ภาพรวมตลาดวานนี้    

 

     ตลาดหลักทรัพย์ปิดที่ระดับ 1,654.11 จุด ลดลง 0.81 จุด (-0.05%) มูลค่าการซื้อขาย 52,702.62 ล้านบาท ดัชนีหุ้นไทยเคลื่อนไหวในแดนลบตลอดช่วงเช้า ก่อนที่จะพลิกมาเคลื่อนไหวส่วนใหญ่ในแดนบวกในช่วงบ่าย โดยดัชนีทำระดับสูงสุดที่ 1,658.66 จุด และทำระดับต่ำสุดที่ 1,646.59 จุด ส่วนหลักทรัพย์เปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้น 719 หลักทรัพย์ ลดลง 763 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 436 หลักทรัพย์

 

แนวโน้มการลงทุนวันนี้

 

       ตลาดหุ้นไทยชะลอตัวหรือแกว่งตัวในกรอบแคบเพื่อรอปัจจัยชี้นำใหม่ ระยะสั้นSETมีความเสี่ยงถูกขายทำรอบจากความกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจโลก และความไม่แน่นอนการเจรจาการค้าที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในเดือนนี้  สหรัฐเก็บภาษีนำเข้าจากจีน15%และจีนเก็บภาษีนำเข้าน้ำมันดิบจากสหรัฐเพิ่มขึ้นเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ในขณะที่นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง SETปรับตัวเน้นยืน 1,650 และ 1,643

 

กลยุทธ์การลงทุน

 

     ดัชนีSETปรับทดสอบ 1,643 และมีแรงซื้อคืนขึ้นมาเหนือ 1,650 อย่างมีนัยสำคัญ เป็นสัญญาณบวกรูปแบบการกลับตัวขึ้นW-Shape ปริมาณการซื้อขายเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นสัญญาณชี้นำขาขึ้นระหว่างวันเพื่อทดสอบ 1,666-1,668  แนวต้านกลุ่มSMA

 

แนวรับ  1,650 / 1,643

 

แนวต้าน  1,666 / 1,670

 

ตัดขาดทุน  1,643

 

คำแนะนำ  ถือหรือซื้อเล่นรอบระยะสั้นเมื่อยืนกรอบแนวรับ 1,650/1,643

 

 

 

เคาะไป คุยไป : EKH

 

    2Q19 มีรายได้รวมอยู่ที่ 218.73 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 2Q18 ที่ 145.52 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 50.31 %YoY ซึ่งรายได้ส่วนใหญ่เพิ่มขึ้นจากจำนวนผู้ป่วย ทั้งผู้ป่วยนอก ผู้ป่วยใน และศูนย์ผู้มีบุตรยากในส่วนของต้นทุนกิจการ ที่เพิ่มขึ้นมาหลักๆคือในส่วนของการเติบโตขึ้นของรายได้ ซึ่งโดยรวมแล้วทำได้ดี มี gross profit ที่มากขึ้น ทางด้านค่าใช้จ่าย ค่าส่งเสริมการขาย ค่าเสื่อมราคาและตัดจำหน่าย และค่าใช้จ่ายจากการเพิ่มขึ้นของพนักงาน อยู่ที่ 47.33 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 2Q18 ที่ 27.78 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 70.39 %YoY  ส่งผลให้ในไตรมาสนี้บริษัทมีกำไรมากขึ้น จากเดิมใน 2 Q18 22.33 ล้านบาท เป็น 38.44 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 72.14 %YoY

 

    ปี 2019 เรายังคงประมาณการไว้เท่าเดิม โดยคาดธุรกิจมีกำไรสุทธิเติบโตราว 32% ที่ระดับ 156 ล้านบาท เนื่องจากปีนี้จะมีการเปิดอาคารกุมารเวชแห่งใหม่ซึ่งอยู่เชื่อมกับอาคารปัจจุบัน รองรับเตียงผู้ป่วยได้เพิ่มอีก 60 เตียง จากเดิม 80 เตียง โดยคาดว่าจะแล้วเสร็จแล้วเปิดบริการ phase 1  OPD ชั้น 1-2 และ IPD ชั้น 3 ได้ในช่วงปลายเดือนสิงหาคม - ต้นเดือนกันยายน ใช้เงินลงทุน 280 ล้านบาทภายหลังการเปิดตึกใหม่มองว่าจะทำให้มีค่าเสื่อมเพิ่มขึ้นราว 5 ล้านบาทต่อไตรมาส และ IVF บริษัทยังคงตั้งเป้าทั้งปีที่ 300 คู่ หรือเฉลี่ยเดือนละ 25 คู่ ภายหลังมีการเปิดตึกใหม่แล้ว ตึกเก่าในส่วนของชั้น 6 เด็กเดิมจะมีการ Renovate ศูนย์อื่นให้มีพื้นที่ในการใช้สอยมากขึ้น จะมีการปรับปรุงศูนย์ไตในช่วงปลายปี เพิ่มเตียงผู้ป่วยจากเดิม 12 เป็น 24 เตียง และขยับขยายศูนย์แพทย์อื่นให้เป็นสัดส่วนสามารถรองรับผู้ป่วยได้มากขึ้น ในส่วนของ IVF พระราม 9 พัฒนาให้เป็น one stop service เพื่อความสะดวกไม่เสียเวลาในการเดินทาง ซึ่งสามารถที่จะรองรับคนไข้ได้กว่า 100 คู่ / เดือน

 

กลยุทธ์การลงทุน

 

    ปิดตัวด้วยแท่งเทียนสีขาวยาว ปกคลุมแท่งเทียนสีดำก่อนหน้า แนวโน้มมีโอกาสกลับตัวขึ้น ระยะสั้นแนวต้านSMA10วันและ25วัน 7.55-7.60 ทดสอบผ่านจะเกิดBuy Sig. แนวต้านจุดทดสอบDouble Top 7.95 ปรับตัวเน้นยืนแนวรับจุดต่ำแท่งเทียน 7.30-7.25 แนวรับหลัก เน้นยืนจุดต่ำรอบก่อนหน้า 7.10 ไม่ควรต่ำกว่า

 

แนวรับ  7.30 / 7.10

 

แนวต้าน  7.60 / 7.95

 

ตัดขาดทุน  7.10

 

คำแนะนำ 

 

***  “มีหุ้น” ถือเพื่อรอสัญญาณซื้อเมื่อป่านยืน 7.60

 

***  “ไม่มีหุ้น” ระยะสั้นเล่นรอบเมื่อผ่านแนวต้านหรือซื้อเน้นยืนแนวรับ SL=7.10

 

#ASLStrategistTeam

 

ธวัชชัย อัศวพรไชย เลขทะเบียน 000710Tel. 02 508 1567 Ext. 3200E –mail: [email protected]

ปัณณวิชย์ ฤทธาสิรินันท์เลขทะเบียน 101198Tel. 02 508 1567 Ext. 3201E –mail: [email protected]

ผู้ช่วยนักวิเคราะห์ :พิมพ์ภรณ์ พิบูลนันท์, ชัยวัฒน์ อัครสุนทรนนท์