- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 17 September 2019 16:04
- Hits: 2677
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
“ตลาดรอฟังผลเฟด พลังงานยังเด่น แต่ระวังหุ้นใช้น้ำมัน”
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : SVI (จาก Fully Valued เป็นขาย)
ภาวะตลาดและปัจจัย : SET วานนี้ +0.97 จุด ปิดที่ 1662.93 จุด มูลค่าการซื้อขายมากขึ้นเป็น 61.5 พันล้านบาท ดัชนีฯบ้านเราปรับขึ้นใกล้เคียงกับเพื่อนบ้านแกว่งแคบๆ มีเพียงหุ้นกลุ่มพลังงานที่คึกคัก แต่นักลงทุนรอดูสถานการณ์ประชุมเฟดและการปรับตัวของน้ำมันในตลาดโลกมากกว่า หลังซาอุฯปรับลดการผลิตไปถึงกึ่งหนึ่ง ผู้ขายสุทธิคือสถาบัน โบรกเกอร์ ส่วนซื้อสุทธิเป็น ต่างชาติและรายย่อย ตั้งแต่ต้นเดือนถึงปัจจุบันต่างชาติขายสุทธิลดลงเป็น 4.2 พันล้านบาท ด้านแนวโน้มตลาดและกลยุทธ์คือ
# ปัจจัยสำคัญ: รอฟังถ้อยแถลงเฟด จบพรุ่งนี้ กลับมากังวลน้ำมันกระทบเศรษฐกิจโลก เช้านี้ราคาน้ำมันดิบในตลาดล่วงหน้าเริ่มอ่อนตัวลงเล็กน้อยหลังจากทะยานตามข่าวซาอุฯ การรอฟังถ้อยแถลงเฟดอาจทำให้ตลาดซึมๆ สิ่งที่ดีคือ บอนด์ยิลด์กลับมาปรับลงบ้าง หลังนักลงทุนเข้าซื้อพันธบัตรที่ปลอดภัย ตลาดหุ้นเพื่อนบ้านเช้านี้แกว่งแคบๆ ดัชนีความกังวลอยู่ในโซนต่ำ อุตสาหกรรมอิเล็กโทรนิกส์ยังไม่สดใส การส่งออกสิงคโปร์ซึ่งเป็นฮับใหญ่มี shipment ที่ลดลง 25.9% y-o-y ในเดือน ส.ค.62
# ระยะสั้นคาด SET- หุ้นกลุ่มพลังงานยังเด่น แต่ระวังหุ้นที่ใช้พลังงานเป็นต้นทุน เช่นกลุ่มขนส่ง เดินเรือ อุตสาหกรรมต่างๆที่ใช้น้ำมันเป็นวัตถุดิบ แม้จะมีสต็อกเดิม แต่หากหมด ก็จะกระทบ ส่วนอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐเริ่มลดลง ส่งผลดีขึ้นต่อราคาตราสารหนี้ และสินทรัพย์ปลอดภัย เช่น กลุ่ม REITs,IFFโรงไฟฟ้า จึงอาจมีแรงซื้อกลับ คาด SET ซื้อขายในกรอบ 1650-1690 จุด กลยุทธ์ คือ เลือกลงทุนเป็นรายกลุ่มและรายตัว (Selective) แนวต้านเป็น 1668-1680 จุด แนวรับอยู่ที่ 1655-1645 จุด สำหรับการลงทุนทยอยซื้อสะสม กลุ่มหลักทรัพย์ที่แนะนำ มีพื้นฐานแข็งแกร่ง หาจังหวะทยอยสะสมได้ คือ พลังงาน- PTT,PTTEP โรงกลั่น- TOP ปิโตรฯ-PTTGC พาณิชย์- CPALL, BJC ท่องเที่ยว- ERW,MINT ขนส่ง AOT,BEM,BTS อาหาร CPF,TU,TKN สื่อสาร- ADVANC ธนาคาร,ไฟแนนซ์- BBL, KBANK, KKP,TISCO, AEONTS,MTC การแพทย์- RJH,CHG นิคมฯ- AMATA, WHA ที่อยู่อาศัย- AP, ORI และสื่อ- VGI
# Stock Pick Today : UV ราคาหุ้นเริ่มขยับ คาดว่าเก็งกำไรปันผลพิเศษจำนวนมาก หลังจากขาย GOLD และจะบันทึกกำไรก้อนโตในงวด 4Q61-62 เงินปันผลพิเศษที่คาดไว้คือ 0.97 บาท และมีอัตราผลตอบแทนปันผลสูง (Dividend Yield) สูงมากถึง 14.9% จากราคาปิดที่ 6.50 บาท คาดว่าราคาหุ้น UV จะตอบรับในทางบวก เมื่อบริษัทประกาศจ่ายปันผลสูง คำแนะนำ: ซื้อเก็งกำไร ทั้งนี้เรายังไม่ได้จัดทำประมาณการ และราคาพื้นฐานของ UV
Thailand Research Team : reseach-th.dbs.com
Inside Story
Key Drivers TODAY : ปัจจัยต่างประเทศ / ปัจจัยในประเทศ
Hot Issue : ใครได้-ใครเสียจากการพุ่งขึ้นของราคาน้ำมันดิบ
Company Guide : SVI (ขาย -ราคาพื้นฐาน 3.80)
Key takeaways : EPCO
Key Drivers TODAY
ปัจจัยต่างประเทศ
- สหรัฐ: นักลงทุนกลับมากังวลภาวะเศรษฐกิจ จะถูกกระทบจากราคาน้ำมันปรับขึ้นสูง
# เหตุการณ์โจมตีโรงงานน้ำมันในครั้งนี้ส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบ WTI ทะยานขึ้นเกือบ 15% เมื่อคืนนี้ ซึ่งทำให้นักลงทุนกังวลว่าอาจจะส่งผลกระทบต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก และอาจนำไปสู่การตอบโต้กันในตะวันออกกลาง โดยรายงานล่าสุดระบุว่า สหรัฐได้ออกมาเรียกร้องให้นานาชาติรวมตัวกันเพื่อตอบโตอิหร่าน เพราะเชื่อว่า อิหร่านอยู่เบื้องหลังการโจมตีโรงงานน้ำมันในครั้งนี้
-สหรัฐ: มีแรงขายหุ้นกลุ่มสายการบิน เดินเรือ ผู้ผลิตวัสดุและสินค้าผู้บริโภค
# หุ้นกลุ่มสายการบินและกลุ่มผู้ประกอบการเดินเรือร่วงลงเนื่องจากความกังวลที่ว่า การพุ่งขึ้นของราคาน้ำมันอาจจะส่งผลกระทบต่อต้นทุนการดำเนินงาน นอกจากนี้ การพุ่งขึ้นของราคาน้ำมันยังได้ฉุดหุ้นกลุ่มผู้ผลิตวัสดุและกลุ่มสินค้าผู้บริโภคร่วงลงเช่นกัน
-/• ดาวโจนส์ล่วงหน้า: ปรับตัวลงแรง นักลงทุนกังวลข่าวโจมตีท่อส่งน้ำมัน
# ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์ร่วงลงกว่า 170 จุดในช่วงเช้านี้ เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับข่าวการโจมตีท่อส่งน้ำมันในซาอุดีอาระเบีย จะกระทบระบบเศรษฐกิจ
# รายงานล่าสุดระบุว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐ มีคำสั่งให้ปล่อยน้ำมันจากสำรองทางยุทธศาสตร์ (SPR)ของสหรัฐ หลังจากเกิดเหตุโจมตีโรงกลั่นน้ำมันในซาอุดีอาระเบียเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา
+/- ประชุมเฟด: เริ่มวันนี้คาดลดดอกเบี้ย 0.25% แต่ระยะยาวอาจไม่ปรับลดมาก และไม่ถี่
# นักลงทุนยังจับตาการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันนี้ ถึง 18 ก.ย.นี้ ขณะที่หนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัลคาดการณ์ว่า เฟดจะจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% หลังจากที่ได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยไปแล้ว 0.25% ในการประชุมเมื่อวันที่ 30-31 ก.ค. แต่ที่สำคัญคือ ทิศทางการปรับลดดอกเบี้ยในระยะยาว อาจจะไม่ปรับลดมาก และความถี่น้อยลง
- ดาวโจนส์: ปรับลง กังวลภาวะเศรษฐกิจ จะถูกกระทบจากราคาน้ำมันปรับขึ้นสูง
# ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 27,076.82 จุด ลดลง 142.70 จุด หรือ -0.52% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่2,997.96 จุด ลดลง 9.43 จุด หรือ -0.31% ส่วนดัชนี Nasdaq ปิดที่ 8,153.54 จุด ลดลง 23.17 จุด หรือ -0.28%
# ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (16 ก.ย.) เนื่องจากการพุ่งขึ้นอย่างร้อนแรงของราคาน้ำมันดิบหลังจากเกิดเหตุโจมตีโรงงานน้ำมันในซาอุดีอาระเบียนั้น ทำให้เกิดความกังวลว่าอาจจะส่งผลกระทบต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก นอกจากนี้ นักลงทุนยังวิตกว่า เหตุการณ์โจมตีครั้งนี้อาจส่งผลให้สถานการณ์ในตะวันออกกลางกลับมาตึงเครียดอีกครั้ง
+ น้ำมัน: ปรับขึ้นแรง หลังซาอุฯถูกโจมตีโรงงานน้ำมัน และอาจนำไปสู่การตอบโตกันในตะวันออกกลาง
# สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนต.ค. พุ่งขึ้น 8.05 ดอลลาร์ หรือ 14.7% ปิดที่ 62.90 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นการปรับขึ้นในวันเดียวที่มากที่สุดนับตั้งแต่ปี 2531
# สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนพ.ย. พุ่งขึ้น 8.80 ดอลลาร์ หรือ 14.6% ปิดที่ 69.02 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นการปรับขึ้นในวันเดียวที่มากที่สุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค. 2551
# สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเกือบ 15% เมื่อคืนนี้ (16 ก.ย.) หลังจากมีรายงานว่าเหตุการณ์โจมตีโรงงานน้ำมันสองแห่งในซาอุดีอาระเบียส่งผลให้การผลิตน้ำมันในประเทศลดลงราวครึ่งหนึ่ง ขณะที่ตลาดกังวลว่า เหตุการณ์โจมตีครั้งนี้อาจจะนำไปสู่การตอบโต้กันในตะวันออกกลาง
- ทองคำ: ปรับขึ้น กังวลสถานการณ์ตะวันออกกลาง เข้าซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย
# สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 12 ดอลลาร์ หรือ 0.8% ปิดที่1,511.50 ดอลลาร์/ออนซ์
# สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (16 ก.ย.) เนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัยท่ามกลางสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลาง หลังจากเกิดเหตุโจมตีโรงงานน้ำมันในซาอุดีอาระเบีย
• สหรัฐ: นักลงทุนติดตามตัวเลขเศรษฐกิจที่จะทยอยประกาศในสัปดาห์นี้
# นักลงทุนยังรอดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนส.ค., ดัชนีตลาดที่อยู่อาศัยเดือนก.ย.จากสมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติ (NAHB), ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาตก่อสร้างเดือนส.ค., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีการผลิตเดือนก.ย.จากเฟดฟิลาเดลเฟีย, ดุลบัญชีเดินสะพัดไตรมาส2/2562, ยอดขายบ้านมือสองเดือนก.ค. และดัชนีชี้นำเศรษฐกิจเดือนส.ค.จาก Conference Board
ปัจจัยในประเทศและข่าวหลักทรัพย์
-JTS : ก.ล.ต.ลงโทษทางแพ่ง"พิชญ์ โพธารามิก"ใช้ข้อมูลภายในซื้อขายหุ้น JTS พร้อมห้ามเป็นผู้บริหาร
# สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยการดำเนินคดีด้วยมาตรการลงโทษทางแพ่งราย นายพิชญ์ โพธารามิก และ นายเกริกไกร ไตรบัญญัติกุล กรณีใช้ข้อมูลภายในซื้อหุ้น บมจ.จัสมิน เทเลคอมซิสเต็มส์ (JTS) โดยเรียกให้ชำระค่าปรับทางแพ่งและส่งคืนผลประโยชน์รวม 58.77 ล้านบาท (Aspen)
• กระทรวงพลังงานไทยได้ตั้งวอร์รูมติดตามสถานการณ์น้ำมันตลอด 24 ชั่วโมง
# รมว.พลังงาน เปิดเผยว่า ขณะนี้กระทรวงพลังงานได้ตั้งวอร์รูมติดตามสถานการณ์ตลอด 24 ชั่วโมงกรณีเหตุโจมตีโรงงานสองแห่งในพื้นที่ผลิตน้ำมันของซาอุดีอาระเบียเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา จนทำให้ราคาน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้นในปัจจุบัน และในวันนี้ (17 ก.ย.) จะนัดประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) เป็นวาระพิเศษเพื่อร่วมหารือมาตรการป้องกันผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นต่อค่าครองชีพของประชาชนต่อไป
• สนค.คาดว่าสถานการณ์ราคาน้ำมันสูงจะไม่ยืดเยื้อ ทำให้อัตราเงินเฟ้อสูงกว่าคาดการณ์เดิมเพียงเล็กน้อย
# ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า จากเหตุการณ์โจมตีโรงงานสองแห่งในพื้นที่ผลิตน้ำมันของซาอุดีอาระเบีย จนเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายอย่างมาก ส่งผลกระทบให้การผลิตน้ำมันและก๊าซลดลงครึ่งหนึ่งของปริมาณการผลิต หรือประมาณ 5.7 ล้านบาร์เรลต่อวัน หรือ 5% ของอุปทานน้ำมันทั่วโลกนั้นยังเชื่อว่าสถานการณ์จะไม่ยืดเยื้อ ซึ่งจะส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อสูงกว่าคาดการณ์เดิมเล็กน้อยเพียง 0.01% และทั้งปียังอยู่ที่0.7-1.3%
นักวิเคราะห์&กลยุทธ์ : สมบัติ เอกวรรณพัฒนา : [email protected]