- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 28 August 2019 18:53
- Hits: 2531
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
“กังวล IYC สงครามการค้า แต่วันนี้เริ่ม Thailand Focus”
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : --
ภาวะตลาดและปัจจัย : SET วานนี้ -7.26 จุด ปิดที่ 1615.47 จุด มูลค่าการซื้อขายหนาแน่นขึ้นเป็น 69.7 พันล้านบาท ดัชนีฯ ปรับลงสวนทางกับตลาดหุ้นในภูมิภาคแถบนี้ ยังไม่แน่ใจสงครามการค้า ครบกำหนด MSCI ปรับลดน้ำหนักไทย และผู้ตรวจการแผ่นดิน ให้ส่งศาลรธน.วินิจฉัยกรณีนายกฯกล่าวถวายสัตย์ไม่ครบถ้วน ผู้ซื้อสุทธิคือ รายย่อยและสถาบัน ส่วนขายสุทธิเป็นต่างชาติ และโบรกเกอร์ โดยต่างชาติขาย 1.7 พันลบ. ตั้งแต่ต้นเดือนถึงปัจจุบันต่างชาติขายสุทธิสูงขึ้นเป็น 51.7 พันล้านบาท ด้านแนวโน้มตลาดและกลยุทธ์คือ
# ปัจจัยสำคัญ: ปัจจัยโดยรวมยังเป็นลบ แต่ยังดีมีไทยแลนด์ โฟกัส ความกังวลเศรษฐกิจชะลอในอนาคต พิจารณาจาก Inverted Yield Curve (IYC) วานนี้เกิดขึ้นอีกครั้ง เช่นเดียวกับเช้านี้ และจีนปฏิเสธไม่ได้โทรหาทรัมป์ ทำให้เกิดความไม่แน่ใจถึงการที่จะกลับมาเจรจากัน MSCI ลดน้ำหนักไทยยังมีผลต่อเนื่อง บาทอ่อนค่า เงินไหลออก ดัชนีความกังวลเพิ่มเป็น 20.31 จุด และการเมืองไทยร้อนแรงขึ้นเรื่องผู้ตรวจการแผ่นดินส่งศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาเรื่องการถวายสัตย์และคุณสมบัตินายกฯ ด้านปัจจัยบวกคือ มีงานไทยแลนด์โฟกัส เริ่มวันนี้-30 ส.ค.62 ราคาน้ำมันกลับมาปรับขึ้นได้ ตลาดหุ้นเพื่อนบ้านเช้านี้รีบาวด์ ด้านดาวโจนส์และน้ำมันล่วงหน้าปรับตัวขึ้นได้
# ระยะสั้นคาด SET- อาจมีรีบาวด์ แต่ยังต้องระมัดระวังแรงขายเช่นเดิม จากปัจจัยแวดล้อมข้างต้น คาดว่าหลักทรัพย์ขนาดใหญ่ส่วนใหญ่จะแกว่งตัวสูง เพื่อความปลอดภัยยังเน้นหุ้น Defensive เช่น บริโภค ขนส่ง การแพทย์ หุ้นปันผลสูง รวมทั้งหุ้นกลุ่ม REITs และ IFF ยังมี Yield Spread น่าพอใจ แนะนำ ซื้อ AIMREIT,DREIT, DIF คาด SET จะซื้อขายอยู่ในกรอบ 1600-1630 จุด กลยุทธ์ คือ ซื้อเล่นสั้น เข้าไว-ออกไว การลงทุนให้ทยอยสะสมเมื่ออ่อนตัว แนวต้านเป็น 1620-1630 จุด ส่วนแนวรับที่ 1600-1580 จุด สำหรับการลงทุนทยอยซื้อสะสม ส่วนกลุ่มหลักทรัพย์ที่แนะนำ มีพื้นฐานแข็งแกร่ง หาจังหวะทยอยสะสมได้ คือ พาณิชย์-CPALL, BJC ท่องเที่ยว- ERW,MINT ขนส่ง AOT,BEM,BTS อาหาร CPF,TU,TKN สื่อสาร- ADVANC ไฟแนนซ์- KKP,TISCO, AEONTS การแพทย์- RJH,CHGและสื่อ- VGI
# Stock Pick Today : RJH เข้าสู่ฤดูกาลที่ดีของธุรกิจโรงพยาบาล คาดกำไรใน 2H62 จึงโตกว่า 1H62 ถึง 32% และไม่มีเปิดโรงพยาบาลใหม่ต้นทุนไม่สูงขึ้น แม้ว่าวันนี้เป็นวัน XD ราคาหุ้นปรับลงตามปันผลที่ 0.60 บาทต่อหุ้น แต่สามารถซื้อลงทุนได้ เนื่องจากคาดการณ์อัตราการเติบโตกำไรหลักสดใสปีนี้และปีหน้าเป็น+39%/+11% ตามลำดับ P/E ปี 62 ที่ 18.4 เท่า ต่ำกว่ากลุ่มที่ 30 เท่า ราคาพื้นฐาน 33 บาท
การวิเคราะห์ทางเทคนิค ระยะสั้น สัญญาณ Candlestick & Indicators เป็นลบ {“ปิดลบ”ใต้“SMA10 วัน”ต่อเนื่อง (และถูกกดดันจาก“โครงสร้างขาลง – ระยะกลาง”)} ชี้ความน่าจะเป็นของตลาดฯวันนี้“แกว่ง”แบบให้น้ำหนักกับการลง แต่“ค่าบวก” (แรงหนุน“เดิม”ของสภาวะOversold ในกราฟรายนาที) อาจจะช่วยให้มีรีบาวด์ฯสั้นๆก่อน(แล้วจึงลงต่ำ,ตามมา)ได้ แนวต้าน 1620 – 1630 (หรือ 1640) จุด {แนวตัดขาดทุน “ต่ำกว่า 1610” (แนวรับย่อย “1600 – 1580 / 1560” จุด}สำ หรับการ Scan หุ้นที่มีโอกาสทำ New high ที่เข้ามาใหม่เป็น TASCO,EPG,RS,RJH ที่ยังคงอยู่ใน List ได้แก่ COM7,SISB,GFPT หุ้นที่หลุด List คือTRUE,KBANK และที่ให้หาจังหวะTake profit WHA,GUNKUL,AOT,TOA,BGRIM,NETBAY
Thailand Research Team : reseach-th.dbs.com
Inside Story
Key Drivers TODAY : ปัจจัยต่างประเทศ / ปัจจัยในประเทศ
STOCK in Focus : HREIT (ซื้อ -ราคาพื้นฐาน 10.00)
In The News : TCAP (ถือ -ราคาพื้นฐาน 59.50)
ข่าวเด่นวันนี้
Key Drivers TODAY
ปัจจัยต่างประเทศ
- สหรัฐ: กลับมากังวล IYC (Inverted Yield Curve)
# ตลาดพันธบัตรสหรัฐเกิดภาวะ inverted yield curve เมื่อคืนนี้ โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 2 ปี อยู่สูงกว่าพันธบัตรอายุ 10 ปี ซึ่งเป็นการบ่งชี้ถึงแนวโน้มการเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย
# เมื่อเวลา 21.23 น.ตามเวลาไทยเมื่อคืนนี้ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 2 ปี อยู่ที่ระดับ 1.549% ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี อยู่ที่ระดับ 1.513% ส่วนอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ30 ปี อยู่ที่ระดับ 1.987% ซึ่งถือเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่วันที่ 14 ส.ค.ปีนี้ที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 30 ปีร่วงลงต่ำกว่าระดับ 2.00%
- สหรัฐ-จีน: การเจรจาการค้ายังมีความไม่แน่นอนสูง
# ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีน หลังจากนายเกิง ชวง โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของจีนกล่าวยืนยันเมื่อวานนี้ว่า เขาไม่ได้รับทราบข่าวที่ว่าเจ้าหน้าที่จีนได้โทรศัพท์ 2 ครั้งมายังเจ้าหน้าที่สหรัฐเพื่อเรียกร้องให้ทั้งสองฝ่ายกลับมาเจรจาการค้า ตามที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์กล่าวอ้างก่อนหน้านี้ขณะเดียวกันนายเกิงยังได้แสดงความผิดหวังที่สหรัฐยังคงเพิ่มการเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีน สิ่งจะส่งผลกระทบต่อทั้งสองฝ่าย
-/+ สหรัฐ: ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคลดลง แต่ดัชนีราคาบ้านทั่วประเทศเพิ่มขึ้น
# สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจล่าสุดของสหรัฐที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ ผลสำรวจของ Conference Board ซึ่งเป็นสถาบันวิจัยเศรษฐกิจ ระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐลดลงสู่ระดับ 135.1 ในเดือนส.ค. จากระดับ 135.8 ในเดือนก.ค. แต่สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 129.5
# ขณะที่ผลสำรวจของเอสแอนด์พี คอร์โลจิก เคส ชิลเลอร์ ระบุว่า ดัชนีราคาบ้านทั่วประเทศในสหรัฐเพิ่มขึ้น 3.1% ในเดือนมิ.ย. เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีที่แล้ว แต่ชะลอตัวจากที่เพิ่มขึ้น 3.3% ในเดือนพ.ค.
- ดาวโจนส์: ปรับลง กังวล IYC และสงครามการค้า
# ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 25,777.90 จุด ลดลง 120.93 จุด หรือ -0.47% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่2,869.16 จุด ลดลง 9.22 จุด หรือ -0.32% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,826.95 จุด ลดลง 26.79 จุด หรือ -0.34%
# ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (27 ส.ค.) หลังจากตลาดพันธบัตรสหรัฐเกิดภาวะ inverted yield curveหรือภาวะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะสั้นสูงกว่าอัตราผลตอบแทนระยะยาว ซึ่งบ่งชี้ถึงแนวโน้มเศรษฐกิจถดถอยนอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีน หลังจากถ้อยแถลงของโฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีนออกมาสวนทางกับที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ได้ให้ความหวังกับตลาดไว้ก่อนหน้านี้
+ น้ำมัน: เพิ่มขึ้น หลังคาดสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐจะลดลง
# สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนต.ค. เพิ่มขึ้น 1.29 ดอลลาร์ หรือ 2.4% ปิดที่ 54.93 ดอลลาร์/บาร์เรล
# สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนต.ค. เพิ่มขึ้น 81 เซนต์ หรือ 1.4% ปิดที่ 59.51 ดอลลาร์/บาร์เรล
# สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 2% เมื่อคืนนี้ (27 ส.ค.) โดยได้ปัจจัยหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐจะลดลงติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 2 รวมทั้งรายงานที่ว่า สมาชิกกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ได้ให้ความร่วมมือมากขึ้นในการปฏิบัติตามข้อตกลงการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมัน
- ทองคำ: บวกสดใส หลังตลาดหุ้นและดอลลาร์สหรัฐอ่อนตัว
# สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 14.60 ดอลลาร์ หรือ 1% ปิดที่1,551.80 ดอลลาร์/ออนซ์
# สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (27 ส.ค.) เนื่องจากนักลงทุนแห่ซื้อทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัยหลังจากตลาดหุ้นสหรัฐร่วงลง ท่ามกลางความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีน นอกจากนี้สัญญาทองคำยังได้รับแรงหนุนจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ
• ติดตามตัวเลขเศรษฐกิจประกาศสัปดาห์นี้
# ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 2/2562 (ประมาณการครั้งที่ 2), ยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เดือนก.ค., ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือนก.ค., การใช้จ่ายส่วนบุคคลเดือนก.ค. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนส.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน
ปัจจัยในประเทศและข่าวหลักทรัพย์
+ งานไทยแลนด์โฟกัสคาดช่วยสร้างความเชื่อมั่นนักลงทุนต่างประเทศดีขึ้น
# 28-30 ส.ค.62 ตลาดหลักทรัพย์จัดงาน "Thailand Focus 2019: Embracing Opportunities - The Next Chapter"เพื่อให้ข้อมูลเกี่ยวกับบจ.ต่างๆ กับนักลงทุนต่างประเทศและสถาบัน คาดว่าจะสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุนได้เป็นอย่างดี อย่างไรก็ตาม สภาพแวดล้อมต่างประเทศที่ไม่เป็นใจต่อการลงทุน ก็อาจจะไม่ได้เห็นผลอย่างรวดเร็วนัก
-ปัจจัยการเมืองไทย: เพื่อไทย เดินหน้าเปิดอภิปรายทั่วไป และ ศาล รธน.นัดวินิจจัยคุณสมบัตินายกฯ"ประยุทธ์"
# พรรคเพื่อไทย เดินหน้าเปิดอภิปรายทั่วไป แม้ผู้ตรวจการแผ่นดินส่งศาลรนธ.วินิจฉัยปมถวายสัตย์ฯไม่ครบถ้วนแล้วก็ตาม
# ศาล รธน.นัดวินิจจัยคุณสมบัติ "ประยุทธ์" กรณีเจ้าหน้าที่รัฐเป็นแคนดิเดทนายกฯ 18 ก.ย.62
- ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) เดือนก.ค.62 อยู่ที่ 100.7 หดตัวลง 3.23% y-o-y
# สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) เผยดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) เดือนก.ค.62 อยู่ที่ 100.7 หดตัวลง 3.23%เมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยอุตสาหกรรมหลักที่ส่งผลลบต่อดัชนี ได้แก่ รถยนต์และเครื่องยนต์ น้ำมันปิโตรเลียม เหล็กและเหล็กกล้าขั้นมูลฐาน ผลิตภัณฑ์ยาง และชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ สาเหตุหลักมาจากผลกระทบจากเศรษฐกิจและการค้าโลกที่ชะลอตัวต่อเนื่องและคำสั่งซื้อจากตลาดต่างประเทศชะลอตัวลง ยกเว้นน้ำมันปิโตรเลียมที่มีการซ่อมบำรุงโรงกลั่น
-สศอ. ปรับคาดการณ์ MPI และ GDP ภาคอุตสาหกรรมปี 62
# สศอ. ปรับคาดการณ์ MPI และ GDP ภาคอุตสาหกรรมปี 62 เหลือโต 0.0 - 1.0% จากเดิมที่คาด 2-3%ในช่วงต้นปีที่ผ่านมา โดยปัจจัยสำคัญมาจากผลกระทบจากสงครามการค้าที่ทำให้การส่งออกสินค้าไทยลดลงและทำให้การผลิตสินค้าลดลงด้วย
-ธนาคารพาณิชย์: แนวโน้มสินเชื่อช่วงที่เหลือปีนี้ยังเผชิญข้อจำกัดในการฟื้นตัว
# ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดแนวโน้มสินเชื่อของระบบธนาคารพาณิชย์ไทยในช่วงที่เหลือของปี 2562 อาจเผชิญข้อจำกัดของการฟื้นตัวในช่วงที่เหลือของปี 2562 และธนาคารพาณิชย์หลายแห่งยังคงติดตามประเด็นคุณภาพสินทรัพย์ และต้องเร่งบริหารจัดการปัญหาในเชิงรุกมากขึ้น เนื่องจากปัจจัยเสี่ยงทางเศรษฐกิจ ทั้งในและต่างประเทศ อาจเพิ่มความท้าทายต่อแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยตลอดช่วงครึ่งหลังของปี
+ TCAP: หุ้นวานนี้ปรับขึ้นดี หลังประกาศบริหารเงินด้วยการซื้อหุ้นคืนและปันผลพิเศษ
# วานนี้ราคาหุ้น TCAP ปรับขึ้น เพราะข่าว TCAP ประกาศจ่ายเงินปันผลพิเศษ 4 บาทต่อหุ้นและจะทำรายการซื้อคืนในจำนวนไม่เกิน 97 ล้านหุ้น (8.5% ของจำนวนหุ้นที่มีอยู่เดิม) ด้วยงบประมาณ 5 พันล้านบาท
# ผลกระทบ: ราคาเฉลี่ยหุ้นซื้อคืนอยู่ที่ 51.55 บาทต่อหุ้น และหากในอนาคตหุ้นซื้อคืนไม่ขายออกมา แต่ยุบไป กำไรต่อหุ้นมูลค่าบัญชีต่อหุ้น และ ROE จะปรับขึ้นได้ เพราะจำนวนหุ้นปรับลดลง อีกทั้งปันผลพิเศษคิดเป็นผลตอบแทนปันผลที่ราคาปิดคือ 7.4% ถือว่าสูง ยังไม่รวมปันผลดำเนินงานปีนี้ที่นักวิเคราะห์คาดไว้คือ 2.40 บาท (ยังไม่จ่ายรอบครึ่งปี) ปันผลรวมปีนี้จะสูงเป็น 6.40 บาท คิดเป็นผลตอบแทนปันผลรวมที่ 11.9% ถือว่ามากทีเดียว ราคาพื้นฐานเป็น 59.50 บาทแนะนำ ถือแต่ก่อนหน้าราคาหุ้นร่วงมาพร้อม TMB จึงยังมีส่วนเพิ่ม 10% อาจเก็งกำไรได้
นักวิเคราะห์&กลยุทธ์ : สมบัติ เอกวรรณพัฒนา : [email protected]