- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 01 October 2014 16:09
- Hits: 2041
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
แม้ SET อาจมีจังหวะรีบาวด์ แต่กรอบแคบ ดังนั้นยังเน้นถือเงินสดก่อน..
กลยุทธ์ : แม้ว่า SET ยังอาจจะมีจังหวะแกว่งตัวผันผวนขึ้นๆ ลงๆ ให้เห็นอยู่ และลุ้นขยับขึ้นหาระดับดัชนีเป้าหมายที่ 1600 จุดหรือสูงกว่าได้อีก แต่ถือว่ากรอบขึ้นค่อนข้างแคบ และมีความเสี่ยงต่อการที่จะจบรอบขาขึ้นได้ รวมทั้งต้องระวังการกลับไปปรับตัวลงลึกในช่วงถัดไป ดังนั้นเราจึงยังแนะนำให้หลีกเลี่ยงการเข้าเทรดดิ้งช่วงนี้ไว้ก่อน โดยเน้นถือเงินสด เพื่อรอรอบปรับตัวลงจริงจังของ SET ก่อนจึงจะกลับไปพิจารณาหาจังหวะเข้าซื้อใหม่ต่อไป
หุ้นเด่นทางเทคนิค : AIE, SPALI, GLOW(buy back)
แนวโน้ม : เมื่อคืนนี้สหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่ซบเซา โดยเฉพาะดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ปรับตัวลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ 5 เดือน ส่งผลให้ดัชนีดาวโจนส์กลับมาปรับตัวลงอีกครั้ง แต่ไม่มากนัก ขณะที่ตลาดหุ้นยุโรปส่วนใหญ่ยังขยับบวกได้อยู่ เพราะได้รับแรงหนุนจากกระแสคาดการณ์ที่ว่า ECB อาจจะใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม หลังรายงานตัวเลขเงินเฟ้อของยูโรโซนปรับตัวลงในเดือน ก.ย. ดังนั้นแม้ว่าตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้จะเปิดทำการด้วยการปรับลงต่อ แต่ก็ถือว่ากรอบการลบไม่ได้ลึกมากนัก รวมทั้งตลาดหุ้นไทยเมื่อวานนี้ยังถือว่าแกว่งทรงตัวได้ดี หลังการปรับตัวลงแรงวันก่อน จึงทำให้ FSS คาดว่า SET ยังอาจจะมีจังหวะรีบาวด์กลับไปเคลื่อนไหวด้านบวกให้เห็นต่อเนื่องได้ เพื่อรอลุ้นผลประชุม ECB ในช่วงเย็นวันพรุ่งนี้ (2 ต.ค.) ก่อนได้ อย่างไรก็ตามเราคาดว่ากรอบการบวกของ SET จากนี้ไปจะค่อนข้างจำกัด และถ้ายังไม่มีปัจจัยสนับสนุนใหม่ๆ เข้ามาเพิ่มเติม ก็ยังมีสิทธิที่จะมีแรงขายกดดันให้ดัชนีปรับตัวลงต่อเนื่องได้อีก ซึ่งต้องระวังเป็นการจบรอบขาขึ้น แล้วเปลี่ยนไปเป็นตลาดขาลงแทนในกรอบลึกประมาณ 100-200 จุดไว้ด้วย
แนวรับ 1582-1578 , 1575-1570 จุด แนวต้าน 1588-1592 , 1596-1602 จุด
Fund Flow วานนี้ยังไหลออกจากตลาดหุ้นภูมิภาคต่อเนื่องเป็นวันที่ 15 ในปริมาณที่เบาบาง โดยนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิตลาดหุ้นไต้หวัน US$159.8 ล้าน อินโดนีเชีย US$74.2 ล้าน ไทย US$13.1 ล้าน เวียดนาม US$5.2 ล้าน และฟิลิปปินส์ US$3.2 ล้าน แต่ซื้อเกาหลีใต้ US$228.9 ล้าน ค่าเงินภูมิภาคเช้านี้อ่อนค่าต่อเนื่อง Flow น่าจะยังไหลออกเบาบางรอผลประชุม ECB พรุ่งนี้
ข่าว/หุ้นเด่นมีประเด็น
(-) อุปสงค์ทั้งในและต่างประเทศแผ่วลง ธปท.ระบุภาพรวมเศรษฐกิจไทย ส.ค. ยังไม่สดใส โดยดัชนีการบริโภคเอกชนอ่อนแรงพลิกกลับมา -0.8% Y-Y จาก +0.3% Y-Y ในเดือนก่อน รวมถึงการส่งออกสินค้าที่หดตัวลงโดยเฉพาะยอดส่งออกรถยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้า และสินค้าเกษตรอุตสาหกรรม และเป็นการหดตัวลงแทบทุกตลาด ในขณะที่ยังไม่มีมาตรการใหม่ๆจากภาครัฐในการกระตุ้นการบริโภคในประเทศ กอปรกับยังขาดแรงส่งจากการใช้จ่ายของภาครัฐ มีเพียงการท่องเที่ยวที่เริ่มส่งสัญญาณฟื้นตัวจากการทยอยกลับมาของนักท่องเที่ยวจีน ซึ่งธปท.คาด GDP ปีนี้มีความเสี่ยงที่จะขยายตัวต่ำกว่าเป้าหมายที่ 1.5% Y-Y
(+) 'หม่อยอุ๋ย' มีแพคเกจกระตุ้นเศรษฐกิจ รอฟังครม.วันนี้ คาดว่าน่าจะเป็นเรื่องการจ้างงาน การเร่งใช้งบประมาณที่เหลือ และการเร่งอนุมัติโครงการที่ขอส่งเสริมการลงทุน BOI
(+) รับเหมาก่อสร้าง: บริษัทรับเหมาขนาดใหญ่ 4 กลุ่มยื่นซองประมูลโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีเขียวเหนือ (หมอชิต-สะพานใหม่-คูคต) รวม 4 สัญญา วงเงิน 2.9 หมื่นล้านบาท โดย CK ITD และ UNIQ ซึ่งร่วมกับ Sino Hydro และ China Harbour Engineering ยื่นซองประมูลทั้ง 4 สัญญา ส่วน STEC ยื่นซองสัญญา 1-2 และยื่นในนามกลุ่มจอยท์เวนเจอร์ ซิโนไทย-เอเอสสำหรับสัญญา 3-4 โดยรฟม.จะใช้เวลาพิจารณาด้านคุณสมบัติ 1 เดือนและด้านเทคนิคอีก 1 เดือน คาดว่าม.ค.-ก.พ.2015 จะเปิดซองราคาและสรุปผลการคัดเลือกผู้รับเหมา ซึ่งหากเป็นไปตามแผน เราคาดว่าการเซ็นสัญญาก่อสร้างจะเกิดขึ้นในปี 2015 ส่วนการก่อสร้างน่าจะเกิดในช่วงปี 2016 Top pick ยังคงเป็น CK ราคาเป้าหมาย 30 บาท
(+) STEC แจ้งว่า อยู่ระหว่างการเจรจาเพื่อขยายเวลาการก่อสร้างสนามบินภูเก็ต ซึ่งเป็นการขยายเวลาก่อสร้างเพิ่มเติมนอกเหนือจากการขยายเวลา 150 วัน (ถึงต.ค.2015) ตามมติครม.ที่ได้อนุมัติขยายเวลาจากผลกระทบค่าแรง 300 บาท ปัจจุบันมีการเสียค่าปรับแต่บริษัทบันทึกเป็นลูกหนี้การค้า จึงไม่กระทบกับงบกำไรขาดทุน ซึ่งบริษัทจะได้รับเงินค่าปรับคืนหลังจากได้รับอนุมัติการขยายเวลาก่อสร้างจากครม. คงราคาเป้าหมายปี 2015 ที่ 28 บาท แต่ปรับคำแนะนำเป็น “ถือ”จาก ซื้อ เนื่องจากราคาหุ้นปรับขึ้นจนมี Upside ต่ำกว่า 10% โดย STEC มีจุดเด่นในการรับงานได้ทั้งภาครัฐและเอกชนซึ่งช่วยลดความเสี่ยงในช่วงที่งานภาครัฐยังไม่เปิดประมูล ฐานะการเงินดีเป็น Net cash ต่อเนื่อง
(-) ปตท. ได้ประโยชน์จากการปรับขึ้น NGV ต่ำกว่าคาด มติ กบง. ปรับขึ้น LPG ภาคขนส่ง 62 สต./กก. ขณะที่ NGV ปรับขึ้น 1 บาท/กก. สำหรับรถยนต์ส่วนบุคคลเพิ่มขึ้น 1 บาท/กก. จากเดิม 10.50 บาท/กก. เป็น 11.50 บาท/กก. และให้คงราคาขายปลีก NGV สำหรับรถโดยสารสาธารณะไว้ที่ 8.50 บาท/กก. เช่นเดิม โดยการปรับขึ้นราคา NGV ครั้งนี้ ปตท. คาดว่าจะลดภาระขาดทุนในปีนี้ 570 ล้านบาท และ 2,000 ล้านบาทในปีหน้า ซึ่งต่ำกว่าที่เราคาดไว้ว่าจะลดภาระขาดทุนในปีนี้ 1,000 ล้านบาท และปีหน้า 4,000 ล้านบาท เนื่องจากรัฐยังคงราคาขายปลีก NGV สำหรับรถโดยสารสาธารณะไว้ที่เดิม อย่างไรก็ตามเรายังคาดหวังว่ารัฐจะมีการปรับขึ้น NGV ในปีหน้าเพื่อสะท้อนต้นทุนที่แท้จริง เราจึงยังคงประมาณการกำไรปีนี้และปีหน้าเท่าเดิมก่อน ยังคงแนะนำแค่ถือ ราคาเป้าหมายปีหน้า 385 บาท ระยะสั้นอาจมี sell on fact จากราคาหุ้นที่ปรับตัวขึ้นต่อเนื่องรับข่าวการปรับขึ้น NGV มาก่อนหน้านี้ และปตท. จะมีรายได้เพิ่มที่ต่ำกว่าคาด
ตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อคืนที่ผ่านมาปิดในแดนลบโดยได้รับแรงกดดันจากตัวเลขดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ลดลงครั้งแรกในรอบ 5 เดือน แต่อย่างไรก็ตามการปรับลงยังจำกัดเนื่องจากแรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้น eBay หลังเปิดเผยแผนแยกธุรกิจ PayPal
ขณะที่ตลาดหุ้นยุโรปเมื่อคืนปิดในแดนบวกได้โดยแรงหนุนจากคาดการณ์ที่ว่า ECB จะดำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม ซึ่งบดบังปัจจัยกดดันจากสถานการณ์ไม่สงบในหลายประเทศรวมถึงฮ่องกง
ส่วนตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ปรับตัวในแดนลบโดยประเด็นกดดันยังมาจากความไม่สงบในฮ่องกงและจับตาดูตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญของหลายประเทศในวันนี้
ค่าเงินบาทอ่อนค่าลงค่อนข้างแรง ล่าสุดปรับตัวในกรอบ 32.35-32.50 บาท/ดอลลาร์
ราคาน้ำมันดิบในตลาด NYMEX ส่งมอบเดือน พ.ย. ดิ่งแรง 3.41 ดอลลาร์/บาร์เรล มาปิดที่ 91.16 ดอลลาร์/บาร์เรล จากการปรับลดลงของราคาน้ำมันรวมถึงค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯที่แข็งค่าขึ้นสูงสุดในรอบ 4 ปีรวมถึงคาดการณ์ว่าสต๊อกน้ำมันดิบรอบสัปดาห์จะปรับตัวเพิ่มขึ้น
ราคาทองคำในตลาด COMEX ส่งมอบเดือน ธ.ค. ร่วงแรง 7.20 ดอลลาร์/ออนซ์ มาปิดที่ 1,211.60 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังดอลลาร์สหรัฐฯแข็งค่าขึ้น รวมถึงเทศกาลวันหยุดของจีนซึ่งเป็นประเทศที่ซื้อทองคำมากที่สุดประเทศหนึ่งเป็นอีกปัจจัยกดดัน
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
1-7 ต.ค. - จีน: ตลาดปิดทำการ เฉลิมฉลองวันชาติ
1-2 ต.ค. - ฮ่องกง:ตลาดปิดทำการ
1 ต.ค. - ไทย: IMPACTเริ่มเทรดวันแรก (ราคา IPO 10.60 บาท)
- สหรัฐ: ISM Manufacturing (ก.ย)
- EU: อัตราเงินเฟ้อ(ก.ย.)
2-6 ต.ค. - อินเดีย:ตลาดปิดทำการ วัน Mahatma Gandhi
2 ต.ค - ไทย: SMART เริ่มเทรดวันแรก (ราคา IPO 1.90 บาท)
- EU: ECB Meeting
3 ต.ค. - เกาหลีใต้: ตลาดปิดทำการ:วัน National Foundation Day
- สหรัฐ: การจ้างงานนอกภาคเกษตร(ก.ย.)
6 ต.ค. - มาเลเซีย: ตลาดปิดทำการ วัน Hari Raya Haji
- ฟิลิปปินส์:ตลาดปิดทำการ วัน Eid Al-Adha
7 ต.ค - ออสเตรเลีย: RBA Meeting
10-11 ต.ค - สหรัฐ: IMF meeting
Contact person : Somchai Anektaweepon
Research Dept. Tel: 02-646-9967, 02-646-9852