WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

Mayบล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน At The Open

กลยุทธ์การลงทุนรายวัน

Market Summary
          เมื่อวานนี้ SET แกว่ง sideway โดยมีแรงซื้อมากในหุ้นกลุ่มพลังงาน (PTTEP, PTT) และ สื่อสารฯ (ADVANC) ขณะที่ยังคงมีแรงขายในกลุ่มธนาคาร (KBANK, SCB)  โดย ณ.สิ้นวัน SET ปิดที่ 1,663.93 (+1 จุด) ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 7.3 หมื่นล้านบาท (เทียบกับวันก่อนหน้าที่ 6.1 หมื่นล้านบาท)
          โดยนักลงทุนต่างชาติขายหุ้นไทย 886 ล้านบาท (นักลงทุนสถาบันขาย 693 ล้านบาท) ส่วนตลาด TFEX นักลงทุนต่างชาติเปิด Short Futures ที่ 10,038 สัญญา

Stock Picks & Trading Idea
          BDMS (ราคาเป้าหมาย 30 บ/หุ้น) ราคาหุ้นในระยะสั้นตอบรับปัจจัยกดดันจากหุ้นใหม่ที่แปลงจาก Convertible bond มากเกินไป (ราคาแปลง 21.045 บาท เข้าซื้อขาย 13 กย.ที่ผ่านมา) ในขณะที่ปัจจัยพื้นฐานยังเด่น โดยคาดแนวโน้มอัตราการทำกำไรในช่วง 2H62 เด่นกว่า 1H62 ผสานการเข้าสู่ช่วง High Season ในช่วงไตรมาส 3 เพิ่มความน่าสนใจในการทยอยสะสม

Investment Theme
          แกว่งรอผลประชุม FOMC คาดลดดอกเบี้ย 0.25%: คืนนี้จับตาการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) ซึ่งถือว่าเป็นปัจจัยสำคัญมากในเดือนนี้ โดยเราแบ่งโอกาสของเหตุการณ์ที่จะเกิดออกไป 3 กรณี คือ 1) กรณีฐาน (base case) ซึ่งเราให้น้ำหนักจะเกิดกรณีนี้มากสุด คือ คาด FED ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% จากกรอบ 2.0-2.25% ลงสู่ระดับ 1.75-2.0% เพื่อช่วยกระตุ้นภาพรวมเศรษฐกิจสหรัฐฯที่ชะลอตัวลง แต่มุมมองของดอกเบี้ยในช่วงที่เหลือของปีแนวโน้มเป็นกลาง (Neutral) คาดในกรณีนี้ SET จะแกว่งตัวในกรอบ 1650-1700 จุด 2) กรณีดีสุด (best case) คือ FED อาจปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.5% หรือ ลดเพียง 0.25% แต่ให้มุมมองช่วงที่เหลือของปีจำเป็นต้องผ่อนคลายนโยบายอย่างต่อเนื่อง (Dovish) หากเกิดกรณีนี้คาด SET จะแกว่งขึ้นทะลุ 1700 จุด ได้ 3) กรณีแย่สุด (worst case) คือ FED คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับเดิม หากเกิดในกรณีนี้ คาดตลาดจะผิดหวัง และ SET จะปรับตัวลงหลุดระดับ 1650 จุด   
          Investment Strategy: แกว่งรอผลประชุม FOMC ในกรอบแนวต้าน 1680 และ แนวรับ 1650 จุด แนะนักลงทุนระยะสั้นเก็งหุ้นที่ได้อานิสงส์ดอกเบี้ยต่ำ เช่น ICT, โรงไฟฟ้า, โรงพยาบาล ส่วนนักลงทุนระยะกลาง-ยาว: รอขายทำกำไรในจังหวะ SET ปรับขึ้นใกล้ 1700 จุด ส่วนหุ้นที่รอจังหวะสะสมระยะกลาง (BDMS, CHG, SCB, GPSC, BEM, AOT, ADVANC, STEC, SCC)

Big Issue

เมื่อคืนที่ผ่านมา :  
          ราคาน้ำมันดิบวานนี้ปรับลง -6.5% หลัง รมว.พลังงานซาอุดิอารเบีย เชื่อมั่นกำลังผลิตจะกลับมาอยู่ในระดับปกติภายในเดือนนี้
          ดัชนีผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของสหรัฐ เดือน สค. ขยายตัว +0.6% ดีกว่าคาดที่ +0.2%

Eyes on

ปัจจัยต่างประเทศ :
          17-18 กย. FOMC Meeting (คาดลดดอกเบี้ย)
          18-19 กย. การประชุม BOJ
          19 กย. การประชุม BOE
          เจรจาสงครามการค้า US-จีน ต้นเดือน ตค.

ปัจจัยในประเทศ :
          25 กย. การประชุม กนง. (คาดคงดอกเบี้ย)

Technical View

SET
          แนวรับ : 1650, 1660
          แนวต้าน : 1670, 1680
          SET Index : เน้นรอซื้อที่แนวรับกรอบ Uptrend บริเวณ 1650 ดัชนีแกว่ง Sideway จากแรงซื้อหุ้นกลุ่มพลังงาน และสื่อสาร โดยมีแรงขายหุ้นกลุ่มโรงพยาบาล และวัสดุก่อสร้าง ทำให้ดัชนียังคงแกว่งตัวบริเวณ EMA200Day ที่ 1666 ในระยะสั้นคาดยังแกว่งในกรอบ 1660-1680 หากยังไม่สามารถผ่าน 1680 ได้ มองเป็นช่วงของการพักฐาน เน้นรอซื้อเมื่ออ่อนตัวบริเวณแนวรับ 1660 และ 1650

กลยุทธ์การลงทุน
          มีหุ้น: จังหวะ Rebound แนะนำขายเล่นรอบบางส่วนที่แนวต้าน 1670/1680
          ไม่มีหุ้น: จังหวะย่อตัวไม่หลุดแนวรับที่ 1650 อาจซื้อเพื่อ Trading

Tiger Picks :

          THANI :  ซื้อ
          แนวรับ : 6.90-7.10
          แนวต้าน : 7.40/7.60
          ตัดขาดทุน : 6.80

          BGC : ซื้อ
          แนวรับ : 14.30-14.60
          แนวต้าน : 15.30/15.80
          ตัดขาดทุน : 14.20

ข่าว เด่น พร้อมคำแนะนำ

กลุ่มธนาคาร
          'ธปท.' ไฟเขียวกลุ่มแบงก์ นำสำรองฯ เกินเป็นกำไร (ข่าวหุ้น)
          ความเห็น : แบงก์ชาติกำหนดให้ทุกธนาคารสามารถนำสำรองฯ ส่วนเกินกลับมาเป็นรายได้ผ่านงบกำไรขาดทุน โดยให้ทยอยลดสำรองส่วนเกินปีละ 20% เป็นระยะเวลา 5 ปี เรามองว่าเป็นผลบวกต่อธนาคารที่มีสำรองส่วนเกินเป็นจำนวนมากเช่น BBL KBANK TISCO อย่างไรก็ตามทางธนาคารอาจจะมีการเก็บสำรองไว้สำหรับรองรับความผันผวนและสถานการณ์ที่เกินความคาดหมายได้ เราแนะนำซื้อ BBL ราคาเป้าหมาย 225 บาท, SCB ราคาเป้าหมาย 160 บาท และ KKP ราคาเป้าหมาย 85 บาท

กลุ่มอสังหาฯ
          อสังหาฯ ปี 62 ติดลบ 7% (เดลินิวส์)
          ความเห็น : จาก 10 บริษัทที่เราทำการศึกษาในกลุ่มที่อยู่อาศัยเราคาดว่า Presales ปีนี้จะติดลบ 10% เท่ากับประมาณ 2.6 แสนล้านบาท และกำไรสุทธิคาดลดลง 3.8% YoY เท่ากับ 38,848 ล้านบาท โดยเราคาดว่าใน 2H62 สัดส่วนกำไรสุทธิจะเท่ากับ 61% ของทั้งปี และคาดจะดีที่สุดใน 4Q62 นี้ สำหรับนักลงทุนระยะยาวที่รับความผันผวนของกลุ่มได้เราเลือก SPALI และ S

          นักวิเคราะห์ : สรพล วีระเมธีกุล / วิจิตร อารยะพิศิษฐ
          Research Department Tel. 02-658-5000

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!