- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 02 October 2014 14:39
- Hits: 1927
บล.ยูโอบีเคย์เฮียน : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
UOBKH แนวโน้มตลาดวันนี้ โดย ยศพณ แสงนิล, CFA : ปรับลง
เราคาดว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้จะปรับลง เนื่องจากภายในประเทศได้รับรู้ข่าวเรื่องการออกนโยบายต่างๆของรัฐบาลไปมากแล้ว ส่วนทางด้านต่างประเทศมีปัจจัยกดดันหลายประการคือ 1.ความวุ่นวายจากการชุมนุมในฮ่องกง 2.ความกังวลเรื่องการชะลอตัวทางเศรษฐกิจของยุโรป 3.ดัชนีดาวโจนส์และดัชนีในภูมิภาคที่ปรับลงแรง
แนวรับ/แนวต้าน : 1580/1600
กลยุทธ์ : เล่นสั้น ลงทุนอย่างระมัดระวัง หากดัชนีอยู่บริเวณ 1600 จุด เนื่องจากอาจมีแรงขายทำกำไรกดดันตลาดได้ชั่วคราว
สัดส่วนการลงทุน : เงินสด 40%: พอร์ตหุ้น 60%
นักลงทุนระยะสั้น : CGD(2.20), OCEAN(1.80)
นักลงทุนระยะยาว : IFEC(9.00), ITD(7)
จับข่าวมาเก็งกำไร
EFORL : นายธีรวุทธิ์ ปางวิรุฬห์รักข์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อี ฟอร์ แอล เอม จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ผลการดำเนินงานในไตรมาสที่ 3/57 จะส่งผลให้บริษัทล้างขาดทุนสะสมประมาณ 280 ล้านบาท หมดได้ โดยมาจากการที่บริษัทลดทุนจดทะเบียน และมีกำไรจากผลการดำเนินงานซึ่งครึ่งปีแรกของปีนี้มีกำไรสุทธิแล้วประมาณ 99 ล้านบาท ทั้งนี้เมื่อล้างขาดทนุสะสมตลอด 5 ปีที่ผ่านมาหมด บริษัทก็จะมีการพิจารณาจ่ายปันผล โดยตามนโยบายจะจ่ายปันผลไม่ต่ำกว่า 40% ของกำไรสุทธิ สำหรับปีนี้บริษัทตั้งเป้าหมายมีกำไรกว่า 200 ล้านบาท จากครึ่งปีแรกที่มีกำไรแล้วประมาณ 99 ล้านบาท และตั้งเป้ารายได้ประมาณ 1,300-1,400 ล้านบาท ส่วนปีหน้า หากมีการรับรู้รายได้จากวุฒิศักดิ์ซึ่งมีรายได้ประมาณ 3,000-4,000 ล้านบาท ซึ่งบริษัทถือหุ้น 60% ก็จะรับรู้รายได้ประมาณ 2,400 ล้านบาท เมื่อรวมกับเป้าหมายเครื่องมือแพทย์ที่ตั้งไว้ประมาณ 2,000 ล้านบาท ก็จะมีการเติบโตแบบก้าวกระโดดได้ (ข่าวหุ้น)
ปัจจัยที่มีผลกระทบต่อการลงทุน
ปัจจัยภายในประเทศ
+ รัฐบาลทุ่ม 3.6 แสนล้าน ออกแพ็คเกจกระตุ้นเศรษฐกิจปลายปี นายกฯ มั่นใจเศรษฐกิจกระเตื้อง พร้อมสั่งตั้งกรรมการติดตามเบิกจ่าย "ปรีดิยาธร" เผย 5 มาตรการ เน้นสร้างงาน ซ่อมแซม ก่อสร้างดึง "งบกลาง-ไทยเข้มแข็ง" ขีดเส้นทำสัญญาจัดซื้อจัดจ้างภายในเดือน พ.ย. จ่ายช่วยปัจจัยผลิตชาวนา 1,000 บาทต่อไร่ ระบุดีกว่าจำนำข้าว นักเศรษฐศาสตร์มั่นใจกระตุ้นจีดีพีโต 2% ชี้เป็นมาตรการที่ดี ทางด้านฟิทช์หั่นเป้าจีดีพีไทยลงเหลือ 1.2% จาก 2.5% แต่คงเรทติ้ง ระบุพื้นฐานเศรษฐกิจยังแข็งแกร่ง คาดปีหน้าโต 4% จากการใช้จ่ายลงทุนภาครัฐหนุน
ปัจจัยต่างประเทศ
- ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 16,804.71 จุด ดิ่งลง 238.19 จุด หรือ -1.40%
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงอย่างหนักเมื่อคืนนี้ (1 ต.ค.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลต่อข่าวการพบผู้ติดเชื้อไวรัสอีโบลารายแรกในสหรัฐ นอกจากนี้ ข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอของสหรัฐและยูโรโซนยังเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ฉุดตลาดหุ้นนิวยอร์กร่วงลงด้วย
+ สัญญาน้ำมันดิบ ส่งมอบเดือนพ.ย.ลดลง 43 เซนต์ ปิดที่ 90.73 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส ตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (1 ต.ค.) หลังจากซาอุดิอาระเบียได้ปรับลดราคาขายน้ำมันดิบ อย่างไรก็ตาม สัญญาน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวลงเพียงเล็กน้อย เพราะตลาดได้รับแรงหนุนจากรายงานสต็อกน้ำมันดิบที่ลดลงในสหรัฐ