- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 09 September 2019 17:05
- Hits: 3902
บล.เออีซี : Daily Focus
AECS Daily Focus
--------------
Market Outlook
• วันนี้มอง SET Index ลุ้นรีบาวด์ ทดสอบแนวต้าน 1,680 จุด และ 1,690 จุดตามลำดับ หลังรัฐบาลมีการกระตุ้นเศรษฐกิจต่อเนื่องผ่านมาตรการ Thailand Plus Package 7 ขณะที่ปัจจัย ตปท. Sentiment เป็นบวก หลังทั้งสหรัฐฯ และจีน ต่างหวังกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านนโยบายทางการเงินที่ผ่อนคลายขึ้น
• Market Factor
• (+) การกล่าวสุนทรพจน์ของประธาน Fed นายเจอโรม พาวเวล บวกกับตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตรที่ต่ำกว่าตลาดคาด (Actual 130,000 vs Forecast 160,000) ทำให้ตลาดคาดว่าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งถัดไปในวันที่ 18 ก.ย. 62 จาก CME FedWatch ที่ความน่าจะเป็นในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยสูงถึง 91.2%
• (+) การประกาศลด Required Reserve Ratio ของธนาคารกลางจีน 50 bps มีผลบังคับใช้ 2 เฟสวันที่ 15 ต.ค. 62 และ 15 พ.ย. 62 ซึ่งจะทำให้มีเม็ดเงินมากกว่า 1 แสนล้านดอลลาร์เข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ
• (+) ครม.เศรษฐกิจ อนุมัติแพ็กเกจ Thailand Plus ตามที่บีโอไอเสนอ เพื่อกระตุ้นและเร่งรัดการลงทุนผ่านหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งมาตรการภาษี การพัฒนาบุคลากร ปรับปรุงกฎระเบียบด้านการลงทุน โดยมีนโยบายสำคัญอย่าง เช่น สิทธิประโยชน์ลดหย่อนภาษีเงินได้นิติบุคคลร้อยละ 50 เป็นเวลา 5 ปี เพิ่มเติมจากเกณฑ์ปกติ สำหรับโครงการที่มี เงินลงทุนจริงมูลค่าตั้งแต่ 1,000 ลบ. ภายในปี 2564 โดยต้องยื่นขอรับการส่งเสริมภายในปี 2563 (ประชาชาติธุรกิจ)
• (+) กนอ.เผย ภาพรวมการยื่นคำขอลงทุนในนิคมอุตสาหกรรมรอบ 10 เดือน (ช่วง ต.ค.2561-ก.ค.2562) ที่ผ่านมา มีผู้ยื่นคำขอใบอนุมัติ-อนุญาตใช้ที่ดินเพี่อประกอบกิจการใหม่และขยายกิจการ รวมทั้งสิ้น 90 ราย มูลค่าการลงทุน รวม 21,142.83 ลบ. ส่งผลให้เกิดการจ้างงานเพิ่มขึ้น 3,978 คน (โพสทูเดย์)
• (-) Consensus ปรับลดประมาณการ EPS โดยข้อมูลจาก Bloomberg Consensus พบว่าเมื่อต้นปี EPS ปี 62 ที่ 115.14 บาท ขณะที่ปัจจุบันเหลือเพียง 99.83 บาท หรือลดลง 13.30%YTD
• Update Flow เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาต่างชาติขายสุทธิในตลาดหุ้นไทย1,528.48 ลบ.ส่งผลภาพรวม MTD ต่างชาติขายสุทธิรวม 3,461.98 ลบ. (ขณะที่รายย่อยและสถาบันซื้อสุทธิรวมกัน 2,775.22 ลบ.)
• Investment Strategy
• สัปดาห์นี้ เรามอง SET Index ปรับขึ้นด้วย Upside จำกัดบริเวณ 1,690-1,695 จุด โดยมีปัจจัยบวกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจาก ครม. บวกกับปัจจัยต่างประเทศจากจีนที่เริ่มใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจขณะที่มุมมองเรื่อง Trade war ยังไม่มีประเด็นใหม่ โดยตลาดยังรอฟังการเจรจาในช่วงต้นเดือน ต.ค. ดังนั้นเรายังคงแนะนำให้นักลงทุนทยอยเก็บเข้าพอร์ตในหุ้นหลัก 3 กลุ่ม ดังนี้
• หุ้นกลุ่มที่จะได้ประโยชน์จากแผนกระตุ้น ศก.ของรัฐฯ: เรามองว่าครม. ชุดใหม่ที่มีการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการจะเร่งออกนโยบายกระตุ้น ศก. ในระยะสั้นเพื่อพยุง ศก. เราจึงแนะนำหุ้นที่ได้ประโยชน์และมี Upside ได้แก่ BJC (ช่วง 2H62 คาดเห็นการฟื้นตัวHoHจากการขยายสาขา BigC มากขึ้นจากสาขาทั้งในประเทศ 7 สาขาและสาขาที่กัมพูชา 1 สาขา BigC Food Place 1 สาขา และ Mini BigC ราว 200 สาขา), SEAFCO (แม้ช่วง 2H62 คาดรับรู้งานลดลง แต่ยังมี Backlog 2.3 พัน ลบ. คาด Secured Revenue 100% ในช่วงที่เหลือของปีนี้ บวกกับยังมี Upside Risk จากงานประมูลใหม่อีก 1.9 หมื่น ลบ.), CPALL (ช่วง 3Q62 แม้เข้าสู่ Low Season แต่ด้วยการจัดโปรโมชั่น แสตมป์จัดหนักกระตุ้นยอดขาย และการได้ประโยชน์จากฐานที่ต่ำของปีก่อนจะหนุนSSSG เติบโตต่อเนื่อง พร้อมยังคงเป้าขยายสาขาร้านสะดวกซื้อ ปีนี้ที่ 700 สาขา), ERW (แม้ช่วง 2Q62 กำไรปกติหดตัว แต่ในช่วงครึ่งปีหลังคาดฟื้นตัวจากปัจจัยฤดูกาล บวกกับมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวจาก ครม. อีกทั้งมีสัญญาณฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวชาวจีน หลังจำนวนนักท่องเที่ยวจีนเดือน ก.ค. โต 5.8%YoY)
• กลุ่ม Defensive Stock: เราเลือกหุ้นที่มีอัตราจ่ายปันผลน่าดึงดูดบวกกับกำไรช่วง 2H62 มีแนวโน้มโตดี แนะนำ ASK (ช่วง 2H62 คาดกำไรสุทธิมีแนวโน้มโตต่อ หนุนด้วยสินเชื่อรถพาณิชย์ที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตามงานก่อสร้างภาครัฐฯที่จะทยอยเร่งตัวขึ้นบวกกับคาดได้ประโยชน์จากการทยอยเปลี่ยนรถตู้เป็นรถ มินิบัสของผู้ประกอบการรถโดยสารสาธารณะตามมาตรการของ ขสมก.
• กลุ่มที่คาดผลดำเนินงานมีแนวโน้มดีต่อเนื่อง: เหมาะกับการทยอยซื้อสะสม โดยเน้นหุ้นที่กำไรช่วง 2Q62 คาดโต YoYและช่วง 2H62 โตต่อ แนะนำ SAWAD (คาดกำไรปี62 โต30.8%YoY หนุนด้วยเป้าพอร์ตสินเชื่อโต 20-30% และอีก 300 สาขา, Asset Yield ฟื้นตัวตามสัดส่วนการรับรู้รายได้ผ่านสัญญาเงินกู้ผ่าน BFIT ที่มากขึ้นโดยล่าสุด SAWAD รายงานการถือครองหุ้น BFIT หลังTender Offer ที่82.04% บวกกับต้นทุนทางการเงินที่ปรับลงหลังได้รับเงินเพิ่มทุนจากพันธมิตร), SELIC (คาดปี 62 เห็นการTurnaround ของกำไรสุทธิหลังเริ่มรวมงบการเงินกับ PMCT ซึ่งคาดเห็น Synergy ชัดเจนขึ้นตามลำดับทั้งในด้านการพัฒนาสินค้าใหม่และการขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่มใหม่อีกทั้งยังไม่มีค่าใช้จ่ายเพื่อปรับโครงสร้างธุรกิจมากเช่นปีก่อน), III (ช่วง 2Q62 กำไรโต 45.8%YoY หนุนด้วยธุรกิจขนส่งสินค้าทางอากาศและธุรกิจบริหารจัดการโลจิสติกส์ บวกกับมีส่วนแบ่งกำไรที่โต 364%YoY จากธุรกิจที่เข้าซื้อกิจการสิงคโปร์และฮ่องกงในปี 61-62 ตามลำดับ)
• Trading Idea
• หุ้นที่ได้รับผลประโยชน์หลังพายุ “โพดุล”สงบ: เราเลือกSPC, DOHOME, GLOBAL,DCC
• M :ส่งบ.ย่อยเข้าซื้อหุ้น 65% ใน “แหลมเจริญซีฟู๊ด” มูลค่า 2.06 พันลบ. คาดจบดีลภายในสิ้นปี 62
6-Sep-19 Change (pts.) 5-Sep-19
SET Index 1,670.06 0.27 1,669.79
SET50 Index 1,109.20 0.29 1,108.91
SET100 Index 2,448.89 0.04 2,448.85
High 1,679.65 Gainers 575
Low 1,667.61 Unchanged 514
Value (Bt m) 46,725.00 Losers 838
Volume (*000) 15,512,884
Market Valuation
SET Data 2018F 2019F Long Term
Fwd PER (x) 15.9 14.3 14.3
EPS Growth (%) 13.9 9.3 1.8
EV/EBITDA (x) 10.9 10.0 9.6
FWD PBV (x) 1.8 1.7 1.6
Dividend Yield (%) 3.1 3.5 3.7
ROE 11.0 11.2 11.2
Net Buy/Sell by Investor Types
Unit : M Bt 6-Sep-19 WTD MTD YTD
Institution 835.23 4,077.34 4,077.34 36,495.98
Proprietary 490.34 686.74 686.74 8,095.37
Foreign (1,528.48) (3,461.97) (3,461.97) 2,966.98
Individual (202.91) (1,302.11) (1,302.11) (47,558.33)
AECS ( Fundamental and Strategic Team )
จิรภัทร โบสุวรรณ (ID. 040051) [email protected]
ภัทรพล จันทร์อินทร์ (ID. 089932) [email protected]
ธีรยุทธ ฤทธิเผ่าพันธุ์ ผู้ช่วยนักวิเคราะห์
สุวรรณา อัศวเหล่าวรพงศ์ Data Support / Secretary