- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 28 August 2019 18:47
- Hits: 2038
บล.เออีซี : Daily Focus
AECS Daily Focus
--------------------
Market Outlook
• วันนี้มอง SET Index แกว่ง Sideway ในกรอบ 1,600-1,625 จุด แม้ปัจจัยในประเทศมี Sentiment บวกมากขึ้นจากมาตรการช่วยเหลือภาคเกษตร แต่ถูกกลบด้วยปัจจัยต่างประเทศที่ต้องติดตามประเด็นสงครามการค้าที่ยังมีความไม่แน่นอนสูง
• Market Factor
• (watch) จับตาภาวะ Inverted Yield Curve สะท้อนจากYield ของ 10Y US Bond กลับมาเพิ่มสูงกว่า 2Y US Bond ทำให้ 2-10 Spread ติดลบที่ระดับ 5 bps บวกกับ VIX Index ที่ปิดบวก 4.87%DoD สะท้อนถึงความกังวลของนักลงทุนที่มีต่อภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวในอนาคต
• (watch) ประเด็นสงครามการค้าที่ยังมีความไม่แน่นอนสูงหลังนายเกิงชวง โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของจีนยืนยันว่าจีนไม่ได้โทรศัพท์ไปเจรจากับทางสหรัฐฯ ตามที่ประธานาธิบดีสหรัฐกล่าวอ้าง
• (+) รัฐบาลจีนพิจารณาประกาศใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศเช่นการผ่อนคลายข้อจำกัดในการซื้อขายรถยนต์และสนับสนุนให้มีการซื้อรถยนต์ประหยัดพลังงานหลังเศรษฐกิจมีแนวโน้มชะลอตัวจากผลกระทบจากสงครามทางการค้า
• (-) สศอ.เผยดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) เดือนก.ค.62 อยู่ที่ 100.7 หดตัวลง 3.23%YoY โดยอุตสาหกรรมหลักที่ส่งผลลบต่อดัชนี ได้แก่ รถยนต์และเครื่องยนต์ น้ำมันปิโตรเลียม เหล็กสาเหตุหลัก มาจากผลกระทบจากเศรษฐกิจและการค้าโลกที่ชะลอตัว (สำนักข่าวอินโฟเควสท์)
• (+) ครม.เห็นชอบโครงการประกันรายได้ให้กับชาวนาที่ปลูกข้าวนาปี และชาวสวนปาล์มน้ำมัน ปีการผลิต 2562/63 วงเงินรวม 60,355 ลบ. แบ่งเป็นการประกันรายได้ข้าวนาปี 21,495 ลบ. ประกันรายได้ปาล์มน้ำมัน 13,378 ลบ. และการสนับสนุนต้นทุนการผลิตข้าวนาปี มีวงเงิน 25,482 ลบ. (กรุงเทพธุรกิจ)
• (watch) ติดตามมาตรการรับมือความผันผวนจากภาวะสงครามการค้า และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม จากที่ประชุมครม.เศรษฐกิจวันศุกร์ที่ 30 ส.ค. นี้ (กรุงเทพธุรกิจ)
• (-) Consensus ปรับลดประมาณการ EPS โดยข้อมูลจาก Bloomberg Consensus พบว่าเมื่อต้นปี EPS ปี 62 ที่ 115.14 บาท ขณะที่ปัจจุบันเหลือเพียง 101.0บาท หรือลดลง 12.28%YTD
• Update Flow เมื่อวานนี้ต่างชาติคงขายสุทธิในตลาดหุ้นไทย 1,727.4 ลบ. ส่งผลภาพรวมMTD ต่างชาติขายสุทธิอยู่ที่ 51,659.31 ลบ. (สวนทางกับรายย่อยและสถาบันที่ซื้อสุทธิรวมกัน 59,780.9 ลบ.)
• Investment Strategy
• สัปดาห์นี้เรายังมีมุมมองเป็นลบ โดยประเมินกรอบ SET Indexรายสัปดาห์ จะเปิด Downside Risk ลงมาที่แนวรับที่ 1,590 และแนวต้าน 1,640 จุด โดยมีปัจจัยต่างประเทศยังคงกดดันหลังประเด็น Trade war ระหว่างสหรัฐฯ-จีนยังมีความไม่แน่นอนต่อเนื่อง โดยเราแนะนำให้นักลงทุนระมัดระวังในการลงทุน ถือเงินสดมากขึ้น และแนะนำเลือกหุ้นรายตัวโดยทยอยเก็บเข้าพอร์ตในหุ้นหลัก 3 กลุ่ม ดังนี้
• หุ้นกลุ่มที่จะได้ประโยชน์จากแผนกระตุ้น ศก.ของรัฐฯ: เรามองว่า ครม. ชุดใหม่ที่มีการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการจะเร่งออกนโยบายกระตุ้น ศก. ในระยะสั้นเพื่อพยุง ศก. เราจึงแนะนำหุ้นที่ได้ประโยชน์และมี Upside ได้แก่ BJC (ช่วง 2H62 คาดเห็นการฟื้นตัวHoHจากการขยายสาขา BigC มากขึ้นจากสาขาทั้งในประเทศ 7 สาขา และสาขาที่กัมพูชา 1 สาขา BigC Food Place 1 สาขา และ Mini BigCราว 200 สาขา), SEAFCO (แม้ช่วง 2H62 คาดรับรู้งานลดลง แต่ยังมี Backlog 2.3 พัน ลบ. คาด Secured Revenue 100% ในช่วงที่เหลือของปีนี้ บวกกับยังมี Upside Risk จากงานประมูลใหม่อีก 1.9 หมื่น ลบ.), CPALL (ช่วง 3Q62 แม้เข้าสู่ Low Season แต่ด้วยการจัดโปรโมชั่น แสตมป์จัดหนักกระตุ้นยอดขาย และการได้ประโยชน์จากฐานที่ต่ำปีก่อนจะหนุนSSSG เติบโตต่อเนื่อง พร้อมยังคงเป้าขยายสาขาร้านสะดวกซื้อปีนี้ที่ 700 สาขา)
• กลุ่ม Defensive Stock: เราเลือกหุ้นที่มีอัตราจ่ายปันผลน่าดึงดูดบวกกับกำไรช่วง 2H62 มีแนวโน้มโตดี แนะนำ ASK (ช่วง 2H62 คาดกำไรสุทธิมีแนวโน้มโตต่อ หนุนด้วยสินเชื่อรถพาณิชย์ที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตามงานก่อสร้างภาครัฐฯที่จะทยอยเร่งตัวขึ้นบวกกับคาดได้ประโยชน์จากการทยอยเปลี่ยนรถตู้เป็นรถ มินิบัสของผู้ประกอบการรถโดยสารสาธารณะตามมาตรการของ ขสมก.
• กลุ่มที่คาดผลดำเนินงานมีแนวโน้มดีต่อเนื่อง: เหมาะกับการทยอยซื้อสะสม โดยเน้นหุ้นที่กำไรช่วง 2Q62 คาดโต YoYและช่วง 2H62 โตต่อ แนะนำSAWAD (คาดกำไรปี62 โต30.8%YoY หนุนด้วยเป้าพอร์ตสินเชื่อโต 20-30% พร้อมแผนเปิดสาขาใหม่อีก 300 สาขา, Asset Yield ฟื้นตัวตามสัดส่วนการรับรู้รายได้ผ่านสัญญาเงินกู้ผ่าน BFIT ที่มากขึ้นโดยล่าสุด SAWAD รายงานการถือครองหุ้น BFIT หลังTender Offer ที่ 82.04% บวกกับต้นทุนทางการเงินที่ปรับลงหลังได้รับเงินเพิ่มทุนจากพันธมิตร), SELIC (คาดปี 62 เห็นการ Turnaround ของกำไรสุทธิหลังเริ่มรวมงบการเงินกับ PMCT ซึ่งคาดเห็น Synergy ชัดเจนขึ้นตามลำดับทั้งในด้านการพัฒนาสินค้าใหม่และการขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่มใหม่อีกทั้งยังไม่มีค่าใช้จ่ายเพื่อปรับโครงสร้างธุรกิจมากเช่นปีก่อน), III (ช่วง 2Q62 กำไรโต 45.8%YoY หนุนด้วยธุรกิจขนส่งสินค้าทางอากาศและธุรกิจบริหารจัดการโลจิสติกส์ บวกกับมีส่วนแบ่งกำไรที่โต 364%YoY จากธุรกิจที่เข้าซื้อกิจการสิงคโปร์และฮ่องกงในปี 61-62 ตามลำดับ) และ ARROW (ช่วง 2Q62 กำไรโต YoYหลังมาร์จิ้นเริ่มฟื้นตัวจากต้นทุนเหล็กที่ลดลงและนโยบายการปรับราคาขายที่ดี จึงปรับเพิ่มประมาณการคาดปี 62 กำไรทั้งปีโต 10.3%YoY)
27-Aug-19 Change (pts.) 26-Aug-19
SET Index 1,615.47 -7.26 1,622.73
SET50 Index 1,065.29 -6.45 1,071.74
SET100 Index 2,353.67 -13.47 2,367.14
High 1,630.55 Gainers 673
Low 1,612.10 Unchanged 493
Value (Bt m) 69,671.89 Losers 825
Volume (*000) 20,271,634
Market Valuation
SET Data 2018F 2019F Long Term
Fwd PER (x) 15.9 14.3 14.3
EPS Growth (%) 13.9 9.3 1.8
EV/EBITDA (x) 10.9 10.0 9.6
FWD PBV (x) 1.8 1.7 1.6
Dividend Yield (%) 3.1 3.5 3.7
ROE 11.0 11.2 11.2
Net Buy/Sell by Investor Types
Unit : M Bt 27-Aug-19 WTD MTD YTD
Institution 578.15 (3,602.67) 26,087.48 22,910.29
Proprietary (534.57) 308.47 (8,121.62) 10,415.33
Foreign (1,727.40) (3,119.94) (51,659.31) 9,043.49
Individual 1,683.82 6,414.14 33,693.45 (42,369.11)
AECS ( Fundamental and Strategic Team )
จิรภัทร โบสุวรรณ (ID. 040051) [email protected]
ตฤณ สิทธิสวัสดิ์ (ID. 091364) [email protected]
ภัทรพล จันทร์อินทร์ (ID. 089932) [email protected]
ธีรยุทธ ฤทธิเผ่าพันธุ์ ผู้ช่วยนักวิเคราะห์
สุวรรณา อัศวเหล่าวรพงศ์ Data Support / Secretary