื่ม : เราแนะนำ Short Selling หรือ Short Against Port ในหุ้น ICHI
17-Sep-19 Change (pts.) 16-Sep-19
SET Index 1,663.93 1.00 1,662.93
SET50 Index 1,107.82 1.79 1,106.03
SET100 Index 2,442.14 2.20 2,439.94
High 1,670.62 Gainers 734
Low 1,659.14 Unchanged 423
Value (Bt m) 73,344.07 Losers 878
Volume (*000) 20,373,190
Market Valuation
SET Data 2019F 2020F Long Term
Fwd PER (x) 16.8 15.1 15.1
EPS Growth (%) 13.9 9.3 -0.8
EV/EBITDA (x) 11.7 10.7 10.2
FWD PBV (x) 1.8 1.7 1.7
Dividend Yield (%) 3.0 3.3 3.6
ROE 10.7 10.9 11.0
Net Buy/Sell by Investor Types
Unit : M Bt 17-Sep-19 WTD MTD YTD
Institution (693.75) (2,404.19) 774.24 33,192.88
Proprietary (106.74) (339.41) 3,837.59 11,246.22
Foreign (886.13) 183.16 (5,036.48) 1,392.47
Individual 1,686.62 2,560.44 (424.66) (45,831.57)
AECS ( Fundamental and Strategic Team )
จิรภัทร โบสุวรรณ (ID. 040051) [email protected]
ภัทรพล จันทร์อินทร์ (ID. 089932) [email protected]
ธีรยุทธ ฤทธิเผ่าพันธุ์ ผู้ช่วยนักวิเคราะห์
สุวรรณา อัศวเหล่าวรพงศ์ Data Support / Secretary