- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 09 September 2019 17:08
- Hits: 3850
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : Need to KNOW
Need to KNOW
ปัจจัยต่างประเทศ
- สหรัฐ : การจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มเพียง 130,000ตำแหน่งในเดือนส.ค. ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดที่ 150,000ตำแหน่ง อัตราการว่างงานคงที่ 3.7%
+ สหรัฐ : ตลาดคาดเฟดจะลดดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุม 17-18 ก.ย.นี้
+ จีน : ธนาคารกลางจีน (PBOC) ลดสัดส่วนการกันสำรองของสถาบันการเงิน (RRR)ลง 0.50% นับตั้งแต่วันที่ 16 ก.ย.เป็นต้นไป
•/- ผู้แทนการค้าสหรัฐและจีนจะเจรจากันอย่างเป็นทางการรอบที่ 13 ในเดือนต.ค.นี้ ซึ่งทำให้ความวิตกสงครามการค้าผ่อนคลายลงบ้าง แต่ยังไม่สิ้นสุดและอาจจะกลับมาได้อีก
-/• Brexit อังกฤษมีกำหนดเส้นตายออกจาก EU ในวันที่ 31 ต.ค.นี้ ซึ่งยังไม่ชัดเจนว่าจะออกแบบมีหรือไม่มีข้อตกลง
- ติดตามการประท้วงในฮ่องกงซึ่งยังไม่จบ แม้จะมีการถอนร่างกฎหมายส่งผู้ร้ายข้ามแดนไปแล้ว แต่ผู้ประท้วงยังนัดชุมนุมกันต่อ
- Inverted Yield Curve ซึ่งสัญญาณนี้ยังสร้างความวิตกว่าอาจจะเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยในอีก 1-2 ปีข้างหน้า
# ล่าสุดนายเรย์ ดาลิโอ ซึ่งเป็นเจ้าของ Bridgewater Associates,Hedge Fund ระดับโลก คาดการณ์ว่ามีโอกาส 25% ที่เศรษฐกิจสหรัฐจะถดถอยในราว 2 ปีข้างหน้า
# ซิตี้กรุ๊ป ฟันธงว่าสงครามการค้าจีนกับสหรัฐยืดเยื้อถึงเลือกตั้งปธน.สหรัฐปลายปี 63 และมีความเป็นไปได้ว่าศก.สหรัฐจะถดถอยในปี 63 ลดน้ำหนักลงทุนหุ้นสหรัฐเป็น Neutral (เดิม Overweight)
ปัจจัยในประเทศ
• ครม.เศรษฐกิจเคาะแพ็จเกจ Thailand Plus ตามข้อเสนอ BOIโดยเน้นลงทุนอย่างยั่งยืนในระยะยาว ส่วนมาตรการระยะสั้น เช่นให้กลุ่มนิคมฯจัดหาที่ดินเฉพาะลูกค้าแต่ละประเทศ (จีน, ไต้หวัน)
หุ้นเด่นกลุ่ม Investment คือ AMATA, WHA, KTB และ REITโรงงานสำเร็จรูปและคลังสินค้า เช่น AIMIRT, AMATAR, HREIT,FTREIT, WHART แต่ด้วยราคาที่ปรับขึ้นมาก จึงเน้นซื้ออ่อนตัว
• ยังคงมีแรงซื้อหุ้นกลุ่ม IFF & REIT หลังบลจ.ออกกองทุนใหม่(IPO) ที่ลงทุนในกลุ่มดังกล่าว (บลจ.บัวหลวง, บลจ.ทิสโก้, บลจ.ไทยพาณิชย์ เป็นต้น) รวมทั้งดอกเบี้ยต่ำก็เป็นปัจจัยจูงใจด้วย หุ้นเด่น เป็น AIMIRT, DIF, DREIT, AMATAR
• ทยอยเก็บหุ้นโรงพยาบาลเล็ก ซึ่งมี Upside risk จากการได้รับเงินชดเชยจากประกันสังคมเพิ่มขึ้น (เสนอขอไป +12% จาก 2,850บาท/ราย เป็น 3,033 บาท/ราย) และผลประกอบการ 3Q จะเติบโตQoQ เพราะเป็นช่วง High season หุ้นเด่นเป็น RJH, CHG
• การเร่งเบิกจ่ายงบประมาณปี 2562 ที่จะสิ้นสุด 30 ก.ย.นี้ รวมทั้งการเร่งซ่อมแซมถนนหลังน้ำท่วม หุ้นเด่น TASCO
• การเมืองไทย : ติดตามผลประชุมอภิปรายทั่วไปไม่ลงมตินัดพิเศษวันที่ 18 ก.ย.62 ซึ่งจะมีประเด็นการถวายสัตย์ฯของนายกรัฐมนตรีด้วย และการประชุมครม.เศรษฐกิจพิจารณามาตรการส่งออก &ท่องเที่ยว, ด้านเสถียรภาพรัฐบาล หลังนายพิเชษฐ สถิรชวาล ส.ส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคประชาธรรมไทย ประกาศแยกตัวจากการร่วมรัฐบาล ทำให้รัฐบาลเหลือส.ส.249 เสียง
กลยุทธ์การลงทุน
สรุปภาพรวม : ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรส.ค.ของสหรัฐที่ต่ำกว่าคาด ประกอบกับสงครามการค้ายืดเยื้อ ทำให้ตลาดคาดว่าเฟดจะลดดอกเบี้ยในการประชุม 17-18 ก.ย.นี้ ส่วนดอกเบี้ยไทยก็อยู่ในขาลงเช่นกัน ด้านจีนก็พยายามกระตุ้นเศรษฐกิจหลายทาง ล่าสุดให้ลดการกันสำรองสถาบันการเงินลง 0.5% ตั้งแต่ 16 ก.ย.62 โดยรวมแล้วเป็นบวกต่อตลาดหุ้นในช่วงสั้น
กลยุทธ์ : ถือต่อ/หรือซื้อใหม่เมื่อดัชนียืนเหนือ 1645 ปัจจัยหนุนในเดือนก.ย.คือ เฟดลดดอกเบี้ย, มาตรการกระตุ้นศก.ของประเทศต่างๆ,ซื้อดักผลประกอบการ 3Q62, Window Dressing ปิดไตรมาส 3ในช่วงปลายเดือน ปัจจัยเสี่ยงหลัก คือ สงครามการค้า, เศรษฐกิจโลกชะลอต้ว, Brexit แบบไร้ข้อตกลง, น้ำท่วมฉุดศก.ไทย เป็นต้น
การวิเคราะห์เทคนิค : เน้นซื้อตามด้วยค่าบวกของดัชนีและราคาหุ้น แนวต้าน 1680-1690 การอ่อนตัวต่ำกว่า 1645 ให้ลดพอร์ตตาม/Stop loss เพราะมีโอกาสลงไปที่ 1620+/- หรือต่ำกว่า
หุ้น Top Picks รายสัปดาห์
หุ้นพื้นฐานเด่นสำหรับสัปดาห์นี้ ประกอบด้วย
CPALL – SSSG บวกได้แม้ศก.ซบเซา คาด Core profit ปี 62/63 โตเลขสองหลักจาก Product mix และ Economy of scale บริษัทได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นศก. DBS ให้ราคาพื้นฐาน 92.50บาท
RJH – คาด Core profit 3Q62F โต YoY และ QoQ จากรายได้และมาร์จิ้นที่ดีขึ้น ปี 63 มี Upside จากการได้ค่าชดเชยประกันสังคมเพิ่ม (กลุ่มโรงพยาบาลขอไป +12%) และในระยะยาวจะขอเพิ่มโควต้าคนไข้ประกันสังคมอีก 2 แสนราย ทาง DBS ให้ราคาพื้นฐาน33 บาท
AIMIRT – สินทรัพย์ที่กองทุนบริหารเป็นห้องเย็น, คลังสินค้า, ถังเก็บสารเคมี ซึ่งมีทั้ง Freehold และ Leasehold 30 ปี อัตราการเช่า100% ปันผลดี Yield ราว 6% ต่อปี ให้ราคาพื้นฐาน 15.40 บาท
***หุ้น Top Picks สัปดาห์ก่อนคือ AEONTS, CPALL, HREIT ให้Return เฉลี่ย 3.1% ดีกว่าการปรับขึ้นของ SET Index ที่ +0.9%***
นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค– [email protected]