- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 16 September 2019 17:03
- Hits: 2263
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
“กลุ่มพลังงานเด่น หลังมีข่าวซาอุฯลดการผลิต”
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : NOBLE (จากถือเป็นซื้อ)
ภาวะตลาดและปัจจัย : SET วันศุกร์ +1.28 จุด ปิดที่ 1661.96 จุด มูลค่าการซื้อขายอ่อนลงเป็น 52.9 พันล้านบาท ดัชนีฯบ้านเราปรับขึ้นน้อยกว่าเพื่อนบ้าน ตลาดตอบรับข่าวดีเรื่อง ECB ลดดอกเบี้ยและเพิ่ม QE ทรัมป์อาจทำข้อตกลงการค้าชั่วคราวน้อย ขณะที่บอนด์ยิลด์สหรัฐขึ้นต่อเนื่อง กลุ่มธนาคารถูกขายทำกำไร แต่ซื้อกลับหุ้นกลุ่มไฟฟ้า สื่อสาร และพลังงาน ผู้ขายสุทธิคือสถาบัน ต่างชาติ ส่วนซื้อสุทธิเป็น รายย่อย และโบรกเกอร์ และตั้งแต่ต้นเดือนถึงปัจจุบันต่างชาติขายสุทธิเพิ่มเป็น 5.2 พันล้านบาท ด้านแนวโน้มตลาดและกลยุทธ์คือ
# ปัจจัยสำคัญ: คาดหุ้นกลุ่มพลังงานช่วยหนุนตลาดในวันนี้ หลังมีข่าวซาอุฯ ราคาน้ำมันพุ่ง ตัวเลขยอดค้าปลีกและดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐปรับตัวขึ้นดี รอถ้อยแถลงเฟด ประชุม 17-18 ก.ย.นี้ ตลาดฯมั่นใจปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.25% ทองคำปรับลง เข้าหาสินทรัพย์เสี่ยงมากขึ้น ด้านปัจจัยในประเทศรัฐมีแนวคิดออกมาตรการกระตุ้นอสังหาฯ และประกาศสมาชิก 20 หุ้นไทยได้ DJSI ด้านปัจจัยลบคือ บอนด์ยิลด์สหรัฐพุ่งถึง 1.8968% อาจทำให้กังวลเฟดลดดอกเบี้ยช้าลง หลังการเจรจาการค้าดีขึ้น เพื่อนบ้านแกว่งแคบ ดาวโจนส์ล่วงหน้าปรับลง
# ระยะสั้นคาด SET- หุ้นกลุ่มพลังงานเด่น โดยเฉพาะต้นน้ำ PTTEP และ PTT ผลการดำเนินงานดีขึ้น มีกำไรสต็อคสินค้า ส่วนกลุ่มโรงกลั่นและปิโตรฯก็ได้ประโยขน์ แต่ต้นทุนกลุ่มโรงกลั่นจะสูงขึ้น คาด SET ซื้อขายในกรอบ 1650-1690 จุด แม้คาดอัตราผลตอบแทนพันธบัตรไทยจะปรับขึ้นตาม ส่งผลลบต่อราคาตราสารหนี้ และสินทรัพย์ปลอดภัย เช่น กลุ่ม REITs,IFF โรงไฟฟ้า จึงควรระวังแรงขายทำกำไร แต่การเจรจาการค้ากลับมาดี คาดจะมีโมเมนตัมบวกต่อ แต่ระยะหลังคนไม่เชื่อข่าวดีจากทรัมป์ กลยุทธ์ คือ เลือกลงทุนเป็นรายกลุ่มและรายตัว (Selective) แนวต้านเป็น 1668-1680 จุด แนวรับอยู่ที่ 1655-1645 จุด สำหรับการลงทุนทยอยซื้อสะสม กลุ่มหลักทรัพย์ที่แนะนำ มีพื้นฐานแข็งแกร่ง หาจังหวะทยอยสะสมได้ คือ พลังงาน- PTT, PTTEP โรงกลั่น- TOP ปิโตรฯ-PTTGC พาณิชย์-CPALL, BJC ท่องเที่ยว- ERW,MINT ขนส่ง AOT,BEM,BTS อาหาร CPF,TU,TKN สื่อสาร- ADVANC ธนาคาร,ไฟแนนซ์- BBL, KBANK, KKP,TISCO,AEONTS,MTC การแพทย์- RJH,CHG นิคมฯ- AMATA, WHA ที่อยู่อาศัย- AP, ORI และสื่อ- VGI
# Stock Pick Today : PTTEP ราคาน้ำมันทะยานขึ้นแรง ตามข่าวซาอุลดการผลิตลงมาก ราคาก๊าซจะปรับตัวขึ้นดีตามมาโดยอัตโนมัติแนวโน้มไปได้ดี ปริมาณขายเติบโตได้จากการซื้อ Murphy Oil Corp ในมาเลเซียตั้งแต่ 10 ก.ค.62 คาดการณ์ปริมาณขายโตเฉลี่ย 7% ต่อปีในช่วงปี 61-66 นับว่าแข็งแกร่งมาก สำหรับ3Q62F คาดการณ์ว่า Core profit จะอยู่ที่ 10.5 พันล้านบาท อ่อนลง -13%YoY, -19%QoQ แนะนำซื้อ ให้ราคาพื้นฐาน 159 บาท ประเมินด้วยวิธี DCF ราคาปิดมีส่วนเพิ่มได้อีก 30%
Thailand Research Team : reseach-th.dbs.com
Inside Story
Key Drivers TODAY : ปัจจัยต่างประเทศ / ปัจจัยในประเทศ
Company Guide : NOBLE (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 32.94)
Flash Note : RJH (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 33.00)
Key Drivers TODAY
ปัจจัยต่างประเทศ
+ ราคาน้ำมันล่วงหน้าพุ่งแรง: หลังมีข่าวโจมตีท่อส่งน้ำมันในซาอุดิอาระเบีย
# ราคาน้ำมันดิบล่วงหน้า Crude Oil ปรับขึ้นถึง 10.5% เป็น 60.61 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลล์ และ Brent ปรับขึ้นถึง 11.4%เป็น 67.18 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลล์
# กระทรวงมหาดไทยของซาอุดีอาระเบียออกแถลงการณ์เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาว่า เกิดเหตุโจมตีโรงกลั่นน้ำมันสองแห่งในเขต Abqaiq และ Khurais ด้วยโดรน จนเป็นเหตุให้เพลิงลุกไหม้ โดยโรงกลั่นทั้งสองแห่งเป็นของบริษัทซาอุดี อารามโค ซึ่งเป็นบริษัทน้ำมันแห่งชาติของซาอุดีอาระเบีย
# ทางด้านเจ้าชายอับดุลาซิซ บิน ซัลมาน รัฐมนตรีพลังงานของซาอุดีอาระเบีย เปิดเผยว่า เหตุโจมตีดังกล่าวส่งผลกระทบต่อการผลิตน้ำมันและก๊าซ 5.7 ล้านบาร์เรล/วัน ขณะที่ตัวเลขล่าสุดที่โอเปกเปิดเผยเมื่อเดือนส.ค.ที่ผ่านมา ระบุว่า ผลผลิตทั้งหมดของซาอุฯ อยู่ที่ 9.8 ล้านบาร์เรล/วัน เท่ากับว่าผลผลิตจะหายไปถึงราวครึ่งหนึ่ง หรือคิดเป็น 5% ของอุปทานน้ำมันทั่วโลก
-/• ดาวโจนส์ล่วงหน้า: ปรับตัวลงแรง นักลงทุนกังวลข่าวโจมตีท่อส่งน้ำมัน
# ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์ร่วงลงกว่า 170 จุดในช่วงเช้านี้ เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับข่าวการโจมตีท่อส่งน้ำมันในซาอุดีอาระเบีย จะกระทบระบบเศรษฐกิจ
# รายงานล่าสุดระบุว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐ มีคำสั่งให้ปล่อยน้ำมันจากสำรองทางยุทธศาสตร์ (SPR)ของสหรัฐ หลังจากเกิดเหตุโจมตีโรงกลั่นน้ำมันในซาอุดีอาระเบียเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา
+ สหรัฐ: ยอดค้าปลีก ส.ค.สูงกว่านักวิเคราะห์คาด
# ข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการเปิดเผยเมื่อวันศุกร์ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกเพิ่มขึ้น 0.4% ในเดือนส.ค. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 0.2% จากระดับ 0.8% ในเดือนก.ค. และเมื่อเทียบรายปี ยอดค้าปลีกเพิ่มขึ้น 4.1% ในเดือนส.ค.
# การดีดตัวขึ้นของยอดค้าปลีกในเดือนส.ค.ได้รับแรงหนุนจากการเพิ่มขึ้นของยอดขายรถยนต์ และวัสดุก่อสร้าง รวมทั้งค่าใช้จ่ายในการรักษาสุขภาพ ส่วนยอดค้าปลีกพื้นฐาน ซึ่งไม่รวมยอดขายรถยนต์ น้ำมัน วัสดุก่อสร้าง และอาหาร เพิ่มขึ้น0.3% ในเดือนส.ค. หลังจากเพิ่มขึ้น 0.9% ในเดือนก.ค.
+ สหรัฐ: ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค ก.ย.สูงกว่าคาด
# ส่วนผลสำรวจของมหาวิทยาลัยมิชิแกนระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐปรับตัวขึ้นแตะระดับ 92 ในเดือนก.ย. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 91 จากระดับ 89.8 ในเดือนส.ค. อย่างไรก็ตาม ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคยังคงอยู่ที่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่การเลือกตั้งประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐ
+/- ประชุมเฟด: 17-18 ก.ย.คาดลดดอกเบี้ย 0.25% แต่ระยะยาวอาจไม่ปรับลดมาก และไม่ถี่
# นักลงทุนยังจับตาการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 17-18 ก.ย.นี้ ขณะที่หนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัลคาดการณ์ว่า เฟดจะจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมวันที่ 17-18 ก.ย. หลังจากที่ได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยไปแล้ว 0.25% ในการประชุมเมื่อวันที่ 30-31 ก.ค. แต่ที่สำคัญคือ ทิศทางการปรับลดดอกเบี้ยในระยะยาวอาจจะไม่ปรับลดมาก และความถี่น้อยลง
+/- ดาวโจนส์: ปรับขึ้น แต่ S&P500 และ Nasdaq กลับปรับลง
# ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 27,219.52 จุด เพิ่มขึ้น 37.07 จุด หรือ +0.14% ขณะที่ ดัชนี S&P500 ปิดที่3,007.39 จุด ลดลง 2.18 จุด หรือ -0.07% ส่วนดัชนี Nasdaq ปิดที่ 8,176.71 จุด ลดลง 17.75 จุด หรือ -0.22%
# ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อวันศุกร์ (13 ก.ย.) โดยได้แรงหนุนจากการเปิดเผยข้อมูลยอดค้าปลีก และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐที่สูงเกินคาด
- นํ้ามัน: ปรับลง กังวลเศรษฐกิจชะลอ
# สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนต.ค. ลดลง 24 เซนต์ หรือ 0.4% ปิดที่ 54.85 ดอลลาร์/บาร์เรล
# สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนพ.ย. ลดลง 16 เซนต์ หรือ 0.3% ปิดที่ 60.22 ดอลลาร์/บาร์เรล
# สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลดลงเมื่อวันศุกร์ (13 ก.ย.) เนื่องจากนักลงทุนมีความกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก ซึ่งจะกระทบต่อความต้องการใช้น้ำมัน แม้มีรายงานว่า แท่นขุดเจาะน้ำมันในสหรัฐลดลงก็ตาม
+ ทองคำ: ปรับลง อัตราผลตอบแทนพันธบัตรและสินทรัพย์เสี่ยงดึงดูดใจมากกว่า
# สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. ร่วงลง 7.9 ดอลลาร์ หรือ 0.52% ปิดที่1,499.5 ดอลลาร์/ออนซ์
# สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อวันศุกร์ (13 ก.ย.) เนื่องจากการปรับตัวขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรและสินทรัพย์เสี่ยงอื่นๆ ได้ดึงดูดนักลงทุนออกจากตลาดทองซึ่งถือเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย
ปัจจัยในประเทศและข่าวหลักทรัพย์
+ ประกาศหลักทรัพย์ไทยเป็นสมาชิกดัชนีความยั่งยืน DJSI
# AOT,BANPU,CPALL,CPF,CPN,HMPRO,IRPC,IVL,KBANK,MINT,PTT,PTTEP,PTTGC,SCC,TOP,TRUE,TU,BTS,SCB, ADVANC เป็นบริษัทที่ได้รับการคัดเลือก คาดว่าจะเป็นผลบวกกับราคาหุ้น
+ อสังหาริมทรัพย์: รัฐจ่อผุดมาตรการกระตุ้นอสังหาฯ ดันตลาดโค้งสุดท้าย
# "กอบศักดิ์" เผยรัฐจ่อผุดมาตรการกระตุ้นอสังหาฯ ดันตลาดโค้งสุดท้าย เรียกถกผู้ประกอบการ-หน่วยงาน เกี่ยวข้อง-แบงก์รัฐหาทางผ่อนปรนสินเชื่อ ดูความเหมาะสม ลดค่าโอน ผ่อนเกณฑ์แอลทีวี หลังผู้ประกอบการอสังหาฯโอดยอดปฏิเสธสินเชื่อพุ่ง 40% หวังงานมหกรรมบ้านฯ ดันยอดขาย 6-7 พันล้านบาท
+/- สื่อสาร: กสทช.เดินหน้าแผนดิจิทัลประเทศเผยจ่อเรียก "ทีโอที" ทบทวนโครงการเน็ตประชารัฐ
# "พุทธิพงษ์" ถก กสทช.เดินหน้าแผนดิจิทัลประเทศเผยจ่อเรียก "ทีโอที" ทบทวนโครงการเน็ตประชารัฐหวั่นใช้งานได้ไม่จริงสั่งชะลอไวไฟเพิ่มอีกหมื่นจุด หลังพบสารพัดปัญหาค้าง ขณะที่แผนดาวเทียมต้องปิดดีล "พีพีพี" ให้เสร็จ ก่อนสัมปทานหมดอายุ ด้าน "ฐากร" ระบุแผนขับเคลื่อน 5จี ต้องเดินหน้าเรียกคืนคลื่น
-ค่าเงินบาท: YTD แข็งค่าขึ้นถึง 2.2% เมื่อเทียบ y-o-y
# นางสาวพิมพ์ชนก วอนขอพร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า สนค. ได้ทำการวิเคราะห์อัตราแลกเปลี่ยนของประเทศคู่ค้าที่สำคัญและของไทย พบว่าค่าเงินบาทเฉลี่ยจากต้นปีจนถึงวันที่ 30 สิงหาคม 2562 อยู่ที่ 31.39 บาท ต่อดอลลาร์ สรอ. แข็งค่าขึ้นร้อยละ 2.2 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันกับปีก่อน
นักวิเคราะห์&กลยุทธ์ : สมบัติ เอกวรรณพัฒนา : [email protected]